'ส.ว.-พรรคร่วมรัฐบาลเดิม’ เรียงหน้าขย้ำ ‘พิธา’ สับปมร้อน ‘แก้ม.112-แบ่งแยกดินแดน’ ด้าน ‘ก้าวไกล’ โววโดนรุมกินโต๊ะ-ขยายความเกินจริง
13ก.ค.2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา วาระพิจารณาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี สำหรับภาพรวมหลังจากที่ที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ส.ส.และส.ว. สลับกันขึ้นมาอภิปรายเกี่ยวกับคุณสมบัติของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ คือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ โดยสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) และส.ส.ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลเดิมส่วนใหญ่อภิปรายแสดงความกังวลและตั้งคำถามแสดงความไม่สบายใจเรื่องการแก้ไขมาตรา112 ของพรรคก้าวไกล ตลอดจนแนวคิดการเปลี่ยนวันชาติ การแบ่งแยกดินแดน ทำให้ไม่สามารถสนับสนุนนายพิธาได้
โดยเมื่อเวลา12.00น. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. อภิปรายว่า รับไม่ได้ต่อแนวทางพรรคก้าวไกลที่ละเมิดต่อรัฐ ความมั่นคง โดยเฉพาะการลงโทษอย่างมีเงื่อนไขกรณีการหมิ่นสถาบันให้มีบทยกเว้นไม่ต้องรับโทษจากการแก้ไขกฎหมายมาตรา112 อาจทำให้เกิดการใส่ร้าย วิจารณ์ไม่เป็นธรรมบนโซเชียลมีเดีย สังคมใหม่ที่จะสร้างขึ้น คิดดีแล้วหรือ จึงยอมรับไม่ได้กับการสนับสนุนแก้ไขมาตรา112
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ส.ส.และส.ว.หลายคนอภิปรายโจมตีพรรคก้าวไกลอย่างหนัก ทำให้ส.ส.พรรคก้าวไกล อาทิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทักท้วงนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมว่า ปล่อยให้สมาชิกรัฐสภาพาดพิงพรรคก้าวไกลอยู่เป็นระยะๆ ควรให้โอกาสพรรคก้าวไกลได้ชี้แจงบ้าง นายพรเพชรจึงให้พรรคก้าวไกลได้ใช้สิทธิ์พาดพิง
โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอชี้แจง 3 เรื่องคือ 1. เรื่องต่างประเทศ ยืนยันว่านโยบายต่างประเทศของตนจะหาจุดสมดุลระหว่างมหา อำนาจ ไม่ใช่เงียบทุกเรื่องทำไห้ประเทศไทยไม่มีน้ำหนักในเวทีการเมือง 2.เรื่องการแบ่งแยกดินแดน ขอให้คำยืนยันรัฐไทยภายใต้การนำของตน ประเทศไทยจะเป็นรัฐเดี่ยว จะทำทุกวิถีทาง ผ่านการทูต พลเรือน ให้รัฐไทยเป็นรัฐเดี่ยว มีความก้าวหน้า จะลดความมั่นคงทางทหาร เพิ่มความมั่นคั่งทางอาหาร เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ใช้สภาเป็นพื้นที่พูดคุยป้องกันการแบ่งแยกดินแดน 3.ปัญหายาเสพติด จะนำเทคโนโลยีมาช่วย และพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน เราจะใส่ใจแน่นอน รับประกันได้
นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การตั้งคำถามว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเสนอยกเลิกโทษจำคุกกรณีหมิ่นสถาบัน จะทำให้เกิดความวุ่นวายนั้น ขอชี้แจงว่า ไม่ใช่สังคมใหม่ที่วุ่นวาย ข้อเสนอนี้มาจากหลักการสากลปัจจุบันในนานาอารยะประเทศ เนื้อหาที่พรรคก้าวไกลเคยเสนอแก้ไข เพื่อประกันเสรีภาพการแสดงออกให้ได้สัดส่วนในสิทธิชื่อเสียงบุคคลอื่น สอดคล้องหลักสิทธิเสรีภาพหลักประชาธิปไตยสมัยใหม่ การลงโทษจำคุกคดีอาญา ควรมีเฉพาะการทำผิดที่มีลักษณะร้ายแรงเท่านั้น ส่วนลงโทษจำคุกฐานหมิ่นประมาท จะกระทบเสรีภาพเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชน หลายประเทศยกเลิกโทษจำคุกคดีหมิ่นประมาท ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว การเสนอบทยกเว้นโทษหมิ่นสถาบันที่ระบุว่าไม่เคยเห็นนั้น เคยปรากฏมาปี 2478 มีบทยกเว้นมาแล้ว ถ้าวิจารณ์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราไม่ได้เสนอร่างกฎหมายที่พิสดาร แต่ถูกนำไปอธิบายให้ดูน่ากลัวเกินไป เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อยู่แล้วว่า พระมหากษัตริย์อยู่ในฐานะเคารพสักการะ ผู้ใดละเมิดไม่ได้ แต่กลับทุกตีความเกินเลย จำเป็นต้องอธิบายต้องให้เข้าใจ
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี