‘ปริญญา’ชี้‘เพื่อไทย’อ้าง‘ไม่แลนด์สไลด์’ไปจับมือ‘2 ลุง’ เป็นเหตุผลมีปัญหา เผยนโยบายหาเสียงไว้ถือเป็นสัญญาประชาคม ไม่ใช่วาทกรรม ฉุดรัฐบาลมี‘วิกฤตศรัทธา’ตั้งแต่เริ่มต้น
22 สิงหาคม 2566 ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง “ไม่แลนด์สไลด์ จึงไม่อาจทำตามที่หาเสียงไว้ เป็นเหตุผลที่รับฟังได้หรือไม่” มีเนื้อหาดังนี้...
#ไม่แลนด์สไลด์ จึงไม่อาจทำตามที่หาเสียงไว้ #เป็นเหตุผลที่รับฟังได้หรือไม่
เหตุผลของพรรคเพื่อไทยที่ต้อง #จับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล นั้น คุณแพรทองธาร ชี้แจงว่าเป็นเพราะ “แลนด์สไลด์ไม่สำเร็จ เพื่อให้ประเทศไปต่อจึงต้องปรับเปลี่ยนแผน”
ในฐานะที่เป็นอาจารย์สอนวิชาพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง ผมเห็นว่า #การให้เหตุผลแบบนี้มีปัญหา ครับ เพราะเท่ากับว่า พรรคการเมืองจะมีหน้าที่ต้องทำตามที่หาเสียงหรือตามที่สัญญากับประชาชนไว้ ต่อเมื่อ “แลนด์สไลด์” หรือได้ ส.ส. เกินครึ่งเท่านั้น ถ้าไม่ “แลนด์สไลด์” ก็ไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วพรรคการเมืองก็แทบจะไม่ต้องทำตามที่หาเสียงไว้กับประชาชนเลย เพราะน้อยครั้งมากที่จะมีพรรคการเมืองได้ ส.ส. เกินครึ่ง ซึ่งในอดีตมีเพียงสองครั้งคือพรรคไทยรักไทยในปี 2548 และพรรคเพื่อไทยในปี 2554 เท่านั้น
การหาเสียงว่า #จะทำอะไร หรือ #จะไม่ทำอะไร ถ้าได้รับเลือกตั้ง ไม่ใช่แค่วาทะกรรม แต่คือ #สัญญาประชาคม ที่ให้ไว้กับประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยครับ มันคือ #กระบวนการสร้างนโยบายสาธารณะ หรือนโยบายประเทศโดยผ่านการเลือกตั้ง ประชาชนชอบนโยบายพรรคไหนเขาก็เลือกพรรคนั้น จากนี้ไปก็จะไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะพรรคต่างๆ สามารถปฏิเสธไม่ทำได้หมดด้วยเหตุผลว่า “ไม่แลนด์สไลด์”
พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคใดคงไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้มี “สัญญาประชาคม” ในเรื่องนี้กับประชาชนไว้ แล้วถ้าพรรคของสองลุงหรือพรรคอื่นใดก็แล้วแต่ จะไม่ทำตามที่หาเสียงไว้โดยให้เหตุผลว่า “ไม่แลนด์สไลด์” บ้าง ก็จะพึงต้องถูกวิจารณ์เช่นเดียวกันนี้
เหตุผลว่าไม่แลนด์สไลด์จึงไม่ใช่เหตุผลที่รับฟังได้ แม้จะเป็นเรื่องถูกต้องที่ขอโทษประชาชนแต่ต้องให้เหตุผลอื่น (ซึ่งเหตุผลจริงๆ ก็คือต้องการเสียง ส.ว.) แล้วเมื่อคุณเศรษฐาได้เป็นนายกรัฐมนตรี (คือได้เสียง ส.ว. เห็นชอบมากพอ) ผมเข้าใจว่าก็จะเกิดความคาดหวังจากคุณเศรษฐาเรื่องการขอโทษประชาชน เพราะคุณเศรษฐาก็มีสัญญาประชาคมกับประชาชนในเรื่องนี้ไว้เช่นกัน ถึงตอนนั้นเหตุผลควรรับฟังได้มากกว่านี้ ส่วนผู้คนจะยกโทษให้แค่ไหนอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง #สนามอารมณ์ ของประชาชนนะครับ แต่คือ #วิกฤตศรัทธา ที่พรรคไม่ทำตามสัญญาประชาคมที่ตกลงไว้กับประชาชน ซึ่งหากประชาชนจะมีอารมณ์บ้างก็เป็นสิทธิของประชาชน แล้วหากว่า #พรรคเพื่อไทยไม่แก้ไขเรื่องนี้ หรือ #ปล่อยไหลไปมากกว่านี้ ปัญหาจะไม่ได้เกิดแค่ในการเลือกตั้งครั้งหน้านะครับ แต่จะเกิดตั้งแต่ตอนนี้ ทั้งเรื่องคนในพรรคที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตยจะทยอยกันลาออก และการเป็นรัฐบาลที่มีปัญหาเรื่องความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนตั้งแต่เริ่มต้นครับ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี