ครป.เรียกร้อง 250 ส.ว.เคารพผลเลือกตั้งฟังเสียงประชาชนโหวตเลือกนายก ไม่ต้องรอสัญญาณใด ชี้ ม.112 ไม่ใช่ข้ออ้างของ ส.ว.ให้พรรคการเมืองเปลี่ยนนโยบาย เผยโผ ครม.เปลี่ยน หากเพื่อไทยเป็นนายกฯ ก็อก 2
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า การเลือกนายกฯ ในที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ขอเรียกร้อง ส.ว. 250 คน และเพื่อน ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้าน ได้โปรดเคารพผลเลือกตั้งฟังเสียงประชาชน และเคารพตนเอง ไม่ต้องรอสัญญาณใด เลือกนายกรัฐมนตรีจากเสียงข้างมากในสภาผู้แทนตามกติกาประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ผ่าทางตันรัฐธรรมนูญที่เขียนกับดักไว้ให้อำนาจ ส.ว.เพียง 5 ปี เพื่อสืบทอดอำนาจรัฐประหาร ซึ่งก่อนหน้านี้ ส.ว.ก็ไม่เคยมีอำนาจนี้ ในระบบรัฐสภา ส.ว.เป็นผู้แทนประชาชนเพื่อกลั่นกรองกฎหมาย และตรวจสอบควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลเท่านั้นคู่ขนานกับสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น เพราะในบางประเทศสภาอาจถูกผูกขาดจากระบบทุนนิยมพรรคการเมือง
แต่วันนี้วุฒิสภาไทยไม่ค่อยมีความจำเป็นแล้วถ้าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เพราะประเทศไทยเป็นระบบหลายพรรค ถ่วงดุลตรวจสอบในระบบสภาได้ดี และขอชื่นชม ส.ว.ทุกคนที่ออกมาพูดว่าจะทำตามหลักการเสียงข้างมากของสภาผู้แทน ฟังเสียงของประชาชน เคารพเสียงของประชาชน ซึ่งจะทำให้การเมืองไทยมีอนาคต เห็นคุณค่าของ ส.ว.ที่ไม่ถ่วงรั้งการพัฒนา รวมถึงมีสัญญาณทางบวกดีขึ้นแล้วทุกฝ่าย แม้แต่กองทัพบกยังส่งสัญญาณปรับลดอัตรากำลังนายพลตามนโยบายพรรคก้าวไกล โดยสภากลาโหม วางแผนปฏิรูปกองทัพลดนายพลให้เหลือ 50% และให้กำลังพลลง 1.2 หมื่นนาย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการพัฒนาไปสู่การใช้ระบบการสมัครใจเข้าเป็นทหาร ตามนโยบายของรัฐบาลใหม่
ซึ่งมีความต่างทางนโยบายอย่างมากระหว่างรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านมา โดยประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ ทิศทางประเทศไทยใหม่ จึงเลือกพรรคที่มีนโยบายตรงข้ามรัฐบาลเก่า ทั้งทางเศรษฐกิจที่ไม่ต้องการให้เกิดการผูกขาด การกระจายอำนาจทางการเมืองที่ถูกรวมศูนย์ และการปฏิรูปสังคมต่างๆ ซึ่งน่าจะมีทางเลือกที่มากขึ้นในการหาทางออกจากปัญหา เหมือนการแข่งกันของพรรคการเมืองในยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาที่ผลัดกันเป็นรัฐบาล
การที่ ส.ว.บางคนออกมาพูดว่าไม่โหวตให้นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งเพราะมีนโยบายแก้ไข ม.112 ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของตนเลย อย่าเล่นตลก ประเด็นแก้ 112 เป็นนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน จะเอาเสียง ส.ว.มาต่อรองไม่ให้พรรคการเมืองไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่หาเสียงไว้และได้รับมอบหมายจากประชาชนให้เข้าสภาไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ต้องไปถกกันในรัฐสภา และในกรรมาธิการ ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ถ้า ส.ส.พรรคอื่นไม่เห็นด้วย กฎหมายก็ไม่ผ่านสภา
มีการวิเคราะห์ว่า คนที่จะเป็นนายกฯ มีโอกาสทั้ง 3 พ.คือ พิธา แพรทองธาร และพีระพันธ์ แต่ผมเห็นว่านายพิธา จะผ่านการโหวตสนับสนุนจาก ส.ว.ในรอบแรก เพราะหากไม่แล้ว นายกฯ คนใหม่จะเป็นนายเศรษฐา จากพรรคเพื่อไทยแทน ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีตามโควต้าพรรคการเมือง
โดยโควตาตาม ครม.พิธา 1 พรรคก้าวไกล จะดูแลสำนักนายกฯ กระทรวงมหาดไทย การคลัง กลาโหม ทรัพยากรฯ ดีอีเอส ศึกษาธิการ วัฒนธรรม และพัฒนาสังคมฯ ส่วนเพื่อไทย ดูแลกระทรวงต่างประเทศ คมนาคม พลังงาน สาธารณสุข เกษตรฯ อุตสาหกรรม พาณิชย์ แรงงาน การท่องเที่ยว และวิทยาศาสตร์ ส่วนกระทรวงยุติธรรมมอบให้พรรคประชาชาติ และกระทรวง อว.หรือไม่ก็ท่องเที่ยว จะเป็นของพรรคไทยสร้างไทย แต่หากกลายเป็น ครม.เศรษฐา 1 จะมีการเปลี่ยนแปลง
เพราะพรรคเพื่อไทยจะนำพรรคชาติไทยพัฒนาเข้าร่วมรัฐบาลด้วย ซึ่งจะทำให้พรรคก้าวไกลสูญเสียโควต้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วการเมืองหากรับพรรคภูมิใจไทยเข้ามาร่วมด้วย โดยอ้างว่ากลัวเสียงไม่พอในการโหวตนายกรัฐมนตรี
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี