นำคนไทยกลับปท.แล้ว3,329คน
ปรับแผนอพยพ
ส่งคนงานพักคอยดูไบ
ก่อนบินรับกลับเข้าไทย
ย่นเวลาช่วย8,439ชีวิต
นายกฯนัดถกใหญ่23ต.ค.
นายกฯยันไม่นิ่งนอนใจ ทุกหน่วยงานทำเต็มที่หวังช่วยตัวประกัน คาดถกใหญ่ 23 ตุลาคม มีความคืบหน้าแผนช่วยแรงงานที่ถูกจับ ซึ่งเริ่มปรับแผนอพยพใหม่แล้ว โดยพาคนที่ต้องการกลับไปพักที่ศูนย์พักคอยที่ดูไบ ก่อนส่งเครื่องไปรับกลับ
ส่วนคนที่ซื้อตั๋วกลับเองเบิกได้ ด้านกระทรวงการต่างประเทศสรุปยอดเสียชีวิตทางการอยู่ที่ 30 ศพเท่าเดิม บาดเจ็บเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมมีผู้บาดเจ็บ 18 ราย ถูกควบคุมตัว 19 รายเท่าเดิม ขณะที่ทอ.อพยพรอบ 3 นำ 139 แรงงานไทยกลับประเทศเรียบร้อย เที่ยวบินต่อไป 25 ตค.
ความคืบหน้าการอพยพคนไทยกลับจากอิสราเอลของรัฐบาลไทยยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยระดมสรรพกำลังจากทุกหน่วยงาน หลังสถานการณ์สู้รบกับกลุ่มฮามาสบานปลายหนัก
ทอ.อพยพ139คนไทยชุด3ถึงไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.15 น.วันที่ 22 ตุลาคม เครื่องบิน A340-500 ของกองทัพอากาศเที่ยวบินที่ 3 RTAF229 ที่เดินทางไปอพยพคนไทยในอิสราเอล เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 เรียบร้อย มีจำนวนผู้โดยสาร 139 คน มีพลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้การต้อนรับ ผลการปฏิบัติภารกิจเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามที่กองทัพอากาศวางแผนไว้
เดินหน้าเที่ยวบินต่อไป25ตค.
ทั้งนี้ คนไทยเที่ยวบินที่ 3 ของทอ.มี 139 คนแบ่งเป็นชาย 136 คน และหญิง 3 คน เมื่อเดินทางถึงสนามบินดอนเมือง ผู้โดยสารผ่านกระบวนการตรวจร่างกาย การตรวจสุขภาพจิต การตรวจคนเข้าเมือง การตรวจสอบสิทธิ และให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย ก่อนเดินทางไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒย์ (สถานีกลางบางซื่อ) สำหรับการอพยพคนไทยในเที่ยวบินต่อไปคือเที่ยวบินที่ 4 กองทัพอากาศวางแผนนำ A340-500 จำนวน 1 เครื่อง ปฏิบัติภารกิจอีกครั้งวันที่ 25 ตุลาคม ออกเดินทางในเวลา 02.40 น.
สธ.ดูแลคนไทย17ชุด-เครียดสูง25คน
กระทรวงสาธารณสุข เผยแพร่ข้อมูลผลการปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีอพยพคนไทยจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลว่า วันที่ 21 ตุลาคม มีผู้เดินทางกลับ 508 ราย เป็นชาย 498 ราย และหญิง 10 ราย ผลคัดกรองดูแลสุขภาพคนไทย ด้านสุขภาพจิต พบมีความไม่สบายใจ 47 ราย และสุขภาพกาย พบบาดเจ็บ 1 ราย มีอาการทางเดินหายใจ 7 ราย และพบอาการผื่นเรื้อรัง 2 ราย ภาพรวมดูแลแรงงานไทยแล้วสะสม 17 ชุด รวม 2,644 ราย เป็นชาย 2,598 ราย และหญิง 46 ราย ภาพรวมการคัดกรองอาการด้านสุขภาพจิตพบ 234 ราย คิดเป็นร้อยละ 8.9 ได้แก่ มีความไม่สบายใจ 157 ราย เครียด/เครียดปานกลาง 40 ราย เครียดสูง 25 ราย นอนไม่หลับ 7 ราย และตื่นตัวมากเกินไป 5 ราย
พาแรงงานกลับได้แล้ว2.8พันคน
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า หลังกระทรวงแรงงานส่งเจ้าหน้าที่ 10 คน ไปปฏิบัติภารกิจอพยพแรงงานจากอิสราเอลกลับไทย โดยปฏิบัติงานในพื้นที่จุดอพยพต่างๆ รวมทั้งที่สนามบิน เพื่อทำหน้าที่ประสานอำนวยความสะดวกด้านเอกสาร รวมถึงรวบรวมแรงงานไทยนั้น ได้รับรายงานว่าตั้งแต่ไปปฏิบัติหน้าที่วันที่ 15 ตุลาคมถึงวันที่ 20 ตุลาคม มีคนไทยเดินทางมายังศูนย์พักพิงฯรวม 2,541 คน ขณะที่พาคนไทยและแรงงานไทยเดินทางกลับประเทศไทยได้แล้ว 2,823 คน ตอนนี้มีผู้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์กลับประเทศไทย 8,439 คน และไม่ประสงค์เดินทางกลับ 118 คน
ตั้งศูนย์ฯที่ดูไบก่อนส่งกลับ
นายไพโรจน์กล่าวต่อว่า ล่าสุด รัฐบาลปรับแผนอพยพคนไทยตั้งแต่วันนี้ (22 ตุลาคม) เป็นต้นไป จะลำเลียงคนไทยที่ต้องการกลับประเทศไปพักคอยที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก่อน ซึ่งจะมีเครื่องบินขนาดใหญ่ที่รัฐบาลจะจ้างเหมาลำระหว่างเทลอาวีฟมาดูไบจะใช้เวลา 3 ชั่วโมง ขณะนี้กระทรวงเตรียมพร้อมทุกด้านรองรับคนไทยและแรงงานไทยที่จะอพยพเข้าไปเรียบร้อยแล้ว เชื่อมั่นว่าจะพาแรงงานไทยกลับบ้านได้ตามที่รัฐบาลกำหนดเป้าหมายไว้ และเร็วขึ้น หลังจากหลายหน่วยงานประสานความร่วมมือส่งเจ้าหน้าที่ไปสนับสนุนภารกิจที่สถานเอกอัครราชทูตฯ รวมทั้งเพิ่มเที่ยวบินรับแรงงานไทย
คนที่กลับเองเบิกค่าตั๋วได้
ส่วนแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาด้วยตนเองและกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายนั้น นายไพโรจน์กล่าวว่า เรื่องนี้เมื่อเดินทางกลับมาไทยแล้ว ขอให้แรงงานไทยเก็บหลักฐานการเดินทาง ได้แก่ Boarding pass/ใบเสร็จ/ตั๋วเครื่องบิน ไว้ เพื่อใช้ขอรับเงินค่าตั๋วเครื่องบินต่อไป
นายกฯยันเร่งช่วยตัวประกันทุกทาง
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางช่วยเหลือตัวประกันคนไทยว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะมีหลายส่วนที่ให้การช่วยเหลือ ซึ่งขณะนี้ยังมีการเจรจาต่อเนื่อง รวมถึงยอดแรงงานไทยที่ประสงค์อยากเดินทางกลับมาก็เพิ่มมากขึ้น โดยวันที่ 23 ตุลาคมจะประชุมใหญ่ถึงเรื่องนี้ที่กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงต่างประเทศ ทูตไทยประจำประเทศอิสราเอล หน่วยงานความมั่นคง ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก รวมถึงใช้คอนเนคชั่นส่วนตัวมาช่วยเจรจา และคาดว่าจะมีความคืบหน้าในวัน 23 ตุลาคม ต้องขอร้องว่าการเจรจาบางเรื่อง ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ขอให้มั่นใจว่าเราทำเต็มที่ อะไรทำได้เราทำเต็มที่อยู่แล้ว
เจ็บเพิ่มอีก2-ตาย30เท่าเดิม
วันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสถานะคนไทยที่ได้รับผลกระทบในอิสราเอล ข้อมูลถึงวันที่ 21 ตุลาคมระบุ มีผู้เสียชีวิต 30 ศพคงเดิม บาดเจ็บเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมมีผู้บาดเจ็บ 18 ราย และผู้ที่คาดว่าถูกควบคุมตัว 19 รายเท่าเดิม ทั้งนี้ ตามที่มีการกล่าวถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตว่ามี 31 ศพนั้น ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน โดยตัวเลขทางการยังคงเป็น 30 ศพเท่าเดิม
อิสราเอลถล่มกาซาตายเพิ่ม55ศพ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองกาซาซิตี ฉนวนกาซาเมื่อวันอาทิตย์ว่า กลุ่มฮามาสออกแถลงการณ์ระบุ เครื่องบินรบของกองทัพอิสราเอลโจมตีทางอากาศ ในฉนวนกาซา เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 55 ราย ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก อีกทั้ง บ้านเรือนไม่ต่ำกว่า 30 หลังเสียหาย ขณะเดียวกัน กลุ่มฮามาสเรียกร้องประชาคมโลกเพิ่มการกดดันอิสราเอล ให้เปิดทางการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ผ่านด่านราฟาห์ ทางตอนใต้ของอียิปต์ ซึ่งเปิดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามรอบนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่มีรถบรรทุกสิ่งของเดินทางผ่านได้ประมาณ 20 คันเท่านั้น
โดยก่อนหน้านี้ พล.ร.ต. แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอลกล่าวว่า จะยกระดับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซา เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้กลุ่มฮามาส และยืนยันปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า และเตือนให้ประชาชนในภาคเหนือของฉนวนกาซา เร่งอพยพลงมาทางใต้ โดยการประเมินของอิสราเอลพบว่า มีประชาชนอพยพออกจากพื้นที่แล้วประมาณ 700,000 คน จากจำนวนทั้งหมด1.1 ล้านคน ในภูมิภาคทางเหนือของฉนวนกาซา
รถบรรทุกนำความช่วยเหลือมชุดแรก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ขบวนรถบรรทุกส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 20 คันแรกได้ข้ามจุดผ่านแดนราฟาห์ของประเทศอียิปต์เข้าไปยังทางตอนใต้ของฉนวนกาซาแล้วในวันที่ 21 ตุลาคม ถือเป็นการส่งความช่วยเหลือเข้าไปในกาซาครั้งแรกนับตั้งแต่ที่อิสราเอลทำการปิดล้อมฉนวนกาซาเมื่อ 12 วันก่อน ที่ทำให้ชาวปาเลสไตน์จำนวน 2.3ล้านคน เจอกับการขาดแคลนน้ำ อาหาร ยารักษาโรค และเชื้อเพลิง
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาแสดงความยินดีต่อการส่งความช่วยเหลือไปถึงฉนวนกาซาหลังมีการเจรจานานหลายวัน พร้อมกับบอกด้วยว่าสหรัฐมุ่งมั่นที่จะทำให้แน่ใจว่าจะมีการส่งความช่วยเหลือผ่านจุดข้ามแดนราฟาห์เข้าไปในฉนวนกาซามากขึ้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของปาเลสไตน์ได้แสดงความผิดหวังที่เชื้อเพลิงไม่ได้ถูกส่งมาพร้อมกับอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรคในความช่วยเหลือชุดแรกที่ถูกส่งเข้าไปในฉนวนกาซา โดยบอกอีกว่าความช่วยเหลือดังกล่าวคิดเป็นเพียง 3% ของความช่วยเหลือที่ฉนวนกาซาเคยได้รับก่อนเกิดวิกฤตการสู้รบเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม “การตัดเชื้อเพลิงออกจากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหมายความว่าชีวิตของคนไข้และผู้บาดเจ็บจะยังคงอยู่ในความเสี่ยงต่อไป โรงพยาบาลในกาซากำลังขาดแคลนอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินการทางการแพทย์” กระทรวงสาธารณสุขของกาซาระบุ
กลุ่มฮามาสยอมให้เข้าพื้นที่ได้
ด้านองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ให้ข้อมูลว่าสภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์จะเป็นผู้รับและแจกจ่ายความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมชุดดังกล่าวที่ถูกส่งเข้าไปในกาซา ภายใต้ความยินยอมของกลุ่มฮามาสซึ่งควบคุมพื้นที่ในกาซา นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้กล่าวยินดีกับการเปิดจุดผ่านแดนราฟาห์ แต่ก็เน้นย้ำคำเตือนของอิสราเอลว่าความช่วยเหลือที่ถูกส่งเข้าไปในกาซาจะต้องไม่ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มฮามาส ถึงแม้รถบรรทุกส่งความช่วยเหลือมนุษยธรรม 20 คันแรกจะเดินทางถึงกาซาแล้ว แต่ความพยายามที่จะส่งมอบสิ่งของเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวยังคงเจอกับความล่าช้าเนื่องจากทางฝั่งอิสราเอลต้องการให้มีการตรวจสอบสิ่งของความช่วยเหลือ นายมาร์ติน กริฟฟิธส์ รองเลขาธิการยูเอ็นด้านการประสานงานกิจการมนุษยธรรมได้กล่าวให้สัมภาษณ์นอกรอบการประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์ในฉนวนกาซาที่จัดขึ้นที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ว่า กำลังมีการเจรจาถึงการส่งรถบรรทุกนำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมชุดที่ 2 เข้าไปในฉนวนกาซาในวันที่ 22 ตุลาคม และอาจสามารถเพิ่มจำนวนรถบรรทุกจาก 20 เป็น 30 คันอีกด้วย พร้อมกับเน้นย้ำว่าเป็นความสำคัญอย่างยิ่งที่จะไม่ให้มีช่องว่างในการส่งความช่วยเหลือ
นายกริฟฟิธส์ กล่าวด้วยว่า นับตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคมเป็นต้นไป เราต้องสร้างระบบการตรวจสอบสิ่งของความช่วยเหลือแบบคร่าวๆ แต่มีประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้การส่งมอบความช่วยเหลือช้าลง และจำเป็นต้องโน้มน้าวให้อิสราเอลเชื่อมั่นว่าการระบบการตรวจสอบแบบคร่าวๆนั้นได้ผล เพื่อเปิดทางให้การส่งมอบความช่วยเหลือจะเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้า
เจ้าหน้าที่ของยูเอ็นกล่าวว่าจำเป็นต้องมีการส่งรถบรรทุกส่งมอบความช่วยเหลืออย่างน้อย 100 คันเข้าไปในฉนวนกาซาต่อวันเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่จำเป็นในพื้นที่ โดยก่อนหน้าการสู้รบ มีรถบรรทุกนำความช่วยเหลือเฉลี่ย 450คัน เข้าไปในกาซาต่อวัน
อิสราเอลลั่นโจมตีกาซาก่อนบุกภาคพื้น
โฆษกกองทัพอิสราเอลเผยว่า จะเพิ่มการระดมโจมตีเพื่อลดความเสี่ยงต่อกองทัพที่จะเริ่มการบุกภาคพื้นดิน ดังนั้นขอให้คนในเมืองกาซาอพยพลงใต้ต่อไปเพื่อความปลอดภัย ก่อนหน้านี้อิสราเอลได้เตือนให้ผู้อาศัยทางตอนเหนือของกาซามากกว่า 1ล้านคน อพยพลงใต้
ด้านกลุ่มผู้บัญชาการทหารทหารอิสราเอลกล่าวขณะตรวจเยี่ยมกำลังพลแนวหน้าบริเวณพรมแดนด้านกาซาเมื่อวันเสาร์ว่า จะบุกกาซาซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น ศัตรูกำลังเตรียมการหลายอย่างในกาซา แต่กองทัพอิสราเอลก็เตรียมการสำหรับศัตรูเช่นกัน เอเอฟพีตั้งข้อสังเกตว่า การบุกภาคพื้นดินเป็นความท้าทายสำหรับทหารอิสราเอลที่อาจเผชิญกับกับระเบิดของกลุ่มฮามาสและอุโมงค์ใต้ดินจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเรื่องชีวิตตัวประกัน 200 คนที่กลุ่มฮามาสลักพาตัวไปตั้งแต่เปิดฉากโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมเป็นอีกปัจจัยสำคัญ
สหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุว่า คนในกาซามากกว่าครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 2 ล้าน 3 แสนคนกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในพื้นที่ อย่างไรก็ดี เชื่อกันว่ามีพลเรือนหลายแสนคนที่ยังคงอยู่ในและรอบเมืองกาซาที่อยู่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา เนื่องจากไม่เต็มใจหรือไม่สามารถอพยพลงใต้ ขณะที่กลุ่มฮามาสแจ้งว่า อิสราเอลยังคงระดมโจมตีพื้นที่ทางใต้ และมีผู้เสียชีวิต 9 คนจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเมืองข่าน ยูนิสเมื่อคืนที่ผ่านมา
สหรัฐเพิ่มความพร้อมตะวันออกกลาง
นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกา แถลงเว่า เขาได้สั่งเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง ประกอบด้วยกองร้อยปืนใหญ่ระบบป้องกันภัยทางอากาศในบรรยากาศชั้นสูง (Terminal High Altitude Area Defense) หรือธาด (THAAD) และกองพันแพทริออต (Patriot) ที่เป็นขีปนาวุธยิงจากพื้นสู่อากาศ ขณะเดียวกันได้สั่งเสริมกำลังทหารสหรัฐเข้าประจำการในภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อเตรียมพร้อมรับคำสั่ง แต่ไม่ได้ระบุว่าจะเสริมจำนวนเท่าใด
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐระบุว่า ได้หารือในรายละเอียดกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนเรื่องความเคลื่อนไหวเหล่านี้ที่จะเสริมสร้างความพยายามป้องปรามในภูมิภาค เพิ่มการปกป้องกองกำลังสหรัฐในภูมิภาค และให้ความช่วยเหลือเรื่องการป้องกันให้แก่อิสราเอล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี