นี่เป็นอาชญากรรม!‘บก.ลายจุด’จวกประกาศสมัครงานรับอายุไม่เกิน35 ยก‘จ้างวานข้า’ขนาดแก่-ป่วยยังทำงานได้
วันที่ 18 กันยายน 2566 “บก.ลายจุด” นายสมบัติ บุญงามอนงค์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ในฐานะผู้ก่อตั้งมูลนิธิกระจกเงา กล่าวในเวทีเสวนา “โฉมหน้าใหม่ของความเหลื่อมล้ำ” ที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) อาคาร SM Tower ย่านสนามเป้า กรุงเทพฯ ว่า เมื่อพูดถึงความเหลื่อมล้ำ ตนขออธิบายด้วย 3 คำ คือ 1.ล้ำ หมายถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น การผลิตเนื้อปลาแซลมอนจากห้องแล็บ การพัฒนาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ 5.5จี เรื่องแบบนี้เมื่อเห็นในข่าวก็เป็นการให้ความหวัง
2.ล้า หมายถึงคนอีกจำนวนมากต้องรอลุ้น เช่น สังคมไทยได้รัฐบาลใหม่แล้วก็ต้องมาลุ้นว่าเมื่อใดจะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ หรือคุณภาพชีวิตจะเป็นอย่างไร เพราะคนเหล่านี้แบกภาระจนเหนื่อยล้า และเป็นชนชั้นที่ทำการผลิตให้กับคนที่อยู่ในกลุ่มล้ำ รวมถึงหลายคนต้องมีอาชีพที่ 2 เป็นรายได้เสริม สุดท้ายคือ 3.ลืม หมายถึงคนที่ถูกลืม ตัวอย่างของคนกลุ่มนี้ เช่น ที่มูลนิธิกระจกเงาทำงานด้วยคือคนไร้บ้านที่อยู่อาศัยตามข้างถนน นอกจากนั้นยังมีผู้ป่วยติดเตียง คนพิการ
ทั้งนี้ คนไร้บ้านจำนวนไม่น้อยไม่ได้มีฐานะยากจนมาตั้งแต่แรก ในอดีตคนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิต ไม่ว่าเป็นแรงงานหรือผุ้ประกอบการ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมมีความล้ำขึ้น และเป็นคนที่เคยหวังว่าตนเองจะกลายเป็นกลุ่มล้ำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ล้ำ จากนั้นก็เป็นกลุ่มคนที่เคยล้า สุดท้ายเมื่อล้าจนหมดแรงก็กลายเป็นกลุ่มถูกลืม เหมือนภาษาไทยที่มีคำว่ายากจน หมายถึงคนจนจะต้องใช้ชีวิตยากลำบาก เช่นเดียวกับคนที่ถูกลืมก็คือคนที่ล้าจนหมดสภาพ เมื่ออายุมากขึ้นและขีดความสามารถในการผลิตลดลง ถึงจุดนั้นก็นำมาซึ่งการเลิกจ้าง
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ภาคเอกชนมักกำหนดอายุเกษียณไว้ที่ 55 ปี ต่างจากราชการที่กำหนดไว้อายุ 60 ปี เรื่องนี้ตนได้เรียนรู้จากกรณีมีภาคเอกชนสนับสนุนไก่ไข่มาให้มูลนิธิและส่งบุคลากรมาสอนการเลี้ยง ซึ่งรวมถึงการสอนให้คำนวณความคุ้มค่าระหว่างต้นทุนอาหารไก่กับประมาณไข่ที่ได้ ซึ่งตนก็ได้รับคำแนะนำว่า หากถึงจุดที่ผลผลิตที่ได้ไม่คุ้มกับต้นทุนแล้วก็ไม่ควรเลี้ยงไก่นั้นอีก แม้มันจะยังออกไข่ได้แต่เมื่อดูสภิติทางเศรษฐศาสตร์แล้วไม่คุ้ม จุดจบของไก่แก่นั้นก็คือถูกนำไปเชือดเอาเนื้อไปประกอบอาหาร
“ผมถามเวลาคุณไปเห็นป้ายโฆษณารับสมัครงานตอนนี้ คุณเห็นป้ายอายุไหมครับว่าไม่เกินเท่าไร? ล่าสุด 35 ปี ผมพูดนี่เวทีที่ 2 แต่อาจจะมีเหตุผลในบางงาน ผมไม่ติด แต่ว่าการที่ปล่อยให้ประกาศงานว่ารับสมัครคนอายุเท่าไร หนุ่มๆ สาวๆ อายุจนถึง 35 ปี ผมบอกเลยนี่เป็นอาชญากรรม ผมจ้างคนจ้างวานข้า จ้างคนแก่ ล่าสุดผมจ้างผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นโรคซึมเศร้า แล้วเขาพยายามมาก เขากินยา ไปหาหมอรักษาต่อเนื่อง เขาซึมเศร้าอยู่หลายปีแล้ววันหนึ่งเขาดีขึ้น เขาบอกว่าต้องการหางาน เขาคิดจะหางาน อายุเขา 38 ปี เขาหาสมัครงานไม่ได้” นายสมบัติ กล่าว
นายสมบัติ กล่าวต่อไปว่า ผู้หญิงคนนี้มาของานทำที่โครงการจ้างวานข้า เพราะอยากมีชีวิตอย่างมีคุณค่า และสภาพร่างกายยังดี สุดท้ายตนก็ต้องรับเข้าทำงาน ทั้งที่เป้าหมายของโครงการนี้คือต้องการหางานให้คนไร้บ้านโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุทำ โดยสรุปแล้วระบบกำลังสร้างภาระให้กับกลุ่มคนล้า และสุดท้ายก็จะมีคนกลายไปเป็นคนกลุ่มถูกลืม แต่หากปกครองด้วยระบอบที่อย่างน้อยก็ยังมี 1 เสียง คนที่แม้จะถูกลืม คนที่ถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพ คนพิการ คนเหล่านี้อย่างน้อยก็ยังถูกมองเห็นในช่วงฤดูกาลเลือกตั้ง
ทั้งนี้ โครงการจ้างวานข้า เป็นการต่อยอดจากกิจกรรมเดิมของมูลนิธิกระจกเงาที่นำอาหารไปแจกจ่ายคนไร้บ้าน ทำให้มีโอกาสเก็บข้อมูลเส้นทางชีวิตของคนเหล่านี้ในทุกมิติเท่าที่จะทำได้ จากนั้นเริ่มทดลองหางานให้คนกลุ่มนี้ทำ ให้ค่าจ้างวันละ 500 บาท กำหนดอายุขั้นต่ำในการรับสมัครเข้าโครงการไว้ที่ 60 ปี อายุมากสุดที่พบคือ 78 ปี จ้างแม้กระทั่งคนป่วยโรคความจำเสื่อม หรือคนเป็นอัมพาตใช้แขนได้เพียงข้างเดียว ซึ่งในสายตาคนทั่วไปคงจัดให้เป็นผู้ป่วยอยู่บ้านติดเตียง ไม่สามารถทำงานได้
“ผมทำทุกวิถีทาง รีดประสิทธิภาพ ใช้แรงงานคนแก่ มีอะไรที่ป้าทำได้บ้าง คุณป้าคนหนึ่ง คนนี้ผมชอบมาก อายุ 78 ปี เขาจะถามผมทุกครั้งที่เจอหน้าผมว่าช่วงนี้หัวหน้าไปไหนมา ไม่เห็นหน้าเลย ทั้งๆ ที่เราเจอกันบ่อยมาก เขามีภาวะอัลไซเมอร์ คุณป้าคนนี้ผมให้ 500 บาท เขาดูแลลูกพิการอายุ 50 ปีอยู่ที่บ้าน ผมนึกไม่ออกถ้าวันหนึ่งเขาสูญเสียงานหรือเขาไม่สามารถทำงานได้เราจะทำเรื่องนี้อบ่างไร” นายสมบัติ ระบุ
นายสมบัติ ยังกล่าวอีกว่า การที่คนอายุยืนขึ้นไม่ใช่ความผิด ตนก็นึกไม่ออกว่าจะเป็นความผิดได้อย่างไร แต่เมื่อนำข้อมูลสถิติมาจับแล้วพูดว่าสังคมสูงวัย (Aging Society) เข้ามา ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ กลายเป็นข้อกังวลว่าแล้วประเทศจะอยู่กันอย่างไรเพราะคนแก่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และถูกแปะป้ายว่าเป็นภาระของสังคม ทั้งที่ในวัยหนุ่ม-สาว คนพวกนี้ทำการผลิตหนุนสังคมมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ในบางประเทศมีการสงวนบางประเภทให้กับผู้สูงอายุ เช่น สหรัฐอเมริกา จะพบผู้สูงอายุตามเคาน์เตอร์ร้านค้า หรือ ญี่ปุ่น มักพบในงานเข็นกระเป๋าสัมภาระในสนามบิน ขณะที่ สิงคโปร์ มักพบผู้สูงอายุทำงานในศูนย์อาหาร ดังนั้นเบื้องต้นต้องค้นหาก่อนว่างานประเภทใดไม่ควรให้คนหนุ่ม-สาวเข้าไปแข่ง ขอให้ผู้สูงอายุได้ทำ เรื่องนี้เป็นสิ่งแรกที่ควรทำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี