‘สส.ศักดิ์ดา’หวัง‘เพื่อไทย’ปัดฝุ่นโครงการ‘ฟลัดเวย์’ยุคยิ่งลักษณ์ พร้อมเสนอ 3 โครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมยั่งยืน
8 ตุลาคม 2566 นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี เขต 4 พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคม โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อถึงปลายเดือนธันวาคม หรือต้นเดือนมกราคม น้ำจะท่วมในพื้นที่ทางภาคใต้ ซึ่งการที่น้ำท่วมในพื้นที่เหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำซากเป็นประจำทุกปี ทำให้ประเทศไทยสูญเสียงบประมาณในการเยียวยาดูแลรักษาเกี่ยวกับน้ำท่วมให้กับประชาชนผู้ได้รับผลระทบไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าไม่แก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ต้นเหตุ จะไม่มีทางเลยที่เราจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ได้
นายศักดิ์ดา กล่าวว่า หลายรัฐบาลที่ผ่านมา ตนเชื่อว่าเราแก้ไขปัญหากันที่ปลายเหตุ ไม่ใช่แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ จากการที่ได้ดูข้อมูลย้อนหลังไปในช่วงปี 2554 เกิดปรากฎการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ กทม. ตนเชื่อว่าประชาชนทุกคนคงจำได้เพราะในปีนั้นมีฝนตกลงมาเป็นจำนวนมาก ทำให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไม่สามารถที่จะรองรับมวลน้ำที่ไหลลงมาจากทางภาคเหนือได้ สาเหตุเพราะน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาในพื้นที่ที่เป็นเขาหัวโล้นที่ไม่มีต้นไม้ไหลบ่าลงมาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นถึงแม้เราจะมีเขื่อนกี่เขื่อน มีอ่างเก็บน้ำกี่แห่ง ก็ตาม ถ้ามันเต็มแล้วน้ำจะไปไหน สุดท้ายก็ต้องระบายน้ำลงสู่แม่น้ำ 4 สายคือ ปิง วัง ยม น่าน ลงมาสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
ทั้งนี้ ต้นน้ำเจ้าพระยานั้นอยู่ที่ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ ซึ่งแม่น้ำเจ้าพระยานั้นสามารถที่จะรองรับน้ำที่ไหลเข้าได้วินาทีละไม่เกิน 3,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) แต่ในปี 2554 ปรากฏว่าน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีน้ำไหลเข้ามากถึงวินาทีละ 5,000 ลบ.ม.ซึ่งเกินมากว่า 2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที
“ รัฐบาลในช่วงนั้น คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีนโยบายที่จะสร้างโครงการฟลัดเวย์ ซึ่ง 2ข้างทางของแม่น้ำเจ้าพระยาที่เราเรียกว่าฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก เพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาข้างละ 1,000 ลบ.ม. เพื่อป้องกันไม่ให้มวลน้ำไหลเข้าท่วมกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนน้ำที่เข้าท่วมจะเป็นน้ำที่เอ่อล้นมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา แต่เป็นที่น่าเสียดายเนื่องจากโครงการนี้ไม่เกิดขึ้นเพราะเกิดการปฏิวัติเสียก่อน ผมเชื่อว่าหากไม่เกิดการปฏิวัติ โครงการฟลัดเวย์ของนายกยิ่งลักษณ์ คงดำเนินการก่อสร้างเสร็จไปแล้ว” นายศักดิ์ดา กล่าว
นายศักดิ์ดา กล่าวว่า โครงการฟลัดเวย์ไม่ใช่โครงการระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทั้ง 2 ฟากฝั่งของโครงการยังมีถนนที่ใช้เดินทางจากภาคตะวันตกไปยังภาคเหนือ และจากภาคตะวันออกไปยังภาคเหนืออีกด้วย โครงการฟลัดเวย์นั้น พรรคเพื่อไทยได้เสนอเป็นนโยบายเอาไว้ในข้อ 8 วรรคสอง ตนมั่นใจว่าโครงการนี้จะสำเร็จได้ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยยุคนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของคนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑลได้เป็นอย่างดี
สำหรับปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นสาเหตุเป็นเพราะป่าไม้ถูกตัดโค่นทำลายจนกลายเป็นภูเขาหัวโล้นที่ทุกคนต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้ว เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุของน้ำท่วมให้ได้ทั้งในระยะยาวและยั่งยืน โดยไม่ต้องมาแก้ไขปัญหาระยะสั้นในทุกๆปีเหมือนที่ผ่านมา จึงขอเสนอไปถึงรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ได้เร่งดำเนินการใน 3 โครงการสำคัญ
โครงการแรกคือให้ดำเนินการสร้างฝายชะลอน้ำ เพราะเวลาฝนตกจะทำให้พื้นที่ที่ไม่มีต้นไม้หรือไมมีสิ่งกีดขวาง จะทำให้น้ำไหลลงมาจากภูเขาหัวโล้นและพัดนำพาเอาตะกอนหน้าดินไหลลงมาอย่างรวดเร็ว ถ้าน้ำพัดพาตะกอนหน้าดินลงมาทุกปีๆจะทำให้ดินนั้นเสื่อมคุณภาพไปด้วย เมื่อถึงเวลาประชาชนจะต้องปลูกพืชหรือทำการเกษตรก็จะทำให้ได้ผลผลิตไม่ดีไปด้วย และจะทำให้ประชาชนหรือเกษตรกรต้องเสียงบประมาณในการนำไปปรับปรุงดินเป็นจำนวนมหาศาลโดยใช่เหตุ แต่ถ้าเราสร้างฝายชะลอน้ำจะทำให้น้ำไหลได้ช้าลง เมื่อน้ำไหลได้ช้าลงน้ำก็จะซึมลงใต้ดินในชั้นน้ำบาดาล ประชาชนจะได้มีโอกาสนำน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ ดังนั้นจึงเสนอไปถึงรัฐบาลให้สร้างฝายชะลอน้ำในพื้นที่ต้นน้ำให้มากที่สุดเพื่อป้องกันให้น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำหรือที่ลาบให้ช้าที่สุด
โครงการที่สอง คือโครงการปลูกหญ้าแฝก เพราะหญ้าแฝกนั้นจะมีรากฝังลงลึกไปใต้พื้นดินถึง 2-3 เมตร เมื่อรากลงลึกก็จะยึดหน้าดินเอาไว้เมื่อน้ำไหลลงสู่ที่ต่ำการพังทลายของหน้าดินก็จะน้อยลง และสิ่งที่จะตามมาก็คือน้ำจะไหลซึมลงไปตามรากของหญ้าแฝกได้เป็นอย่างดี
โครงการสุดท้ายที่ขอเสนอไปถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยคือขอให้เร่งฟื้นฟูสภาพป่าในพื้นที่เขาหัวโล้น ถ้าเราฟื้นฟูสภาพป่าหรือพื้นที่ใดก็ตามที่เป็นพื้นที่เขาหัวโล้น หากสำเร็จจะทำให้น้ำไหลช้าลงและผืนป่าจะช่วยในการกักเก็บน้ำเอาไว้ให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ราบได้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งผืนป่านั้นถือว่ามีคุณค่าสามารถกักเก็บน้ำเอาไว้ได้จำนวนมหาศาล
“จากข้อมูลของคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า พื้นที่ป่าอนุรักษ์ของประเทศไทยสามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 4 หมื่นล้าน ลบ.ม.หรือประมาณ 4 เท่าของเขื่อนภูมิพล หากเราสามารถช่วยกันฟื้นฟูสภาพป่าบนเขาหัวโล้นสำเร็จจะเป็นการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ในระยะยาวและยั่งยืนอย่างแน่นอน” นายศักดิ์ดา กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี