โปรดเกล้าฯพระราชกฤษฎีกา
ประชุมรัฐสภา
3กรกฎาคมสมัยสามัญครั้งที่1
พท.โยนกก.บห.ชี้ขาด27มิ.ย.
แข่งชิงปธ.สภากับ‘ก้าวไกล’
ผวาขั้วอำนาจเก่าตีท้ายครัว
‘มาร์ค’กั๊กนั่งหัวหน้าปชป.
ราชกิจจาฯ ประกาศ พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา3 กรกฎาคมนี้ เริ่มสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ด้านเพื่อไทย โยนกก.บห.ชี้ขาดชิงเก้าอี้ประธานสภาแข่งกับก้าวไกล 27 มิถุนายน ผวาขั้วอำนาจเก่าตีท้ายครัว “มาร์ค”ย ังแทงกั๊กกลับไปนั่งหัวหน้าประชาธิปัตย์ ขณะที่เด็ก “บิ๊กป้อม” ฟันธง “พิธา” กินแห้วไปไม่ถึงเก้าอี้นายกฯ
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ.2566ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 แล้ว และตามความในมาตรา 121 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาภายใน15วันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการเลือกตั้งทั่วไป โดยให้ถือเป็นวันเริ่มสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 121 มาตรา 122 และ มาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี. “พรพิศ” ยัน พร้อมเปิดประชุมรัฐสภา 3 ก.ค. ส่วนวันเลือกปธ.สภาฯ รอเพียง 2-3 พรรค เห็นชอบ เผย แนวโน้มส่วนใหญ่ เห็นพ้องต้องกัน เปิดประชุม นัดแรก 4 ก.ค.
รัฐสภาพร้อมประชุม
นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์หลังมีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาในวันที่ 3 ก.ค. ว่า ในส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว โดยมีคณะกรรมการเตรียมความพร้อมในการเปิดประชุมรัฐสภา ทั้งสถานที่ การรักษาความปลอดภัย การพยาบาล และการจราจร รวมถึงการประชาสัมพันธ์ เนื่องจากมีบุคคลสำคัญต่างๆ มาร่วมพิธีจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้กำลังรอหมายกำหนดการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ประสานงานไปยังสำนักพระราชวังว่าหมายกำหนดการจะลงมาเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้แจ้งไปยังบรรดาส.ส. เป็นการภายในว่าจะมีการพิธีการเปิดประชุมรัฐสภา
ลุ้นชิงเก้าอี้ปธ.สภา4กค.
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าในวันที่ 4 ก.ค. เป็นการเปิดประชุมนัดแรกเพื่อเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ นางพรพิศ กล่าวว่า เนื่องจาก ณ เวลานี้มีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมออกมาแล้วซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. เป็นต้นไป ซึ่งตามรัฐธรรมนูญจะต้องมีการเรียกประชุมสภาเป็นครั้งแรกภายใน 10 วัน ซึ่งในส่วนนี้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ประสานกับทุกพรรคการเมืองว่าเมื่อมีพิธีการเปิดประชุมรัฐสภา ในวันที่ 3 ก.ค. แล้ว ดังนั้น โอกาสที่จะประชุมสภาฯครั้งแรกในวันที่ 4 ก.ค. เป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งมีหลายพรรคที่ตอบกลับมาว่าพร้อมที่จะประชุมวันที่ 4 ก.ค. รอเพียง 2-3 พรรค ในการตอบกลับมาว่ารอคำตอบว่าจะพร้อมมาประชุมในวันที่ 4 ก.ค. หรือไม่ แต่แนวโน้มส่วนใหญ่เห็นชอบ ให้มีการประชุมสภาฯนัดแรก เพื่อเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ทั้ง 2 คน ในวันที่ 4 ก.ค. เวลา 09.30 น. และทันทีที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันทางสำนักเลขาสภาผู้แทนราษฎร ก็จะทำหนักสือเชิญส.ส.ประชุม ซึ่งจะต้องแจ้งก่อนล่วงหน้า 3 วัน ตามข้อบังคับการประชุม
มั่นใจ27มิ.ย.พท.ได้ข้อสรุปปธ.สภา
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนเกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯหลังส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าตำแหน่งดังกล่าวควรอยู่กับพรรคเพื่อไทยว่าวันที่ 27มิ.ย.พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคในช่วงบ่ายเพื่อรายงานข้อสรุปการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการรวมถึงรายงานไทม์ไลน์เปิดสภาความคืบหน้าเกี่ยวกับการประสานงานร่วมรัฐบาลกับ8พรรคฯและตำแหน่งประธานสภาที่กรรมการบริหารได้มอบหมายให้ผู้แทนไปดำเนินการซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่มีข้อยุติก็จะได้รับฟังแนวทางที่กรรมการบริหารจะให้ดำเนินการต่อจากนั้นจะมีการประชุมส.ส. จะนัดหมายการไปร่วมรัฐพิธีรวมถึงรายงานสิ่งที่กรรมการบริหารได้หารือกันต่อที่ประชุมส.ส.
เมื่อถามว่าจะมีการลงมติเกี่ยวกับประธานสภาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า แล้วแต่ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารและที่ประชุมส.ส.ว่าจะมีความเห็นอย่างไร ตนเชื่อว่าการประชุมน่าจะได้ข้อยุติที่ไปคุยกับพรรคก้าวไกลในวันที่28 มิ.ย. ที่ได้นัดหมายพูดคุยกันเรื่องนี้ที่พรรคเพื่อไทย และหลังจากนั้นวันที่ 29 มิ.ย. หัวหน้าพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรค จะมีการประชุมกันที่พรรคก้าวไกล เมื่อถามว่าวันที่ 28 มิ.ย. จะได้ข้อสรุปกับพรรคก้าวไกลเลยหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่าขึ้นอยู่กับการหารือ ตนเชื่อว่าน่าจะเป็นทิศทางที่อำนวยประโยชน์ต่อการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล
ไม่กังวลขั้วรบ.เดิมจะชง‘สุชาติ’ชิงปธ.
เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ เดิมจะเสนอ นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เป็นประธานสภา นายภูมิธรรม ตอบว่า ตนยังไม่ได้คุยกับ นายสุชาติ แต่ไม่เชื่อว่าจะมีความเป็นไปได้ เพราะอยู่กันคนละพรรค เมื่อเจอ นายสุชาติ จะสอบถามเรื่องนี้ให้ชัดเจน เมื่อถามว่า ตอนนี้เหมือนพรรคร่วมรัฐบาลเดิมมีแนวคิดส่งคนของซีกเขามาแข่งประธานสภา มองอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า เขามีสิทธิเสนอคนมาเป็นประธานสภา เท่าที่ติดตามข่าวมีแต่ความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังไม่เห็นท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลเดิมอื่นๆ แต่ไม่กังวลว่า จะมีปัญหาอะไร เพราะแม้พรรคร่วมรัฐบาลเดิมรวมตัวกันก็มีเสียงไม่เกิน180กว่าเสียง จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้ตำแหน่งประธานสภา ตนคิดว่าตำแหน่งดังกล่าวจะอยู่กับซีก8พรรคที่ร่วมตั้งรัฐบาลอยู่ขณะนี้
‘หมอทศ’ลั่นสกัดปฏิวัติ-ลุยแก้รธน
ที่รัฐสภา เวลา11.30น.นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย(พท.)เดินทางเข้ามารายตัวกับสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรโดยให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าจะเข้ามาต่อสู้ ไม่ให้มีการปฏิวัติหรือรัฐประหารเกิดขึ้นอีก และแก้รัฐธรรมนูญกำจัดซากเดนการยึดอำนาจให้หมดไป รวมทั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญและยุบสภาฯเลือกตั้งใหม่
“ตลอดจนผลักดันพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมการเมือง กรณีที่มีความเห็นแตกต่างทางการเมือง ย้อนไปถึงปี 49 แต่ไม่ได้ตั้งหลักการว่านิรโทษกรรมให้ใคร ยืนยันว่า ไม่ไดช่วยเหลือใครโดยเฉพาะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ก็ต้องไปดูว่าเข้าข่ายหลักเกณฑ์ที่จะได้รับนิรโทษกรรมหรือไม่ เพราะถ้าเป็นคดีทุจริตก็จะไม่ถูกนิรโทษกรรม”นพ.ทศพร ย้ำ
เมื่อถามว่าส่วนเรื่องการเลือกประธานสภาฯ นพ.ทศพร ตอบว่า อยากให้พรรคพท. และพรรรคก้าวไกลไปคุยกันด้วยเหตุผลตกลงกันให้ได้ว่าใครเป็นประธานสภาฯขอให้ทุกคนมีสติในเรื่องนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีหลักการพรรคที่ได้อับดับ 1 ได้เป็นประธานสภาฯ เนื่องจากการเลือกตั้งแต่ละครั้งไม่เคยใครหาเสียงว่า เลือกพรรคของตนแล้วให้ใครเป็นประธานสภาฯ เพราะที่ผ่านมามีแต่ให้พรรคที่มีเสียงข้างมากเป็นประธานสภาฯ แต่ก็ไม่ใช่หลักการ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ส.ส. 500 คนว่าจะเลือกใคร
เชื่อไม่ส่งผลกระทบตั้งรัฐบาลใหม่
“ตำแหน่งประธานสภาฯไม่สามารถ ชี้เป็นชี้ตายได้เหมือนตำแหน่งนายกฯเพราะมีหน้าที่ดูแลระบบนิติบัญญัติและดูแลการประชุมสภาฯให้เป็นไปด้วยความราบรื่นเรียบร้อย เชื่อว่าปัญหาประธานสภาฯระหว่าง 2พรรค จะไม่ส่งกระทบต่อการสร้างความแตกระหว่าง 2 พรรคจนทำให้จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้” นพ.ทศพรกล่าว
เมื่อถามว่า การโหวตประธานสภาฯ ส.ส. พรรค พท. ต้องยึดมติพรรคหรือไม่ นพ.ทศพร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติว่ามีมติพรรคออกมาอย่างไรซึ่งการโหวตจึงเป็นเอกสิทธิ์ ส.ส. 500คน ทุกคนมีสิทธิ์โหวต แต่ควรตกลงให้ได้ว่าจะเสนอชื่อใครเป็นประธานสภาฯเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
ภูมิใจไทยนัดประชุมสส.ใหม่25กค.
ที่สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นำทีม ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เข้ารับหนังสือรับรองจาก กกต. โดยกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ยังไม่ได้หารือกันเรื่องการโหวตประธานสภาผู้แทนฯคาดว่าในการประชุมพรรคภูมิใจไทย ในวันพรุ่งนี้(25มิ.ย.) จะมีการหยิบยกมาหารือและอัพเดทสถานการณ์บ้านเมือง โดยธรรมเนียมปฏิบัติในการโหวตประธานสภาฯว่าจะต้องหารือกันก่อน แต่วันนี้(24มิ.ย.)ยังรายงานตัวส.ส.ไม่ครบ ขณะเดียวกัน ต้องรอความชัดเจนการเจรจาของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ขอให้เป็นสิทธิของพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งได้ดำเนินการก่อน
ย้ำปธ.สภาต้องกลางทางการเมือง
เมื่อถามถึงตำแหน่งประธานสภาฯที่ยังไม่ชัดเจนรวมถึงสมการการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายศักดิ์สยามกล่าวว่ารอให้รายงานตัวส.ส.แล้วเสร็จ และเปิดประชุมสภาฯทุกอย่างจะชัดเจนเพราะขั้นตอนดำเนินการทางกฎหมายมีอยู่แล้ว ขออย่าคาดการณ์สถานการณ์อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และพรรคภูมิใจไทย ยืนยันเคารพหลักการตามระบอบประชาธิปไตยให้สิทธิพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง เป็นผู้ดำเนินการก่อน ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่จะมาทำหน้าที่ประธานสภาฯต้องเป็นผู้ที่ควบคุมการประชุม มีความเป็นกลางทางการเมือง สิ่งเหล่านี้เป็นคุณสมบัติของผู้ที่จะเสนอตัวเข้ามาเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ 1 ใน 3 อำนาจอธิปไตยสำคัญ
ยึดกติกาหนุนพรรคชนะเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าขณะนี้สูตรรัฐบาลมีหลายสูตรและมีสูตรถ้ามีพรรคภูมิใจไทยต้องไม่มีพรรคก้าวไกล นายศักดิ์สยาม กล่าวว่าขอให้รอดีกว่า ให้ทางพรรคก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้งอันดับ1ได้ดำเนินการ ให้กำลังใจพรรคก้าวไกลเพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมา ประชาชนได้มอบความไว้วางใจ ตามครรลองประชาธิปไตย
นายศักดิ์สยามยังกล่าวถึงกรณีหุ้นไอทีวีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลที่อาจทำให้การโหวตนายกฯมีปัญหาว่าต้องรอให้สิ่งเหล่านี้เป็นคำกล่าวหาโดยจะรอดูว่า หน่วยงานที่วินิจฉัยให้วินิจฉัยออกมาให้เรียบร้อย ค่อยตัดสินใจ
ไม่กังวลถูกไล่เช็คบิลหลังพ้นเก้าอี้
นายศักดิ์สยาม เชื่อว่าการส่งมอบงานกระทรวงคมนาคมไม่มีปัญหาอะไรด้วยมีระบบราชการขับเคลื่อน ส่วนรัฐมนตรีขับเคลื่อนนโยบายเพื่อประโยชน์ประชาชนและไม่วิตกกังวลว่าจะมีการเช็คบิลอะไร เพราะหากดำเนินการตามกฎหมาย ก็อย่าไปกังวล
เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยได้ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่โหวตเลือกและไว้วางใจพรรคเลือกส.ส.71 คน พร้อมยืนยันจะทำตามนโยบายและสิ่งที่ได้ประกาศกับประชาชนไว้โดยเฉพาะเรื่องสำคัญในการแก้ปัญหาของประชาชน และรักษาสถาบันหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
“เสี่ยหนู”เรียกประชุมภท.25มิย.
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางเข้ารับหนังสือรับรอง ส.ส. พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ในวันที่25 มิ.ย. จะมีการประชุม ส.ส.พรรค เปรียบเหมือนการปฐมนิเทศ เพราะมีทั้ง ส.ส.หน้าเก่า ส.ส.หน้าใหม่ จะต้องมีการทำความรู้จักกัน ทำความเข้าใจกัน หาวิธีการสร้างความสามัคคี ทำความเข้าใจถึงวัฒนธรรมของพรรค การดูแลประชาชนในรูปแบบของพรรคภูมิใจไทยเป็นอย่างไร คงต้องหารือกันในที่ประชุมพรรค 25 มิ.ย.นี้ แต่ไม่มีวาระเรื่องการโหวตประธานสภาฯ และการโหวตนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ยังมีเวลา ตอนนี้พรรคภูมิใจไทยก็ทำตามที่ตนให้ข่าวมาตลอด คือ ยินดีกับพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง อันดับสอง และทุกพรรค แต่มารยาททางการเมืองพรรค อันดับหนึ่งก็กำลังจัดตั้งรัฐบาลอยู่ ก็ต้องให้เขาจัดตั้งรัฐบาลด้วยความราบรื่น และเรียบร้อยที่สุด เราไม่ควรไปเคลื่อนไหวทางการเมืองในการจัดตั้งอะไร จนกว่าจะมีปัญหา ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร เราก็ทำหน้าที่เป็นพรรคทำตามไทม์ไลน์
เมื่อถามถึงสูตรรัฐบาลว่า “มีภูมิใจไทย ไม่มีก้าวไกล” ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องอธิบาย เพราะไม่เป็นข้อเท็จจริง มีภูมิใจไทยก็ต้องมีทุกพรรคในสภาฯ ขาดใครก็ไม่ได้ มีการเลือกตั้งก็ต้องมีภูมิใจไทย ส่วนการรวมรัฐบาลจะต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่พรรคได้ออกเป็นแถลงการณ์ เรื่องนี้ก็เหมือนสัญญา เหมือนเจตนารมณ์ที่เราต้องทำตาม
ปัดดิลลับกับพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่า มีข่าวว่าพรรคก้าวไกลไปดีลลับกับนายเนวิน ชิดชอบ เพื่อโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน กล่าวว่า ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์ถึงติดลบ หากจะดีลอะไรกับพรรคภูมิใจไทย ต้องดีลกับคน ถ้าไปที่นั่น แสดงว่าไปผิดที่ ทุกอย่างเป็นไปตามครรลอง ส่วนตนก็ทำตามครรลอง พรรคภูมิใจไทยทำตามมารยาททุกอย่าง ถ้าหากไปดีลกับนายเนวิน นายเนวินก็ต้องกลับมาถามตนอยู่ดี พรรคตัดสินใจอะไรด้วยตัวคนเดียวได้หรือไม่ ทุกอย่างต้องเข้าที่ประชุมพรรคตลอด
เมื่อถามต่อว่า ได้มีการปรึกษานายเนวินหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คุยกันทุกวัน คุยเรื่องการเตรียมตัวต่างๆ และมีหลายเรื่องที่เราอาจจะผิดพลาดไปในการวางกลยุทธ์การเลือกตั้ง จากที่คาดว่าจะได้ ส.ส.ประมาณ 80 คน ก็ได้มา 72 คน ส่วนที่หายไปนั้น หายไปไหน หายไปอย่างไร ก็ต้องมาแก้ไข
เมื่อถามย้ำว่า มีการคุยกันเรื่องวางเกมพลิกขั้วอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราเป็นพรรคลำดับสาม ความกดดันยังไม่มาถึงเรา เป็นเรื่องของพรรคลำดับหนึ่ง ในกรณีนี้พรรคอันดับหนึ่ง และพรรคอันดับสอง ก็ประกาศว่าจะอยู่ด้วยกัน แค่ 2 พรรครวมกันได้เกินครึ่งแล้ว เราจะไปทำอะไร เราก็ต้องอยู่ ทำตามหน้าที่ปัจจุบันคือการเป็น ส.ส.
เมื่อถามว่า มีความพร้อมและซักซ้อมการเป็นผู้นำฝ่ายค้านแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้ทุกบทบาท
ด้านกกต.สรุปผู้มารับรองสส.แล้ว 499 คน ยังเหลือนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจากติดภารกิจเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่นในฐานะรักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อศึกษาดูงานฟาร์มโคนมตัวอย่าง
‘จุรินทร์’เชื่อเลือกกก.บห.ใหม่ไร้ปัญหา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่จะเป็นคนจากภาคใต้ หรือเป็นคนรุ่นใหม่ว่าในวันที่ 9 ก.ค.นี้พรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุมใหญ่ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่รวมทั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรคด้วย ส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะมีปัญหาใดๆทุกอย่างเป็นไปตามข้อบังคับ กติกา ที่พรรคประชาธิปัตย์ปฏิบัติกันมาตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีอยู่แล้ว เมื่อมีมติออกมาอย่างไรก็เป็นไปตามมตินั้น
“ส่วนหัวหน้าพรรคจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือคนบ้านเดียวกันหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ อยู่ที่มติของพรรค แต่เชื่อว่าทั้งหมดก็ต้องเป็นไปโดยความสมัครใจของผู้ที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหัวหน้าพรรค หรือตำแหน่งอื่นใดก็ตาม ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมที่จะเป็นผู้ลงคะแนนเลือก เพราะเป็นวิถีประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งประชาธิปัตย์ได้ใช้วิธีการนี้มาอย่างยาวนาน”รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลหรือไม่นายจรินทร์กล่าวว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์จะมีมติสนับสนุนลงคะแนนในเรื่องการเลือกนายกฯนั้นก็ต้องเป็นมติจากที่ประชุม ส.ส.ของพรรค ซึ่งยังไม่มีการประชุมกัน เพราะว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เพิ่งรับรองและตนก็ได้เชิญส.ส.ใหม่มาประชุมที่พรรคช่วงบ่ายในวันที่ 2 ก.ค.นี้จะประชุมครั้งแรก หลังจากที่ กกต.ได้รับรอง ส.ส.
‘มาร์ค’ชี้โอกาสฟื้นปชป.ต้องมีเอกภาพ
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรคปชป.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวมีชื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคปชป.อีกครั้งว่าคิดว่าทุกคนในพรรค เป็นห่วง เพราะทราบดีว่าสถานการณ์ของพรรคในปัจจุบัน ถือว่ามีความถดถอย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฟื้นฟูพรรค เชื่อว่าเวลานี้สมาชิกส่วนใหญ่ต้องมองไปข้างหน้า ถึงแนวทางของพรรคว่าจะฟื้นศรัทธาได้อย่างไร ตนเห็นว่าการจะเดินหน้าได้ ต้องมีความเป็นเอกภาพโดยอยู่บนพื้นฐานอุดมการณ์ดั้งเดิมของพรรค และต้องสร้างจุดยืนทางการเมืองเพื่อที่จะทำให้พรรคฟื้นฟูขึ้นมาได้ ใจของตนตอนนี้ที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องตัวบุคคล หรือ เรื่องอื่น ยังไม่ใช่เรื่องหลัก อยากให้ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการ ต้องช่วยกันสร้างความเป็นเอกภาพตกผลึกทางความคิดและทิศทางของพรรค
เบรคคัมแบ็ค/กำหนดทิศทางให้ชัด
เมื่อถามว่าหากมีการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์จริง นายอภิสิทธิ์ตอบว่ายังไม่ไปถึงตรงนั้นเพราะการที่พรรคจะฟื้นได้ ต้องมีทิศทางที่ชัดเจน โดยมีความเห็นชอบและตกผลึกร่วมกัน เมื่อเลือกทิศทางใด จึงจะมีคำตอบ ว่าบุคคลที่เหมาะสมคือใคร ถ้าเดินไปตามแบบนี้โอกาสที่พรรคจะฟื้นก็มี ส่วนจะมีการพูดคุยกับรักษาการกรรมการบริหารพรรคหรือไม่นายอภิสิทธิ์ตอบว่าผู้บริหารที่รักษาการ สมาชิก แต่ภาระหลักจะตกอยู่ที่ ส.ส.ใหม่ นอกจากเป็นองค์ประชุมที่สำคัญแล้ว ยังต้องขับเคลื่อนพรรคในที่ประชุมสภา คิดว่าคงมีการรับฟังทุกฝ่ายว่าอะไรเป็นอะไรเพื่อทำให้พรรคฟื้นขึ้นมา
เชื่อในพรรคกำลังพิจารณาแนวทาง
เมื่อถามย้ำว่าสุดท้ายจะมีทางออกหรือไม่เพราะกลุ่มที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ไม่ได้เข้ามาเป็น ส.ส. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าอย่าไปพูดว่าหนุน หรือไม่หนุนอะไร เพราะในที่สุดพรรคต้องเดินแบบมีเอกภาพและตัดสินใจแนวทางที่จะเลือกเดินโดยมี ส.ส.เป็นหลักเพราะคือคนที่ต้องไปทำหน้าที่ในสภาในนามพรรคและเชื่อว่าในพรรคกำลังพิจารณาแนวทางต่างๆอยู่ การพูดคุยกับคนในพรรคมีอยู่ตลอด อยู่ในสังคมการเมืองด้วยกันมานาน แต่ยังไม่เป็นกิจจะลักษณะ
เมื่อถามว่ามีชื่อของนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ หลายคนมองว่าเทียบไม่ได้กับชื่อนายอภิสิทธิ์นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้ถอยออกมาจากเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องตัวบุคคลและการแข่งขัน เพราะเวลานี้สิ่งที่พรรคต้องการ คือ ความเป็นเอกภาพและความชัดเจนที่จะกำหนดแนวทางทางการเมืองต่อไป ส่วนเรื่องอื่น เป็นเรื่องรอง
ลั่นไม่แก้ปัญหาภายในปชป.ฟื้นยาก
เมื่อถามอีกว่าหากมีการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ แต่ในพรรคไม่มีความเป็นเอกภาพและไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันก็จะไม่กลับเข้ามาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า”ต้องพูดตรงๆว่าถ้าไม่มีความเป็นเอกภาพใครก็ฟื้นพรรคไม่ได้ ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องทำให้รู้สึกร่วมกันว่าจะต้องเดินไปในทิศทางใด โดยผู้ที่จะเริ่มก็คือบรรดา ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาต้องเป็นหลัก ขอย้ำว่าไม่ได้สนใจว่าจะไปคุยว่าใครอยู่พวกใครใครจะชิงอะไรแต่สนใจที่จะคุยเรื่องทิศทางทางการเมืองของพรรคมากกว่า พร้อมจะคุยกับทุกคนเพราะปกติส.ส.ที่รู้จักมักคุ้นก็พูดคุยกันส่วนส.ส.ใหม่ที่เข้ามาอาจจะไม่รู้จักแต่เชื่อว่าบุคคลเหล่านี้ผ่านสนามเลือกตั้งมาแล้ว อยู่ในสถานะที่จะพูดคุยรับฟังทุกฝ่ายได้
“สามารถ”ฟันธง”พิธา”กินแห้ว
นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า แม้ว่าจะมีข่าว ความพยายามจัดตั้งรัฐบาลของเสียงข้างน้อย แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากสถานการณ์การเมืองขณะนี้แบ่งออกเป็นสามก๊กเหมือนที่เคยบอกตลอด คือ ก๊กของพรรคก้าวไกล 151 เสียง ก๊กของพรรคเพื่อไทย 141 เสียง และสุดท้ายคือพรรคของรัฐบาลเก่า อีก 188 เสียง ตามกติกาต้องเปิดโอกาสให้ พรรคก้าวไกล ได้จัดตั้งรัฐบาลไปก่อน แม้ว่า ก๊กหลังของรัฐบาลเดิมจะรวมกันได้มากกว่า 2 ก๊กแรกก็ตาม ฉนั้นอย่าทำให้ประชาชนสับสน เพราะการจะเป็นรัฐบาลได้ เสียงในสภาฯจะต้องเกิน 250 เสียง เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลเสียงข้างน้อยจะมาจัดตั้งรัฐบาล
“ไม่มีหรอกครับ ต้องเข้าใจก่อนว่า พรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล จะจับมือกันได้จริงไหม ผมบอกแล้วว่า คุณพิธา จับมือเลี้ยงข้าว ไม่ได้จับมือตั้งรัฐบาล เพราะเสียงของคุณพิธา ไม่เกิน 376 วันนี้ต้องหา ส.ว.66 เสียง หายังไง แล้วจะมาดิสเครดิต ว่ารัฐบาลนี้สืบทอดอำนาจ ไม่ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ สมัย พลเอก เปรม เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ให้ ส.ว. เลือกนายกฯ และให้ ส.ว.อภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย แต่ ส.ว.รัฐบาลชุดนี้ ทำหน้าที่ได้แค่กลั่นกรอง ไม่มีสิทธิ เสนอ “
นายสามารถ ยังมองด้วยว่าเป็นไปไม่ได้ที่พรรคก้าวไกลจะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เพราะจนถึงขณะที่ พรรคก้าวไกลยังไม่ลงตัวกับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะตำแหน่งประธานสภาฯ ที่พรรคก้าวไกล เสนอ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม อีกทั้งการนัดประชุม 8 พรรคก็ยังเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร ติดโควิด ขณะที่สภาฯกำลังจะเปิดเพื่อเลือกประธานฯ ไม่เกินวันที่ 3 ก.ค. นี้
“ผมบอกเลย คุณณัฐวุฒิ ไม่มีโอกาสได้เป็น มีความสามารถ แต่บุญไม่ถึง วันนี้ เปิดชื่อมา พรรคเพื่อไทย ไม่เอา การให้สัมภาษณ์ของสมาชิกพรรคเพื่อไทย อย่าง คุณอดิศร เพียงเกษ และ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แสดงให้เห็นว่าเค้าจับมือกันไม่ได้อยู่แล้ว หวยจะไปออกที่ นายสุชาติ ตันเจริญ หรือไม่ และถ้าก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เสนอไม่ได้ ก็ต้องเป็นกลไกลของสภาว่าจะเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรี ตามแผน ที่ผมเคยบอกไว้คือแผน ลักขื่อเปลี่ยนเสา ” นายสามารถ กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี