วันที่ 17 กรกฎาคม 2566 นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่ง ประเภทบริหารระดับ 10 ตามที่ศธ. เสนอจำนวน 5 ราย คือ 1.นายสมใจ วิเศษทักษิณ ผู้ช่วยปลัดศธ. เป็น ผู้ตรวจราชการศธ. 2.น.ส.วันเพ็ญ บุรีสูงเนิน รองศึกษาธิการภาค (ศธภ.)6 เป็น ศธภ. 8 , 3.นายศุภชัย จันปุ่ม รองศธภ. 7 เป็นศธภ.13, 4.นายประพัทธ์ รัตนอรุณ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) และ 5.นายวิทวัติ ปัญจมะวัติ ที่ปรึกษาด้านนโนยบายและแผนของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เป็น รองเลขาธิการ กอศ.นั้น ซึ่งวันที่ 27 กรกฎาคม นี้ ตนพร้อมด้วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะไปชี้แจงเหตุผลและความจำเป็น ที่จะต้องแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 ในช่วงการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่วนจะมีข้อติดขัดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ กกต. ทั้งนี้หาก กกต.ไม่เห็นชอบ ก็อาจส่งผลต่อการบริหารงานในตำแหน่งดังกล่าว และคงเป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่ต้องพิจารณาต่อไป
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ส่วนการสรรหาเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และผู้อำนวยการองค์การค้า ของสกสค. ที่ยังค้างอยู่นั้น นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัด ศธ. ในฐานะรักษาการเลขาธิการ สกสค. ก็ได้มาหารือ เพื่อเตรียมความพร้อม สรรหาเลขาธิการสกสค. คนใหม่ แล้ว ดังนั้น ตนจึงได้สั่งให้ทาง สกสค. ไปเตรียมความพร้อม วางแผนงานต่าง ๆทั้งเรื่องงบประมาณแต่ละโครงการที่ต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการ สกสค. และล่าสุด สกสค. ได้เสนอของบเพื่อปรับปรุงโรงพยาบาลครู ของ สกสค. ซึ่งทางคณะกรรมการ สกสค. เห็นว่า งบที่เสนอมา ค่อนข้างสูง จึงให้กลับไปเตรียมรายละเอียด เพื่อเสนอรัฐบาลใหม่ในปี 2567 ทั้งนี้ ในแง่หลักการทางคณะกรรมการ สกสค.ไม่ขัดข้อง เพราะเป็นการบริการครู แต่ก็มีความเห็นว่า โรงพยาบาลครู ส่วนมากจะให้บริการครูที่กรุงเทพฯเป็นหลัก ขณะที่ข้าราชการครู มีอยู่ทั่วประเทศ ดังนั้น จึงน่าจะมีช่องทางอื่น ๆที่จะส่งเสริมให้ครูได้รับสวัสดิการในส่วนนี้ด้วย เช่น ไปทำความร่วมมือกับโรงพยาบาลในพื้นที่ เพื่อให้ครูได้รับการดูแลรักษาพยาบาลในช่องทางพิเศษ เป็นต้น ส่วนองค์การค้าฯ ก็ได้รายงานข้อมูลมาว่าการดำเนินการในปีนี้มีผลกำไรจากการจัดพิมพ์หนังสือเรียน แต่ก็ยังมีภาระหนี้สินที่ยังค้างชำระอยู่อีกหลายพันล้านบาท ดังนั้น จึงต้องเตรียมแผนเพื่อพัฒนาการบริหารจัดการกันต่อไป
“ทั้งตำแหน่งเลขาธิการ สกสค. และองค์การค้า ถือว่ามีความสำคัญ โดยเฉพาะเลขาธิการ สกสค.ที่ต้องเร่งแต่งตั้งโดยเร็วที่สุด เพราะ กลไกที่ขับเคลื่อนในเชิงพื้นที่ บางเรื่องรักษาการเลขาธิการ สกสค.ไม่สามารถดำเนินการได้ เช่น การแต่งตั้งผู้อำนวยการสกสค.จังหวัด ที่ยังว่างอยู่กว่า 20 ตำแหน่ง ดังนั้น จึงต้องเร่งดำเนินการแต่งตั้งเลขาธิการ สกสค. ตัวจริง เพื่อให้เข้ามาดำเนินการขับเคลื่อนงานสวัสดิการในระดับจังหวัด รวมถึงการกำกับดูแลสวัสดิการครูในพื้นที่ ซึ่งมีข้อปลีกย่อยอีกจำนวนมาก ส่วนผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ที่ยังไม่มีตัวจริง ก็มีผลกระทบกับการบริหารงาน เพราะหากเรามีคนที่มีศักยภาพ เข้าไปทำงาน ก็จะทำให้องค์การค้า สามารถแสวงหากำไรได้มากกว่าการจัดพิมพ์หนังสือ ที่ถือเป็นงานประจำ รวมถึงจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อชำระหนี้สินต่าง ๆ ที่ยังค้างอยู่ด้วย” นายอรรถพล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี