เรื่มแล้วฟรีวีซ่า สุวรรณภูมิคึกคัก"นายกฯ"ควงทูตจีน ต้อนรับ นทท.จีนเที่ยวแรก ตามมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA Exemption) เผยตัวเลขไฟล์ทแรก มีชาวจีนถึง 306 คน ต่างชาติอีก 35 ราย
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ท่าอากาศสนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ในการเตรียมการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA Exemption) โดยเมื่อเวลา 10.00 น.ที่บริเวณสะพานเทียบเครื่องบินที่ D4 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA Exemption) ที่เดินทางมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยสายการบินแอร์ เอเชียเอ็กซ์ เที่ยวบินที่ XJ 761 เส้นทางเซียงไฮ้-สุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาทั้งหมด 341 คน โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน 306 คน และนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นจำนวน 35 คน
ซึ่งพิธีต้อนรับครั้งนีั มี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้บังคับบัญชาสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อธิบดีกรมการกงสุล คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ ร่วมให้การต้อนรับ
โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ จะมอบของที่ระลึก เป็นพวงมาลัยกล้วยไม้ พร้อมกางเกงช้าง ให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางเข้ามามายังประเทศไทย ขณะที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มอบแท็กซ์หนังติดกระเป๋าของแอร์เอเชียให้ โดยมีเจ้าหน้าที่จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสวมชุดไทยร่วมให้การต้อนรับ พร้อมป้ายต้อนรับ ที่เขียนเป็นภาษาจีน ว่า "จีนไทยครอบครัวเดียวกัน อะเมซซิ่งไทยแลนด์" ยินดีต้อนรับ "ยินดีต้อนรับคนจีนตลอดไปเสมือนครอบครัว" "เที่ยวเมืองไทยยิ่งเที่ยวยิ่งสนุก" รวมทั้ง มีป้ายขนาดเล็กต้อนรับโดยมีข้อความว่า "เที่ยวเมืองไทยยิ่งไปยิ่งสนุก" "ประเทศไทยยินดีต้อนรับคุณ"
นอกจากนี้ ยังได้มีการแสดงกลองยาวต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย อีกทั้งบริเวณทางเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีป้ายต้อนรับเป็นภาษาจีนติดอยู่ตลอดเส้นทาง ทำให้บรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นไปอย่างคึกคัก และได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศจำนวนมาก
สำหรับท่าอากาศยานอีก 3 แห่ง ททท.ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ดังนี้ ท่าอากาศยานดอนเมือง จำนวน 3 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน FD583 สายการบิน Thai Air Asia จากคุนหมิง เที่ยวบิน SL935 สายการบิน Thai Lion Air จากฉางซา และเที่ยวบิน DD3111 สายการบิน Nok Air จากหนานหนิง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จำนวน 2 เที่ยวบิน สายการบิน China Eastern Airlines ได้แก่ เที่ยวบิน MU 205 จากเซี่ยงไฮ้ และเที่ยวบิน MU 2563 จากคุนหมิง และท่าอากาศยานภูเก็ต ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐคาซัคสถาน 1 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน KC 563 สายการบิน Air Astana จากอัลมาตี้ และจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 3 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน CA 717 สายการบิน Air China จากหางโจว เที่ยวบิน 9C8667 สายการบิน Spring Airlines จากเซี่ยงไฮ้ และเที่ยวบิน CA 821 สายการบิน Air China จากปักกิ่ง
ทั้งนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวจีน มีนัยยะสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเป็นกลุ่มตลาดเป้าหมายหลักและเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงทั้งด้านรายได้และจำนวน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดจีนยังคงเผชิญความท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 17 กันยายน 2566 ประเทศไทยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 19,000,988 คน โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวน 2,341,080 คน ถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวอันดับที่ 2 รองจากมาเลเซียที่เดินทางเข้าประเทศไทยมากที่สุด โดยปัจจุบันมีการฟื้นตัวอยู่ที่ประมาณร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับปี 2562 สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 เกือบเท่าตัว จากประมาณ 56,529 คนในปี 2562 เป็น 109,865 คนที่เดินทางเข้าประเทศไทยระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 17 กันยายน 2566 โดยเป็นตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ที่มีแนวโน้มและศักยภาพในการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง
ททท.คาดการณ์ว่า มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) จะสามารถกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน ให้เดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 4.01 - 4.4 ล้านคนในปี 2566 และผลักดันรายได้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนสู่เป้าหมาย 257,500 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าในช่วง 5 เดือนที่มีมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศประมาณ 2,888,500 คน สร้างรายได้ 140,313 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการฟื้นตัวร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับปี 2562 ขณะที่คาดว่านักท่องเที่ยวคาซัคสถานจะเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 150,000 คน ในปี 2566 และคาดว่าในช่วง 5 เดือนของการยกเว้นการตรวจลงตราจะมีนักท่องเที่ยวคาซัคสถานจำนวนประมาณ 129,485 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ประมาณ 7,930 ล้านบาท
ทั้งนี้ รัฐบาลเชื่อมั่นว่า มาตรการดังกล่าวจะเข้ามาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และจะช่วยพลิกฟื้นการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากจะช่วยคลี่คลายข้อจำกัดในการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีน ทั้งเรื่องระยะเวลาและค่าใช้จ่ายส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว กลุ่มทัวร์ และกลุ่ม Incentive ประกอบกับช่วงเวลาดำเนินมาตรการฯ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ครอบคลุมช่วง Golden week ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมออกเดินทางท่องเที่ยว ต่อเนื่องถึงช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่จะยิ่งช่วยผลักดันสู่เป้าหมายภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ตั้งไว้ของปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25 - 30 ล้านคน และสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ ให้กลับมาในอัตราร้อยละ 80 ของปี 2562 ที่ 1.5 ล้านล้านบาท พร้อมมุ่งสู่เป้ารายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี