‘ปดิพัทธ์’เต้นเคลียร์ปมร้อนยกคณะดูงานสิงคโปร์ ยันไม่ได้ไปเที่ยว อ้างถูกกำหนดในแผนงาน‘คกก.ขับเคลื่อนฯ’ไว้แล้ว ตั้งขึ้นช่วงสถานการณ์การเมืองแปรปรวน ไร้‘ฝ่ายค้าน-รัฐบาล-กมธ.’ พรรคอื่นไม่พร้อมร่วม แจงเบิกตั้งงบฯ‘ตั๋วเครื่องบิน-โรงแรม’เต็มเพดานตามสิทธิ ใช้จริงไม่ถึง ส่วนต่างคืนคลังทั้งหมด พร้อมเปิดใบเสร็จ-ข้อมูลแบบละเอียดตอนเดินทางกลับ ป้องครหาตั้งงบฯสูงเกินจริง ขอดูรายละเอียดโยกงบฯไร้แจ้งขออนุมัติเปลี่ยนแปลง
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 20 กันยายน 2566 ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 แถลงชี้แจงกรณีการไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ว่า การไปดูงานดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนงานที่ถูกกำหนดไว้แล้วของคณะกรรมการขับเคลื่อนสภาสมรรถนะสูงและโปร่งใส ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา และได้ประชุมหาแนวทางปฏิบัติในการพัฒนาให้สภาฯไทยเป็นสากล พบว่า การดูงานในประเทศที่ไกลเกินไป อย่างทวีปยุโรป หรือทวีปอเมริกา ไม่มีความจำเป็น แต่จะเริ่มศึกษาในประเทศพันธมิตรอาเซียนที่มีการพัฒนาที่ดีที่สุดจึงลงตัวที่ประเทศสิงคโปร์
สำหรับงบประมาณที่ตั้งไว้ เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง ในค่าใช้จ่ายการเดินทางของรองประธานสภาฯคนที่1 ส่วนที่มีข้อกังวลว่าตั้งงบฯสูงเกินไปหรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงเป็นการตั้งไว้ตอนที่ยังไม่มีการจองโรงแรม ไม่มีการจองตั๋วเครื่องบินและยังไม่สามารถลงรายละเอียดของกำหนดการได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงตั้งโครงการ และงบฯตามสิทธิที่อยู่ในระเบียบทุกประการไว้ก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายจริงบางส่วนเปิดเผยได้เลย และจะเปิดเผยแบบละเอียดในช่วงที่เดินทางกลับมา
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องคณะเดินทาง ประกอบด้วย กรรมการฯ คือตน , นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และนายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ตนตั้งใจมอบหมายให้ทั้ง 2 คนนี้ไปดูเรื่องระบบเทคโนโลยีสารสนเทศฐานข้อมูลโปร่งใสของสิงคโปร์ จึงจำเป็นต้องได้คนที่เหมาะสมกับงานเท่านั้น
ขณะเดียวกันการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนฯชุดนี้ขึ้นมา ในช่วงนั้นยังไม่มีฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และยังไม่มีคณะกรรมาธิการ(กมธ.)กิจการสภาผู้แทนราษฎร แต่ความตั้งใจแรกของตน หากเรากำหนดทริปดูงานได้แล้ว ตนจะเชิญประธานกมธ.กิจการสภาฯไปด้วย พร้อมให้คัดเลือกคนในกมธ.ไปด้วย แต่เนื่องจากยังไม่มีประธาน และกมธ. จนปัจจุบัน ตนจึงแบ่งคร่าวๆ เป็นพรรคก้าวไกล 3 คน ที่มีความจำนงค์ลงชื่อไว้ว่าอยากทำงานในกมธ.กิจการสภาฯ
นอกจากนี้ยังได้เชิญพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทยด้วย แต่ด้วยสถานการณ์การเมืองที่ผ่านมามีความแปรปรวน มีการตัดสินใจหน้างานจำนวนมาก จึงไม่ได้มีความพร้อมส่งคนเข้ามาในเวลาที่กำหนด มีเพียงนายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ร่วมเดินทางด้วย รายชื่อจึงสรุปสุดท้ายมาแบบนี้ ดังนั้นเราคิดว่าการเลือกสรรบุคลากรไปในครั้งนี้จะนำมาซึ่งองค์ความรู้ภาคปฏิบัติที่นำกลับมาพัฒนาสภาฯด้วย
รองประธานสภาฯ คนที่1 กล่าวต่อว่า ส่วนค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้น สรุปออกมาแล้ว ได้แก่ 1.ตั๋วเครื่องบิน ที่ตั้งไว้ตามสิทธิจำนวน 52,000 บาท จองจริงได้ในราคา 28,000 บาท และ 2.ค่าโรงแรม ที่ตั้งไว้ตามสิทธิจำนวน 12,000 บาท จองจริงได้ในราคา 9,000 บาท ซึ่งส่วนต่างที่เหลือจะส่งคืนคลังทั้งหมด ด้านการเลี้ยงรับรองนั้น ต้องทำให้สมเกียรติกับประเทศไทย เพราะคณะที่เดินทางไปทำหน้าที่เป็นทูตของสภาฯด้วย
“การตั้งงบรับรองที่มองว่ามากเกินไป เพราะตั้งโดยไม่ทราบโปรแกรมละเอียด แต่เมื่อทราบรายละเอียด เช่น มื้อกลางวันสถานทูตจัดเลี้ยงจะจ่ายไม่เต็ม ส่วนงบรับรอง และการดูแล เช่น นักศึกษาไทยในสิงคโปร์ จะเป็นส่วนของอาหารว่างและมื้ออาหารที่ทานร่วมกัน ผมพร้อมจะแสดงใบเสร็จ นอกจากการดูงานในด้านสิ่งแวดล้อม ที่รวมถึงกฎหมายที่บังคับใช้เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นPM2.5 แล้วจะดูพิพิธภัณฑ์ด้วยเพื่อนำมาปรับใช้กับพิพิธภัณฑ์ของรัฐสภาเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย ขณะที่ระยะการเตรียมงานที่สั้นที่สุดคือ 1 เดือน เดือนที่แล้วนึกว่าจะได้กมธ. แต่ดีเลย์ ดังนั้นเมื่อตั้งโครงการไว้แล้วต้องเดินหน้า จะเลื่อนเพื่อให้สภาฯพร้อมไม่ได้ เพราะมีการประสานไปยังสิงคโปร์และส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องแล้ว หากเลื่อนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพื่อส่งคืนคลังเอง ยืนยันว่าการไปดูงานครั้งนี้ไม่ได้ไปเที่ยว เพราะสิงคโปร์ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว แต่คำนึงถึงผลลัพธ์ของการไปดูงาน หลังจากกลับมาแล้ว ผมจะนำรายงานเสนอไปยังรัฐบาล ภาคประชาชน และสภาฯ” นายปดิพัทธ์ ชี้แจง
เมื่อถามถึงงบประมาณที่นำมาใช้เพื่อเดินทาง ซึ่งพบว่ามีการโยกงบประมาณจากค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพการประชุมระหว่างประเทศ โดยไม่ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงก่อน รองประธานสภาฯ คนที่1 กล่าวว่า ตนขอดูรายละเอียดอีกครั้ง เรื่องดังกล่าวทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ชี้แจงกับตนว่ามีงบประมาณในส่วนของการประสานงานพิธีการทูตจำนวน 1.3 ล้านบาท จึงจัดโปรแกรมให้ต่ำกว่างบที่มีให้ได้ และให้สัมพันธ์กับจำนวนคณะที่จะเดินทาง แต่เรื่องการโยกงบประมาณนั้น ตนขอดูรายละเอียดอีกครั้ง แต่การใช้งบรอบนี้ไม่ใช่การล้างท่อ เพราะยังมีงบที่ค้างจ่ายอีกมหาศาล
เมื่อถามย้ำว่าตามเอกสารโครงการดังกล่าวพบว่าอนุมัติให้มีผู้ติดตามคณะด้วย จะควบคุมไม่ให้บานปลายในการใช้งบประมาณอย่างไร นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า คณะเดินทางมีเพียงนายไกลก้อง ไวทยการ อดีตกมธ.กิจการสภาฯ ซึ่งเป็นผู้ที่ศึกษาโดยตรงกับเรื่อง Smart Parliamment และออกค่าใช้จ่ายเอง ตนคาดว่าจะไม่มีใคร ทั้งนี้หากจะมีการนำคู่สมรส หรือเพื่อนเดินทางไปด้วย ต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด และต้องไม่กระทบแผนการดูงาน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี