พปชร.ปิดปาก

ไม่วิจารณ์‘เศรษฐา’แจก1หมื่น

จัดสัมมนาโวลต.ใหม่ได้สส.เพิ่ม

พลังประชารัฐ จัดสัมมนาที่ภูเก็ต ประกาศพร้อมสู้สนามเลือกตั้งใหม่และต้องได้สส.มากกว่าเดิม “สันติ”ไม่ขอวิจารณ์นโยบายดิจิทัล วอลเล็ตขอเอาใจช่วย ให้กำลังใจรัฐบาล หากทำได้จริงประชาชนได้ประโยชน์ “อนุสรณ์” คุยโว เชื่อกระแสตอบรับ “อุ๊งอิ๊ง” พุ่งทะยาน หลังตอบรับพร้อมนั่ง หน.เพื่อไทย คนใหม่ เต็มตัว

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2566 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐกล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต10,000บาทว่า เรื่องระบบการเงินการธนาคาร การคลังนั้น อยู่ที่นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังว่าจะระดมเงินอย่างไร ทำอย่างไรตามนโยบาย ซึ่งนโยบายนี้เป็นนโยบายที่มาจากผู้นำที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

“พรรคพลังประชารัฐจากที่ได้พูดคุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้แต่ส่งกำลังใจไปถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้ แต่ส่งกำลังใจให้เท่านั้นเอง การจะวิจารณ์ หรือพูดอะไร ก็เห็นว่าไม่เหมาะสมซึ่งหัวหน้ารัฐบาลก็กำลังเร่งรัดกำลังพยายามที่จะทำให้โครงการนี้สำเร็จ การที่ประชาชนจะได้เงินคนละ10,000 บาท ก็เป็นประโยชน์กับประชาชน 56 ล้านคน”นายสันติ กล่าว

ขอเอาใจช่วยให้กำลังใจรัฐบาล

เมื่อถามว่าหากโครงการนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐพร้อมยกมือให้หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เข้า พูดล่วงหน้าอาจจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ส่วนเรื่องแหล่งเงิน เรื่องความเหมาะสม ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ นักวิชาการหรือผู้บริหารการเงินต่างๆ เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ มีความคิดหลากหลาย กำลังวิจารณ์และพูดคุยกันอยู่เพื่อให้โครงการนี้ มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์สูงสุด

เมื่อถามว่า กลัวจะเกิดความขัดแย้งในสังคมหรือไม่ เพราะขณะนี้มีความเห็นออกเป็นสองฝ่าย นายสันติ กล่าวว่า เงินดิจิทัลหรือเงินที่แจกคนละ 10,000 บาท 56 ล้านคนนั้น ถ้าแจกได้ประชาชนก็ได้ประโยชน์ ส่วนโครงการจะสามารถเกิดขึ้นได้จริงไหม คงต้องดูรัฐบาลที่พรรคแกนนำดำเนินการ เราก็เอาใจช่วย

พปชร.สัมมนาภูเก็ตคักคัก

ทั้งนี้ พปชร.ได้จัดสัมมนาที่ ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท จ.ภูเก็ต ในหัวข้อ“รวมพลังสามัคคี”โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่เป็นประธานเปิดการสัมมนา เนื่องจากพล.อ.ประวิทย์มีอาการขาแพลง จึงไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่พล.ต.อ.พัชรวาทร่วมกิจกรรมกับพรรค

โดยมีผู้บริหารพรรค ส.ส.และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคทั้ง8 ด้านของพรรคร่วมสัมมนาอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคติดภารกิจลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.พังงา

“บิ๊กป๊อด”ปลุกใจเป็นหนึ่งเดียว

โดยพล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวเปิดสัมมนาว่าในฐานะตัวแทนพลเอกประวิตร มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาพบกับทุกท่านในการสัมมนาอุดมการณ์ผ่านผลงานของพรรคพลังประชารัฐในวันนี้ถือเป็นการสัมมนาเป็นครั้งแรก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกคนได้สร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกัน รวมหัวใจพลังประชารัฐให้เป็นหนึ่งเดียว ทั้งนี้ ในยุทธศาสตร์ของพรรคในผลงานที่ผ่านมาโดยพรรคพลังประชารัฐก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2561 และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล มีนโยบายที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มุ่งเน้นในการสร้างความสามัคคี ปรองดองให้เป็นประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพ ไร้ความขัดแย้ง และมุ่งเน้นในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชนที่ถือเป็นเจตนารมย์อันดีที่ดำรงไว้ในข้อบังคับของพรรคด้วย

สานต่อนโยบายปชช.กินดีอยู่ดี

“ในช่วงที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา ก็ได้สร้างผลงานเพื่อเป็นประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการน้ำ การดูแลประชาชนให้กินดีอยู่ดี จัดการที่ดินทำกิน และยังได้มีโยบายใหม่ๆในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทางพรรคตระหนักถึงความท้าทายที่จะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของพรรคที่ได้เสนอเอาไว้ ซึ่งพรรคได้แต่งตั้งคณะกรรมการเชิงยุทธศาสตร์เข้ามาปฏิรูปประเทศทั้งนี้ขอให้บุคลากรของพรรคทุกท่าน รวมพลัง ร่วมมือ ร่วมใจ เดินหน้าไปพร้อมๆกัน ทำงานเพื่อประชาชนไปด้วยกัน”พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว

“สนธิรัตน์”จี้ปรับภาพลักษณ์ใหม่

ต่อมานายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวช่วงหนึ่งในการสัมมนาว่าภารกิจของเรา คือการทำงานร่วมกัน โดยความสำเร็จของการเลือกตั้ง คือเป้าหมายของเรา ความนิยมของพรรคเป็นไปตามกระแสการเมืองซึ่งมีความสำคัญ และมีผลต่อการเลือกตั้งในหลายพื้นที่ ตนหวังว่าในครั้งหน้า สส.ทั้ง39บวก 1 คน จะได้กลับมาอีก วันนี้เราต้องปรับภาพลักษณ์ของพรรค ไม่ใช่ว่ามีปัญหา แต่เมื่อบริบทการเมืองเปลี่ยนแปลงเราต้องปรับภาพลักษณ์ของพรรคให้สอดคล้องกับบริบทการเมือง สอดรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราจะต้องช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ของพรรคให้เป็นที่นิยม

“จาก3-4เดือน ที่มีการประเมินในหลายพื้นที่ ภาพลักษณ์ของพรรคเรากำลังพลิกกลับมาเนื่องจากการเมือง ภาพลักษณ์ของพรรคการเมืองจะพลิกกันไป พลิกกันมา พรรคนี้อาจจะมาแล้ว แต่อาจจะแผ่ว บางพรรคอาจไปสะดุดขาตัวเองบางเรื่อง อีกสิ่งหนึ่งคือเราต้องตอบตัวเองให้ได้ ว่าใครคือโหวตเตอร์ที่สนับสนุนพรรค ทุกท่านที่ผ่านการเลือกตั้งเรารู้อยู่แล้ว ว่าเสียงของเราอยู่ที่ไหน ดังนั้นเราจะต้องปรับตัวเองให้สอดรับกับฐานเสียงของพรรค และตรงไหนที่ฐานเสียงเรายังไปไม่ถึงเราจะปรับตัวอย่างไร” นายสนธิรัตน์ กล่าว

ลุยสร้างผลงานพรรค-ขยายพื้นที่

นายสนธิรัตน์ยังกล่าวอีกว่าการทำงานของพรรคเราต้องสร้างการยอมรับกับพรรคทั้งนโยบายการทำงาน ภาพบุคลากรของพรรคต้องโดดเด่นจึงต้องร่วมกันทำงานทุกฝ่าย ยุคนี้พรรค ต้องปรับบทบาทในสภาให้โดดเด่น เพราะประชาชนมองบทบาทของ สส.ในสภา จากที่ตนและคณะได้ติดตาม การทำงาน สส.ในสภาก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ เราเก็บทุกคลิปที่สส.พรรคอภิปราย มาสื่อสารในพรรค รวมถึงผลงานของพรรคต้องจับต้องได้และในมิติของการบริหารในกระทรวงที่พรรครับผิดชอบผลงานของกระทรวงคือ ผลงานของพรรคและขยายลงพื้นที่

เลือกตั้งต้องได้สส.มากกว่าเดิม

“เป้าหมายของพรรค พปชร.ต้องยืนหยัดเป็นสถาบันทางการเมือง พรรคจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆและจะต้องเป็นพรรคที่จะเข้าไปสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างสง่าภาคภูมิ และเป้าหมาย คือ ทุกท่านต้องกลับมาและการเลือกตั้งครั้งหน้า เราจะต้องได้ สส.มากกว่าเดิม แต่วันนี้เร็วเกินไปที่จะบอกว่าได้สส.เท่าไหร่ ทุกคนจะต้องช่วยกันในจังหวัดของท่าน จะต้องขยายเขตเลือกตั้งและเตรียมสรรหาผู้สมัครที่มีความแข็งแกร่งรองรับเอาไว้ สส.แต่ละจังหวัด นอกจากจะมีหน้าที่รักษาพื้นที่แล้ว ยังจะต้องมองพื้นที่ที่มีโอกาส ที่เรามีบุคลากร มีผู้สมัครในอนาคตมาทำงานร่วมกัน เพื่อเตรียมการเลือกตั้งครั้งต่อไป”นายสนธิรัตน์ กล่าว

ตอกย้ำร่วมทำงานกันทั้งพรรค

นายสนธิรัตน์ยังกล่าวย้ำว่าทุกคนต้องทำหน้าที่เชื่อมโยงกับกระทรวง เชื่อมโยงกับรองนายกฯตนได้เรียนกับพล.ต.อ.พัชราวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.ก็พร้อมทำงานร่วมกับเราจะมาร่วมประชุมพรรคให้บ่อยขึ้นภารกิจที่พรรครับผิดชอบจะต้องเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ไม่ใช่เป็นเรื่องของพรรคแต่ทั้งหมดเป็นความตั้งใจของหัวหน้าพรรคที่ต้องการให้เราทำงานร่วมกัน

‘อุตตม’ติวเข้มสส.เตรียมพร้อมลต.

ขณะที่นายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมการด้านนโยบายและการปฏิรูปเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน กล่าวช่วงหนึ่งในการสัมนาพรรคว่าเราต้องมีการพัฒนาเพื่อทำให้ตอบโจทย์ประชาชน ขณะเดียวกันต้องตอบโจทย์ของพวกเราเองเพื่อพัฒนาให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นไปและมีความพร้อมที่จะลงสนามในครั้งหน้าและมีความพร้อมที่จะผลิตบุคลากรรุ่นใหม่ออกมาและอีกหนึ่งเรื่องที่จะต้องขับเคลื่อนคู่กันคือการขับเคลื่อนนโยบายกระบวนการที่จะใช้เพื่อให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามที่เราได้มีการพูดคุยกับประชาชน

รัฐบาลเผชิญ5โจทย์ใหญ่ท้าทาย

นายอุตตมกล่าวว่าต้องยอมรับว่าในสถานการณ์ปัจจุบันเป็นความท้าทายของรัฐบาล 5 โจทย์ใหญ่ พรรคพลังประชารัฐก็เป็นหนึ่งในพรรคร่วม ที่ต้องเผชิญความท้าทาย คือ เรื่องปากท้องเศรษฐกิจของประชาชนซึ่งมีความคาดหวังที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลที่จะแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อน ทำให้เศรษฐกิจและความเป็นอยู่สามารถเดินหน้าต่อได้อีกครั้ง และรัฐบาลวันนี้ได้มีการออกมาตรการพอสมควรที่จะเร่งฟื้นเศรษฐกิจ และการดูแลประชาชนในภาคเกษตรเพื่อยกระดับรายได้ ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ที่สะสมอยู่ในโครงสร้างของประเทศ ภาระหนี้สินของภาคประชาชน และของรัฐ สภาพแวดล้อมและสุขภาพที่ทั่วโลกและคนไทยให้ความสำคัญ การเข้าสู่สังคมสังคมสูงวัย ที่ทำให้โครงสร้างประชากรของประเทศเปลี่ยนไป เราจะดูแลกลุ่มคนอย่างไรให้เกิดความเหมาะสม บทบาทของพรรคพลังประชารัฐที่จะร่วมแก้ปัญหาให้ประชาชน ต่างเร่งเครื่อง การขับเคลื่อนนโยบายในสิ่งที่ได้เคยพูดไว้ ไม่ทั้งหมดแต่ต้องทำให้ได้ ในสถานการณ์ปัจจุบัน มีความท้าทายและความเสี่ยง หากเราทำได้ดี ภาพจำของพรรค สส. และรัฐมนตรีจะเกิดขึ้น

พปชร.ถอดบทเรียนเลือกตั้งปี66

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการสัมมนาคณะกรรมการและส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มีการนำเสนอยุทธศาสตร์และการขับเคลื่อนนโยบายพรรคทั้ง 7 ด้าน โดย พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ประธานยุทธศาสตร์ด้านประสานงานและอำนวยการ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พปชร.ได้ถอดบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และยึดมั่นตามเจตจำนง คือ การปกป้องสถาบันหลักของชาติและธำรงไว้ซึ่งประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่จะไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ สร้างความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนทำให้ประชาชนและคนในชาติหลุดพ้นจากความยากจน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไปสู่การเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ อนุรักษ์นิยมก้าวหน้าคือ ก้าวหน้าทันสมัย แต่ยังคงยึดมั่นสิ่งที่เป็นสถาบันหลักของชาติ โดยที่ประชาชนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาประชาธิปไตย พรรคจะเป็นสถาบันการเมืองที่มีเสถียรภาพมีฐานคะแนนเสียงจากทุกภาคส่วน เป็นตัวแทนของประชาชนที่จะมอบความไว้วางใจให้กับแกนนำในการบริหารประเทศ สู่การพัฒนาที่ก้าวหน้ายั่งยืน

ขับเคลื่อนพลิกโฉมพปชร.ให้ทันสมัย

โดยนำยุทธศาสตร์พรรคทั้ง 3 ยุทธศาสตร์แล้วแตกเป็น 11กลยุทธ์ มาเป็นพันธกิจในการก้าวไปข้างหน้าประกอบไปด้วย โดยการขับเคลื่อนทางการเมืองคือการแสดงบทบาทท่าทีและจุดยืนทางการเมือง บนพื้นฐานอุดมการทางการเมือง สอดคล้องกับทิศทางนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ในการปฏิรูปการเมือง เพื่อสร้างประชาธิปไตย ปราศจากความขัดแย้ง ก้าวข้ามความขัดแย้ง ฟื้นฟูบริบททางการเมืองให้เกิดความปรองดอง ของคนในชาติและต่างประเทศ สู่ความเจริญก้าวหน้า

การขับเคลื่อนนโยบาย คือการสร้างความทันสมัยและยังยืน ผลักดันนโยบายเพื่อพลิกโฉมประเทศในเรื่องนโยบายของประเทศ ที่พรรคพลังประชารัฐจะขับเคลื่อนเพื่อเผชิญกับความท้าทายระดับโลกระดับประเทศ อันเนื่องมาจากความเหลื่อมล้ำของสังคม รวยกระจุก จนกระจาย การเข้าสู่สังคมสูงวัย การปฏิวัติทางเทคโนโลยีดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงสังคมดิจิทัล มีความเสี่ยงในเรื่องของความมั่นคงทางด้านอาหาร อาจเกิดจากการได้รับผลกระทบจากสงครามหรือเกิดจากปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศและความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจซึ่งเป็นวิกฤตที่ไม่มีใครคาดคิดว่าประเทศจะต้องเตรียมความพร้อมในลักษณะใด

และการขับเคลื่อนเพื่อพลิกโฉมอัตตลักษณ์ของพรรค การปฏิรูปการบริหารภายในพรรคซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคได้มีความพยายามการจัดระเบียบคณะกรรมการ การแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านต่างๆเพื่อให้สอดรับกับการที่จะสร้างอัตตลักษณ์หรือสร้างภาพจำใหม่ในการที่จะลบความทรงจำบางอย่าง เพื่อก้าวไปสู่สถาบันการเมืองมีฐานคะแนน เป็นตัวแทนเครือข่ายให้มีส่วนร่วมอย่างวิถีประชาธิปไตย ใช้กลยุทธ์ทางการเมืองให้มีการสื่อสารแบบสมัยใหม่ โดยยุทธศาสตร์พรรคแบ่งเป็น3 ด้าน ในการขับเคลื่อนทางการเมือง

‘อนุสรณ์’โวสัญญาณดี’อุ๊งอิ๊ง’นั่งหน.

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยระบุพร้อมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ว่าพรรคจะการประชุมวิสามัญในวันที่ 27 ต.ค.นี้เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคฯชุดใหม่ ถือเป็นข่าวดีเป็นสัญญาณบวกที่น.ส.แพทองธาร ตอบรับชัดเจนว่าพร้อมแล้ว ที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ หลังผ่านการเพาะบ่ม สั่งสมประสบการณ์ทางการเมืองมาครบถ้วนทุกบริบท มีความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ นำพา ขับเคลื่อนประเทศด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พาประเทศไทยพุ่งทะยานไปข้างหน้าทั้งในด้าน สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา ให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ

กระแสตอบรับ”อุ๊งอิ๊ง”พุ่งทะยาน

“เชื่อมั่นว่าจากนี้ไปกระแสตอบรับ น.ส.แพทองธารจะพุ่งทะยานขึ้นไปอีก จะส่งผลถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า น.ส.แพทองธาร เป็นศูนย์กลางของคนในพรรค “เป็นการเข้ามาที่ ถูกที่ ถูกเวลา ถูกจังหวะและถูกคน น.ส.แพทองธารเป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจการเมือง ทันยุคทันสมัย สามารถกำหนดยุทธศาสตร์และทิศทางเพื่อนำพาพรรคเพื่อไทยก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน เป็นที่พึงที่หวังให้กับประชาชนได้ การเมืองวันนี้ เป็นยุคของคนรุ่นใหม่ที่จะเข้าสร้างความหวังสร้างโอกาสเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับประเทศด้วยนวัตกรรมใหม่ๆขับเคลื่อนอนาคตประเทศไปสู่ความมั่นคงยั่งยืน พาเศรษฐกิจไทยก้าวไกลสู่สากล”นายอนุสรณ์ ย้ำ