ยื่นบัญชีทรัพย์สินหลังพ้นสส.
‘พิธา’รวย85ล.
จนลง41ล้าน-หนี้รวม20ล้าน
ไม่พบโอนหุ้นITVให้ทายาท
ปปช.ข้องใจปมผจก.มรดก
สั่งให้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่ม
ป.ป.ช.เปิดบัญชี“พิธา”แจ้งมีทรัพย์สินรวม 85 ล้าน หนี้รวม 20.7 ล้านเทียบช่วงเข้ารับตำแหน่ง พบจนลง 41 ล้าน แจงถือหุ้นไอทีวี-สหวิริยา ในฐานะ “ผู้จัดการมรดก” แทนทายาทคนอื่น ไม่พบแจ้งโอนหุ้นให้ทายาทช่วงปลายพฤษภาคม 2566
พร้อมแจ้งขายที่ดิน14ไร่ที่ปราณบุรี18ล้าน แต่ไม่ระบุราคาซื้อขาย ด้าน เลขาฯป.ป.ช.สั่งแจงเพิ่มปมอ้างเป็นผู้จัดการมรดก
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลกรณีพ้นจากตำแหน่งส.ส.เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566
‘พิธา’แจ้งมีทรัพย์สินรวม85ล้าน
โดยนายพิธาแจ้งสถานะหย่าเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2562 มีบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1 คนคือ ด.ญ.พิพิม ลิ้มเจริญรัตน์ และมีทรัพย์สินรวม 85,02 3,720 บาท เป็นเงินสด 1.8 ล้านบาท เงินฝาก 286,045 บาท เงินลงทุน 1,346,698 บาท เงินให้กู้ยืม 15 ล้านบาทแก่นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 นอกจากนี้ ยังมีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นห้องชุดย่านคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯมูลค่า 15 ล้านบาท ยานพาหนะ 2,140,000 บาท โดยเป็นรถยนต์ Majesty ได้มาปี 2566 มูลค่า 2 ล้านบาทและรถจักรยานยนต์และจักรยานไฟฟ้ารวม 4 คันมูลค่า 140,000 บาท
ที่ดิน14ไร่ขายแล้วแต่ไม่แจ้งมูลค่า
ในจำนวนทรัพย์สินที่มีนั้น ระบุที่ดิน 1 แปลงเนื้อที่ 14 ไร่ 62 ตารางวา ใน ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 18 ล้านบาทด้วย มีรายละเอียดได้มาเมื่อวันที่10 เมษายน 2560 มูลค่า 18 ล้านบาท และได้แจ้งขายที่ดินดังกล่าวแล้ว แต่ไม่ได้แจ้งมูลค่าการซื้อขาย
ส่วนสิทธิและสัมปทาน 19,413,985 บาท นอกจากเป็นสิทธิที่ได้จากการประกันชีวิตแล้วยังแจ้งสิทธิในหนังสือ 4 เล่มคือ วิถีก้าวไกล ความรักคือการตกหลุมรักหลายๆครั้ง ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน ด้วยรักจากอนาคต ซึ่งระบุมูลค่าผันแปรตามจำนวนเล่มที่ตีพิมพ์ต่อครั้งโดยเฉลี่ยตั้งแต่ 30,000 -100,000 บาท สิทธิใบจองรถ Tesla มูลค่า 5,000 บาท สมาชิกราชกรีฑาสโมสร 1.5 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 12,036,990 บาท อาทิพระเครื่อง 8 องค์ ได้รับมาจากมรดกโดยชอบด้วยกฎหมายมูลค่า 2 ล้านบาท นาฬิกา 10 เรือนมูลค่า 5,707,900 บาท ในจำนวนนี้เป็นนาฬิกา patek 2 เรือน มูลค่า1ล้านบาทและ 2.2 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีสูท 16 ตัว 1.2 ล้านบาท เสื้อ 28 ตัว 188,000 บาท อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 28 ชิ้น 1,654,690 บาท รองเท้า 21 คู่ 150,000 บาท เนคไท 76 เส้น 228,000 บาท กล้อง 2 ตัว 641,700 บาท ชุดเฟอร์นิเจอร์ 1 ชุด 1แสนบาท โทรศัพท์ 3 เครื่อง 166,700 บาท เป็นต้น
เปิดมีหนี้สินรวม20.7ล้าน
สำหรับหนี้สินรวม 20,740,176 บาท โดยเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 807,414 บาท และหนี้สินอื่น 19,932,762 บาท ซึ่งระบุว่าเป็นหนี้ธนาคารยูโอบี จำกัด มหาชน เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 ซึ่งเป็นวันที่ทราบมูลหนี้ โดยเป็นหนี้จากการค้ำประกัน และแจ้งมีรายได้ต่อปีประมาณ 5,12 3,024 บาท เป็นจากเงินเดือน 1,362,720 บาท รายได้จากการขายคอนโดปี 2563 จำนวน 13,673,506 บาท โดยในส่วนนี้เป็นรายได้ระหว่างดำรงตำแหน่งเฉลี่ย 3,418,376.5 บาทต่อปี รายได้จากขายรถ 2 คันปี 2565 จำนวน 936,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ระหว่างการดำรงตำแหน่งเฉลี่ย 2,340,000 บาทต่อปี รายได้จากการขายหนังสือ 431,712 บาท ซึ่งเป็นรายได้ระหว่างการดำรงตำแหน่งเฉลี่ย 107,928 บาทต่อปี
รายจ่ายต่อปีรวม 4,441,208 บาท เป็นค่าใช้จ่ายของตนเอง 3,879,223 บาท ประกอบด้วย ค่าอุปโภคบริโภค 2.4 ล้านบาท ค่าเบี้ยประกัน 80,973 บาทค่าท่องเที่ยว 1 แสนบาท เงินบริจาค 5,193,000 บาท ซึ่งเฉลี่ยเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างการดำรงตำแหน่งปีละ 1,298,250 บาท ค่าใช้จ่ายของบุตร 561,985 บาท โดยเป็นค่าอุปโภคบริโภค 120,000 บาท ค่าเบี้ยประกัน 28,985 บาท ค่าเล่าเรียน 413,000 บาท
ถือหุ้นITV-สหวิริยาในฐานะผจก.มรดก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายพิธาแจ้งรายละเอียดรายการเงินลงทุนว่า ลงทุนใน BTC 0.07374825 หน่วย มูลค่า 69 498.75 บาท ใน ETH 0.19718356 หน่วย มูลค่า 11,969 บาท ใน BNB 1.32544858 หน่วย มูลค่า 15,186 บาท ในADA 758.99100065 หน่วยมูลค่า 8,927 บาท ในบริษัท ไอทีวีจำกัด มหาชนจำนวน 42,000 หน่วย มูลค่า 44, 100 บาท บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด มหาชน 830 หน่วย มูลค่า 41.50 บาท บริษัท ไทยโรจน์ จำกัด 121 หน่วย มูลค่า 30,250 บาท ซึ่งนายพิธาชี้แจงการถือหุ้นในส่วนของบริษัท ไอทีวีฯและบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรีฯว่า ในฐานะผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้คดีหมายเลขแดงที่ 1860/2550 ได้รับมอบหมายจากทายาทผู้มีสิทธิ์รับมรดกของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ตายให้รับโอนหลักทรัพย์หุ้นนี้อันเป็นกองมรดกถือครองไว้แทนทายาทอื่น
ไม่มีแจ้งโอนหุ้นITVให้ทายาท
นอกจากนี้ ยังมีหนังสือรับรองจากบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลิปส์ ประเทศไทย จำกัด มหาชน มีเนื้อหาระบุว่า หนังสือฉบับนี้บริษัทขอรับรองว่านายพิธา เริ่มเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับทางบริษัทเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2546 มีทรัพย์สินและหลักทรัพย์ฝากไว้กับบริษัทคงเหลือ ณ วันที่ 20 มีนาคม 2566 โดยหนังสือรับรองออกเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ทั้งยังมีหนังสือทวงหนี้จากบริษัททนายความแจ้งว่า ผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด มูลค่า 70 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากเอกสารรับรองของบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิปฯแล้ว มิได้มีการแจ้งเอกสารการโอนหุ้นที่นายพิธาอ้างว่าโอนให้ทายาท เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2566 หลังวันรับสมัคร ส.ส. และหลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม2566 แต่อย่างใด
มีทรัพย์สินลดลง41ล้านบาท
เทียบทรัพย์สินที่นายพิธายื่นต่อป.ป.ช.เมื่อครั้งเข้าดำรงตำแหน่งส.ส.วันที่ 25 พฤษภาคม 2562ซึ่งแจ้งมีทรัพย์สินของตน คู่สมรสขณะนั้นและบุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะรวม 137,785,190 บาทแล้ว พบว่าการแจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของนายพิธาครั้งล่าสุด มีทรัพย์สินลดลงจากเดิม 41,381,470 บาท
ปปช.สั่งส่งเอกสารเพิ่มปมผจก.มรดก
ด้านนายวัฒนชัย ส้มมี ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวถึงการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายพิธา ซึ่งขอขยายเวลายื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเวลา 30 วันว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ โดยต้องเปรียบเทียบกับกรณีการยื่นเข้ารับตำแหน่งทุกรายการว่ามีความเคลื่อนไหวผิดปกติหรือไม่ หรือความถูกต้องคาดเคลื่อนหรือไม่ หากพบต้องตรวจสอบยืนยันทรัพย์สินบางรายการหรือทั้งหมด ส่วนกรณีหุ้นบริษัทไอทีวีฯนั้นป.ป.ช.มีเอกสารที่นายพิธายื่นประกอบเพิ่มเติม หากสื่อมวลชนหรือประชาชนต้องการตรวจสอบสามารถทำหนังสือยื่นความประสงค์เข้ามาได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนายพิธา อ้างเป็นผู้จัดการมรดกนั้น เป็นแค่บางรายการหรือทั้งหมด นายวัฒนชัย กล่าวว่า เท่าที่เห็นเป็นคำสั่งศาลระบุว่า เป็นเอกสารในฐานะผู้จัดการมรดก ซึ่งป.ป.ช.ขอเอกสารเกี่ยวกับ ที่นายพิธาอ้างว่าเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว เพราะอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมว่ามีอะไรบ้าง เนื่องจากนายพิธายื่นเพียงคำสั่งศาลเท่านั้น รวมถึงรายการทรัพย์สินที่นายพิธายื่นต่อศาลไว้ด้วย ซึ่งนายพิธาขอขยายเวลายื่น 30 วัน จะครบกำหนดวันที่ 23 กรกฎาคม ส่วนการขายที่ดินที่อ.ปราณบุรีจ.ประจวบคีรีขันธ์ สลักหลังว่าได้ทำการขาย แต่ไม่ได้ระบุวงเงินซื้อขายนั้น ปปช.ขอเวลาตรวจสอบกรณีที่ยื่นมาเป็นรายการทรัพย์สินส่วนตัวหรือไม่ มีความคาดเคลื่อนหรือไม่
‘เรืองไกร’ชี้‘พิธา’ขายที่ประจวบฯพิรุธอื้อ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า วันนี้ส่งคำร้องทางไปรษณีย์ไปยังกกต.ให้ตรวจสอบข้อมูลขายที่ดินของนายพิธาว่าการขายที่ดินโฉนดที่ 13543 เลขที่ดิน 501 หน้าสำรวจ 1516 ต. วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 เหตุใดในหลังโฉนดที่ดิน รายการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2560 ระบุประเภทจดทะเบียนคือ ผู้จัดการมรดก ตามคำสั่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงที่ 1860/2550 ลว. 16 มีนาคม 2550 ผู้ให้สัญญาคือ นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์(ตาย) ผู้รับสัญญา คือ นายพิธา ผู้จัดการมรดก นายพงษ์ศักดิ์ แต่ทำไมในหลังโฉนดที่ดิน รายการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2560 ลำดับต่อมา ระบุประเภทการจดทะเบียนคือ โอนมรดก ผู้ให้สัญญา คือ นายพิธา (ผู้จัดการมรดก นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์) ผู้รับสัญญา คือ นายพิธา
นายเรืองไกรยังตั้งคำถามต่อว่า ทำไมบันทึกถ้อยคำการชำระภาษีอากร เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 ระบุในข้อ 1 ว่า ข้าพเจ้าผู้โอนได้อสังหาริมทรัพย์นี้ มาโดย (1) การรับโอนมรดกเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2549 แต่ในหนังสือสัญญาขายที่ดิน เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 ข้อ 4. กลับระบุว่า ผู้ขายได้ที่ดินมาโดย การรับโอนมรดก เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2549 ไม่ค้างชำระภาษีบำรุงท้องที่
“การที่นายพิธา ระบุในบันทึกถ้อยคำการชำระภาษีอากร เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 ว่า ตัวนายพิธาผู้โอนได้อสังหาริมทรัพย์นี้ มาโดยการรับโอนมรดกเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2549 และระบุในหนังสือสัญญาขายที่ดิน เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 ข้อ 4. ว่าผู้ขายได้ที่ดินมาโดยการรับโอนมรดก เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2549 นั้นถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากเป็นวันที่ 18 กันยายน 2549 เป็นวันที่นายพงษ์ศักดิ์ตาย และเป็นวันก่อนที่ศาลแพ่งจะมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2550 อีกทั้ง วันที่ 18 กันยายน 2549 นายพิธา ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย รายการจดทะเบียนที่ดินดังกล่าว จึงแตกต่างจากทะเบียนผู้ถือหุ้น บมจ.006 หรือไม่อย่างไร เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อกกต.ในการพิจารณายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะส.ส.ของนายพิธาต่อไป”นายเรืองไกรตั้งข้อสังเกต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี