ปราบโกงหรือปราบใคร?! "โตโต้ ก้าวไกล"โวยโทษกลไกแฝงใน"รธน.60" ตัดสิทธิ์การเมือง"ช่อ พรรณิการ์"ตลอดชีวิต อัดฟันจริยธรรมซ้ำซ้อน ชี้"ปิยบุตร" ติงแล้งน้ำใจ แสดงท่าทีล่าช้า นับเป็นคุณูปการต่อพรรค
เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2566 ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล แถลงกรณีศาลฎีกาพิพากษา น.ส.พรรณิการ์ วานิช ถอนสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต ว่า ในฐานะที่ตนอภิปรายแนวนโยบายของรัฐบาล หลักนิติธรรม โครงสร้างปัญหาของประเทศ และการใช้นิติสงคราม กับนักการเมือง เป็นการปราบโกงหรือปราบใคร เนื่องจากเนื้อแท้ของเรื่องนั้นแฝงอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อให้อำนาจองค์กรอิสระพิจารณาออกจริยธรรมขององค์กรขึ้นมา โดย ส.ส. - สว.และคณะรัฐมนตรี ต้องอยู่ภายใต้จริยธรรมดังกล่าวด้วยจึงเกิดปัญหาตามมา เช่น กรณีเกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับจริยธรรมจะไม่สิ้นสุดที่องค์กรอิสระแต่จะไปสิ้นสุดที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเอาผิดต่อได้ ถือเป็นการลงโทษซ้ำซ้อน
นายปิยรัฐ กล่าวต่อว่า ปัญหาคือการใช้มาตรฐานจริยธรรมขององค์กรอิสระมาใช้กับนักการเมือง จึงต้องถามกับองค์กรอิสระว่าในอดีตเคยทำผิดจริยธรรมหรือไม่ก่อนมาดำรงตำแหน่ง ความผิดของนางสาวพรรณิการ์ เป็นความผิดที่เกิดขึ้นก่อนมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเชื่อว่านี่ไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่เป็นการเปิดโอกาสให้รัฐธรรมนูญกลั่นแกล้งนักการเมือง ปราบนักการเมืองที่ไม่ยอมจำนน และนักการเมืองที่ไม่ยอมอยู่เป็น ด้วยกฎหมายนี
ด้าน นายอนุสรณ์ แก้ววิเชียร ส.ส.นนทบุรี พรรคก้าวไกล กล่าวว่า น.ส.พรรณิการณ์ เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่ ตนขอตั้งคำถามว่ามาตรฐานจริยธรรมของ ส.ส.ต้องย้อนกลับไปก่อนที่จะมาเป็น ส.ส.หรือไม่ พฤติกรรมในอดีตสามารถนำมาใช้ในขณะเป็น สส.หรือไม่ รวมถึงการกระทำที่เกิดไปแล้ว ความผิดเหล่านั้นยังคงติดตัวหรือไม่ ขอฝากไปถึงองค์กรอิสระว่าสิ่งที่วางบรรทัดฐานไว้ถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้คนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีโทษในมาตรา 112 หากถูกตรวจสอบจริยธรรมจะซ้อนทับกับกฎหมายอาญาหรือไม่ และยุติธรรมหรือไม่ หากในอนาคตกฎหมายนี้ย้อนกลับมาที่ตัวท่านเอง
ขณะที่ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในแง่ของกฎหมาย ไม่ควรมีกฎหมายลงโทษย้อนหลัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นการตัดสิทธิ์ทางการเมือง หากเทียบทางอาญาถือเป็นโทษประหารชีวิต ถือเป็นโทษสูงหากเทียบพฤติการณ์
เมื่อถามว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ออกมาแสดงความเห็นว่าพรรคก้าวไกลแสดงท่าทีล่าช้า และแล้งน้ำใจ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ความเห็นดังกล่าวถือเป็นคุณูปการกับพรรค ในนามพรรคก้าวไกลได้มีการแถลงข่าวผ่านทางเพจเฟซบุ๊คไปแล้ว แต่ในการแถลงข่าววันนี้ไม่ได้แถลงในนามพรรค ไม่ได้ต้องการให้มองว่าเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล พรรคก้าวไกลก็หารือภายใน ไม่สามารถแอคชันได้ทันท่วงที เนื่องจากเมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) มีการประชุมสภาด้วย
เมื่อถามต่อว่า ได้มีการคุยกับ น.ส.พรรณิการ์ หรือไม่ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้คุยกับ น.ส.พรรณิการ์ แต่คิดว่าทางพรรคน่าจะพูดคุยกันตามปกติ
เมื่อถามถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากไม่อยากให้ศาลพิจารณาเรื่องจริยธรรม นายปิยรัฐ กล่าวว่า ตามที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลได้นำเสนอการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการต่อยอด เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เราเสนอให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และไม่เกิดเครื่องมือทางการเมือง
เมื่อถามว่า เป็นการเขียนเสือให้วัวกลัวหรือไม่ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ไม่ใช่การเขียนเขียนเสือให้วัวกลัว เพราะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พรรคก้าวไกล หรือคดีมาตรา 112 เท่านั้น แต่คำถามสำคัญก็คือ กรณีทั่วไปที่ศาลเคยตัดสินโทษไปแล้ว ศาลฎีกาจะกลับมาเอาโทษนักการเมืองคนนั้นในภายหลังได้อีกหรือไม่
"ผมว่าไม่ใช่การเขียนเสือให้วัวกลัว เพราะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่นักการเมืองทุกคน ต้องสำนึกว่ากฎหมายอยู่ในมือใคร และจะใช้กฎหมายกับใคร" นายปิยรัฐ กล่าว (ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ศาลฎีกาตัดสิทธิ์'ช่อ พรรณิการ์'ตลอดชีพคดีฝ่าฝืนจริยธรรม โพสต์หมิ่นสถาบันฯ)
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี