ช็อกด้อมส้ม “พิธา” ประกาศ ลาออกพ้น “หัวหน้าพรรคก้าวไกล” เปิดทางพรรคเลือก สส. ขึ้นนั่งหน.พรรค แทนลุยทำหน้าที่ “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ” ยันไม่ได้หายไปไหน จะยังคงทำงานร่วม “ก้าวไกล” ต่อไป ยันลาออกไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เผยมี 4-5 คน เหมาะสมนั่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ โยนคกก.พรรคตัดสินใจปมขับ “ปดิพัทธ์” พ้นพรรค“ชัยธวัช” เผย “ก้าวไกล” นัดเลือก กก.บห.ชุดใหม่ 23 กันยายน ชี้ “พิธา” พร้อมกลับมาอีกครั้ง ถ้ารอดคดีหุ้นสื่อ จับตา“ชัยธวัช-ศิริกัญญา” ลุ้นนั่งหัวหน้าพรรคคนใหม่พร้อมควบผู้นำฝ่ายค้านฯ
เมื่อวันที่ 15 กันยายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า แม้วันนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พรรคก้าวไกลต้องเดินหน้าสู่การทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนในฐานะ “ฝ่ายค้าน” ที่มีเสียงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 แต่ในเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้ “ผู้นำฝ่ายค้าน” จำเป็นต้องเป็น สส. ที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคของพรรคฝ่ายค้านอันดับ 1 และปัจจุบันผมยังอยู่ภายใต้คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ผมจึงยังไม่สามารถเข้าไปทำงานในสภาผู้แทนราษราษฎร และไม่สามารถจะดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านได้ในระยะเวลาอันใกล้
ขณะเดียวกัน ผมได้หารือกับคณะกรรมการบริหารและ สส. ของพรรคก้าวไกลแล้วเห็นว่า บทบาท “ผู้นำฝ่ายค้าน” มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อระบบรัฐสภา และสมควรเป็นบทบาทที่รับผิดชอบโดยหัวหน้าพรรคของพรรคฝ่ายค้านหลักในสภาฯ ซึ่งตอนนี้คือพรรคก้าวไกล “ผู้นำฝ่ายค้าน” จะเปรียบเสมือนหัวเรือที่กำกับทิศทางการทำหน้าที่ในสภาฯ ของฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลและผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงที่ยังตกหล่นจากนโยบายของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
เปิดทางสส.ทำหน้าที่“ผู้นำฝ่ายค้านฯ”
ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ณ ขณะนี้ เพื่อเปิดทางให้พรรคเลือก สส. ที่สามารถทำหน้าที่ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ในสภาฯ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนที่ผม
ผมขอยืนยันกับทุกท่านว่า ไม่ว่าสถานะของผมจะเป็นอย่างไร ผมไม่ได้หายไปไหน แต่จะยังคงทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกลและพี่น้องประชาชนอย่างสุดกำลังและสุดความสามารถเพื่อขับเคลื่อนวาระการเปลี่ยนแปลงที่เราปรารถนาร่วมกัน แล้วในวันที่ 24 กันยายนนี้ ผมขอเชิญสมาชิกพรรคก้าวไกลมาพบกันอีกครั้งครับ ในงาน “ก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 เขตดินแดง กรุงเทพฯ
ลั่นทำงานได้แม้ไม่มีตำแหน่ง
ที่สโมสรราชพฤกษ์ นายพิธา ให้สัมภาษณ์ว่า การเห็นส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว เป็นสำนึกของนักการเมือง คือในเรื่องของส่วนรวม ในบริบทการเมืองปัจจุบัน ฝ่ายค้านต้องทำงานได้อย่าง มีประสิทธิภาพทั้ง มหภาคและจุลภาค ในทางมหภาคผู้นำฝ่ายค้านก็จำเป็นที่จะต้องเป็นเรือหลักในนำทิศทางการอภิปรายงบประมาณ อภิปรายแนะนำรัฐบาล อภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือ แม้แต่เรื่องจุลภาคอย่างเรื่องการแต่งตั้งวิปฝ่ายค้าน ตามข้อบังคับก็เป็นหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านนี่เป็นเรื่องส่วนรวม
“ไม่ต้องห่วงผม ห่วงประชาชน ห่วงบ้านเมือง ห่วงประเทศดีกว่า ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว ผมยังยืนยันคำเดิมผมไม่ยึดติดกับหัวโขน ยึดติดกับตำแหน่งและเชื่อว่าปัจจุบัน ผมสามารถทำงานได้แม้ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรเลย” นายพิธากล่าว และว่า ตนมีกำหนดการเดินทางไปทั่วประเทศ ทั้งจังหวัด รวมถึงจะมีการเดินทางไปต่างประเทศ ที่จะไปบรรยายในมหาวิทยาลัยต่างๆ
แย้มมี4-5คนพร้อมเป็นหน.พรรค
นายพิธา กล่าวว่า ตนยังเป็นรักษาการหัวหน้าพรรค จนถึงวันที่ 23 กันยายน ที่จะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ ส่วนคนที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทนนั้น มี 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือขึ้นอยู่กับการประชุมวิสามัญพรรค และอีกประเด็นคือขึ้นอยู่กับคนที่ถูกเสนอชื่อจะยอมเป็นหรือไม่ ส่วนตัวมองว่ามีคนที่เหมาะสมตั้ง 4-5 คน ที่พร้อมจะเป็นหัวหน้าพรรคแทนตนเองได้ โดยยอมรับว่า นางสาวศิริกัญญา ตันสกุลเป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่เตรียมจะขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากพรรคก้าวไกล เพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ไว้ และได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านด้วย นายพิธา กล่าวว่า ต้อง รอหลังการประชุมวิสามัญของพรรคเพราะเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะต้องหารือกับนายปดิพัทธ์ แล้วต้องฟังความคิดเห็นจากนายปดิพัทธ์ด้วย
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญคืนสถานะสส.ให้แล้วจะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต และก็ไม่ใช่เรื่องของตนคนเดียว เป็นเรื่องของข้อบังคับพรรคและสมาชิกพรรค
หลายเรื่องชัดเจนหลัง23ก.ย.
นายชัยธวัช ตุลาธน รักษาการเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายพิธา ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล กระบวนการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะเป็นอย่างไรต่อไป ว่า ในวันที่ 23 กันยายนนี้จะมีการประชุมวิสามัญ ซึ่งวาระสำคัญ คือการเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่
เมื่อถามว่า มีการวางตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ไว้หรือยัง นายชัยธวัชกล่าวว่า ต้องรอผลสรุปในที่ประชุมวิสามัญพรรคก่อน ส่วนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภา คนที่ 1 จะลาออกจากรองประธานสภา หรือถูกขับออกจากพรรคนั้น ความชัดเจนเรื่องนี้ต้องรอกรรมการบริหารพรรรคชุดใหม่ เมื่อได้ชุดใหม่แล้วก็คงจะมีการหารือกับนายปดิพัทธ์ แต่ตอนนี้พรรคก้าวไกลคิดว่า การทำงานในรัฐสภาจะมีประสิทธิภาพได้นั้นเราก็ควรมีสถานะเป็นพรรคฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์ และควรจะมีผู้นำฝ่ายค้านที่มาจากพรรคฝ่ายค้านหลัก เพราะตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านก็มีบทบาทสำคัญ เป็นหัวเรือใหญ่ที่กำหนดทิศทางของฝ่ายค้าน
เมื่อถามว่า ยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกล คือมีทั้งตำแหน่งรองประธานสภาและผู้นำฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ อย่างไรก็ตาม หลังจากประชุมในวันที่ 23 กันยายน จะมีความชัดเจนในเรื่องต่างๆ มากขึ้น
“พิธา”มีโอกาสหวนนั่งหน.พรรค
เมื่อถามว่า หลังจากนี้นายพิธาจะมีตำแหน่งอะไรในพรรคก.ก.หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า รอให้มีกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก่อน หลังจากนั้น คงมีการจัดวางว่านายพิธาจะอยู่ในตำแหน่งอะไร อย่างไรก็ตาม นายพิธาก็ยังเป็นส่วนหนึ่งและเป็นผู้นำของพรรคอยู่แล้ว แม้จะไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคก็ตาม ส่วนโอกาสที่นายพิธาจะได้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่นั้น คิดว่าทุกองคาพยพในพรรคยอมรับในความเป็นผู้นำของนายพิธาอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่าทันทีที่นายพิธาพ้นข้อสงสัยเรื่องคดีหุ้นไอทีวีก็พร้อมกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคใช่หรือไม่ นายธวัชกล่าวว่า“ก็เป็นไปได้ครับ”
ไม่เสียขวัญ-รอเป็นนายกฯทีเดียว
เมื่อถามว่า การลาออกของนายพิธาหมายความว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ยอมเสียตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายธวัชกล่าวว่า เป็นข้อเสนอของนายพิธาเอง ที่คิดว่าพรรคก้าวไกลควรทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์ ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านควรมาจากพรรคหลักของฝ่ายค้าน จึงเป็นเหตุผลให้นายพิธาสละตำแหน่งหัวหน้าพรรค ณ ขณะนี้ ซึ่งกรรมการบริหารพรรคได้หารือกัน รวมถึงพูดคุยในที่ประชุมส.ส.แล้ว จนได้ข้อยุติ
เมื่อถามว่า เป็นเกมบีบพรรคก้าวไกล หรือไม่ นายธวัช กล่าวว่า ใช่ จริงๆ เรื่องนี้มีการตีความกันเยอะ แม้กระทั่งภายในพรรคเองก็ยังมีความเห็นว่า ยังสามารถเสนอชื่อนายพิธาเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าปัญหานี้ใครจะตีความ ซึ่งนายพิธาจึงตัดสินใจลาออกเพื่อให้เกิดความชัดเจนโดยไม่ต้องตีความกัน คิดว่าทุกคนเอาเป้าหมายส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
ทั้งนี้ นายชัยธวัช ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “ไม่เสียขวัญ” พร้อมกล่าวติดตลกว่า “รอเป็นนายกฯ ทีเดียว”
จับตา“ศิริกัญญา”หน.พรรคคนใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกลได้มีการประชุมเพื่อหาทางออกเรื่องผู้นำฝ่ายค้านหลายครั้ง โดย สส.ส่วนใหญ่ มีความเห็นว่าพรรคก้าวไกลควรรับตำแหน่งนี้ รายชื่อตัวเต็งที่จะได้รับการเสนอชื่อในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนต่อไป มีการเสนอชื่อทั้ง นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ที่มีบทบาทอย่างมากในการทำงานให้กับพรรค รวมทั้งในการเจรจาประสานงานตั้งรัฐบาลและการเจรจาขอเสียงสนับสนุนนจาก สว.เพื่อโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ
ขณะเดียวกัน มีบางกลุ่มสนับสนุน นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ ที่มีบทบาทอย่างมากในการทำงานเวทีในสภาฯ ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล การนำเสนอกฎหมาย ให้ข้อเสนอแนะการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งด้านการตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ จากการเป็นกรรมาธิการฯพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีและมีแนวโน้มน่าจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แทน พร้อมทั้ง รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกด้วย
‘ปดิพัทธ์’ขอคุย กก.บห.ชุดใหม่
ด้าน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ในฐานะ ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวว่า สิ่งที่ชัดเจนหลังจากที่นายพิธาลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล คณะกรรมการบริหารพรรคทั้งชุดต้องสิ้นสภาพไปด้วย เพราะฉะนั้นเราจะคุยเรื่องนี้กับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เท่านั้น เท่าที่ทราบพรรคก้าวไกลจะมีการประชุมวิสามัญเร็วๆ นี้ หลังจากนั้นค่อยมาว่ากัน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการขับนายปดิพัทธ์ออกจากพรรคก้าวไกล เพื่อให้มีผู้นำฝ่ายค้านคนใหม่ และยังสามารถรักษาตำแหน่งประธานสภาผู้แทน คนที่ 1 ตามข้อกฎหมายเป็นไปได้หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เราเรียกสิ่งนี้ว่าข้อจำกัดทางรัฐธรรมนูญ ไม่มีประเทศไหนที่มีข้อจำกัดเช่นนี้ เช่น ตนได้รับการเลือกตั้งในสภาขึ้นมาดำรงตำแหน่ง และได้รับการโปรดเกล้าฯ มา จึงไม่ควรจะมีข้อจำกัดพวกนี้มาบีบให้ต้องมาทำอะไรที่ไม่ตรงไปตรงมา แต่ถ้าข้อจำกัดมีแบบนั้น แล้วทางพรรคเห็นสมควรอย่างไร อันนั้นก็เป็นเรื่องของพรรค ก็ทำงานของผมเต็มที่ ขณะนี้ยังไม่รู้มติ ขอรู้มติก่อน และตนจะต้องกลับไปคุยกับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เท่านั้นว่าแนวทางต่างๆ จะเป็นอย่างไร
“ราเมศ”ย้ำผู้นำฝ่ายค้านฯเป็นสิทธิ ก.ก.
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า เป็นเรื่องภายในของพรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงความเห็นไปแล้วว่าผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรเป็นสิทธิของพรรคก้าวไกล เพราะเป็นพรรคที่มี ส.ส.มากที่สุดในฝั่งของฝ่ายค้าน และเมื่อมีการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคของนายพิธา คนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไปก็จะต้องเป็น ส.ส.เพราะจะได้ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านได้
ในส่วนตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฏร คนที่ 1 เชื่อว่าจะมีการลาออกในอีกไม่นานนี้ เพื่อให้พรรคก้าวไกลมีหัวหน้าพรรคที่มีหลักเกณฑ์ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ คือ จะต้องไม่มีสมาชิกที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฏร หรือรองประธาน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 ที่ได้กำหนดไว้ว่า ผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุด และสมาชิกมิได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
“สมชัย”ชี้แผน“ก้าวไกล”เหนือชั้น
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า “พิธา ลาออกจากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งทั้งชุด ประชุมสมาชิกพรรค เลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารใหม่ ภายใน 60 วัน แต่ยังมีกรรมการบริหารรักษาการอยู่
ที่ประชุมร่วม สส. กับ กรรมการบริหารพรรค ลงมติ ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ลงมติขับ หมออ๋อง ออกจากพรรค เนื่องจากขัดมติที่ขอให้ลาออกจากรองประธานสภา หมออ๋อง หาพรรคใหม่ ใน 30 วัน เช่น ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเป็นธรรม ทำให้ยังคงมีสมาชิกภาพเป็น สส. และ คงตำแหน่งรองประธานสภาได้ ก้าวไกล เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา
สรุป ได้ทั้ง รองประธานสภา และ ผู้นำฝ่ายค้านในสภา จำนวน สส. ฝ่ายค้านเท่าเดิม พรรคเป็นธรรม มี สส.เพิ่มขึ้นอีกคน ใครวางแผนให้เนอะ มือยิ่งกว่าชั้นเซียนเหยียบเมฆ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี