รบ.ไทยทุ่ม3ล.
ช่วยผู้ลี้ภัย‘ปาเลสไตน์’
ศึก‘ยิว-ฮามาส’รุนแรง
2ฝ่ายตายทะลุหมื่นราย
วอนแรงงานไทยรีบกลับ
รัฐบาลไทย มอบเงิน 3 ล้านบาท ผ่าน ยูเอ็นช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ สงคราม “ยิว-ฮามาส”สองฝ่ายยอดตายทะลุ 1 หมื่นศพแล้วด้านกระทรวงแรงงานร้องขอให้แรงงานไทยรีบกลับบ้านเพราะสถานการณ์ยังรุนแรง ขยายวงกว้าง สรุปขนกลับแล้ว 53 เที่ยวบิน ยอดกลับทั้งสิ้น 8,637 คน
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยจัดพิธีมอบเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติ สำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ ในตะวันออกใกล้ (United Nations Relief and Works Agency for Palestine Refugees in the Near East: UNRWA) จำนวน 3,000,000 บาท (80,000 USD) รับมอบโดยนายจูเซปเป้ เด วินเซนทีส (Giuseppe De Vincentiis) รักษาการผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำเทศไทย (Resident Coordinator, ad interim)
โดยนายปรานปรีย์กล่าวว่า ขณะนี้ประชากรในกาซาได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนอาหาร เวชภัณฑ์ และพลังงาน จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงหวังว่าเงินช่วยเหลือจำนวนดังกล่าวจากรัฐบาลไทยจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในฉนวนกาซาขณะนี้ได้ ขณะที่นายจูเซปเป้กล่าวขอบคุณชาวไทยที่มอบความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้แก่ประชาชนในฉนวนกาซาในครั้งนี้ และในความร่วมมือที่มีให้กับสหประชาชาติด้วยดีเสมอมา
“ปานปรีย์”สรุปเยือนตอ.กลาง
ต่อมา นายปานปรีย์ แถลงข่าวความคืบหน้าในการเจรจาช่วยเหลือตัวประกัน หลังจากการเดินทางเยือนรัฐกาตาร์ และสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ระหว่างวันที่ 31 ต.ค. - 2 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดย นายปานปรีย์ กล่าวว่า รัฐบาลไทยมีความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ในฉนวนกาซาขณะนี้ จึงได้เร่งประสานกับกลุ่มต่างๆ ที่มีความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มฮามาส เพื่อเจรจาให้ตัวประกันของไทยได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย โดยตนได้เดินทางไปพบหารือกับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ , รัฐมนตรีแห่งรัฐ รัฐกาตาร์ , รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน , รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอียิปต์ ซึ่งทั้งกาตาร์ อียิปต์ และอิหร่าน ถือว่าเป็นมิตรประเทศของไทย มีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศไทยมาโดยตลอด และได้แสดงท่าทีที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือประเทศไทยอย่างเต็มที่
นายปานปรีย์ กล่าวว่า จากการหารือในครั้งนี้ มีโอกาสชี้แจงให้ประเทศต่างๆ ได้รับทราบว่าแรงงานไทยเหล่านี้เป็นเกษตรกร และมาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย จึงไปประกอบอาชีพที่อิสราเอลเพื่อนำรายได้ส่งกลับมาประเทศไทย เพราะฉะนั้น กลุ่มคนเหล่านี้จึงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับทางการเมืองและความขัดแย้งใดๆ ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ดังนั้น ตนจึงขอความร่วมมือรัฐมนตรีทุกท่าน สื่อสารข้อความดังกล่าวนี้ไปถึงกลุ่มฮามาส เพื่อให้ทราบว่าผู้ที่ถูกจับกุมตัวไปนั้นเป็นเพียงแรงงานในภาคเกษตร ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
หลายกลุ่มจับตัวประกัน
นายปานปรีย์ กล่าวด้วยว่า จากการหารือครั้งนี้ทราบว่ากลุ่มฮามาสที่จับตัวชาวไทยไปไม่ได้มีเพียงกลุ่มเดียว แต่อย่างน้อยอาจมี 2 กลุ่มขึ้นไป ดังนั้น จึงไม่สามารถเจรจากับกลุ่มฮามาสกลุ่มเดียวได้ อาจจะต้องมีการเจรจากับกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 เพื่อให้มีการปล่อยตัวประกันด้วย ซึ่งไทยได้ขอร้องให้ทุกประเทศช่วยผลักดันและเจรจาให้มีการปล่อยตัวคนไทยโดยเร็วที่สุด โดยทางรัฐมนตรีทั้ง 4 ท่าน ที่ตนไปเจรจาด้วย ก็ได้ขอให้ประเทศไทยสนับสนุนให้เกิดการหยุดยิงโดยเร็ว เพื่อจะได้สามารถปล่อยตัวประกันได้เร็วขึ้น แต่ตนก็ได้ทักท้วงไปว่าหากรอให้หยุดจริงอาจใช้เวลานานเกินไป หากเป็นไปได้ก็ต้องการให้มีการปล่อยตัวประกันโดยเร็วที่สุด โดยประเทศเหล่านี้ก็ได้รับปากจะช่วยดำเนินการ โดยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ รวมทั้งรัฐมนตรีแห่งรัฐ รัฐกาตาร์ เชื่อว่าคนไทยจะได้รับการปล่อยตัวเป็นกลุ่มแรก
เตรียมพร้อมรับตัวประกัน
“ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน มีความใกล้ชิดอย่างมากกับกลุ่มฮามาส ก็ได้รับปากว่าจะมีการเจรจาให้ช่วยปล่อยตัวโดยเร็วเช่นกัน ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอียิปต์ ได้มีการหารือกันในด้านช่องทางการปล่อยตัวประกันชาวไทย เนื่องจากอียิปต์มีจุดผ่านแดนราฟาห์ติดกับฉนวนกาซา และเป็นประเทศที่มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หากมีการปล่อยตัวประกันที่ด่านราฟาห์ ก็ขอให้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทย เช่น เอกอัครราชทูตไทยในประเทศใกล้เคียงเพื่อไปรับตัวประกันในจุดดังกล่าวได้ทันที ซึ่งทางอียิปต์ก็ได้รับปากและจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
นายปรานปรีย์ยังย้ำว่าทั้ง3ประเทศที่ตนไปหารือ เป็นประเทศที่มีอิทธิพลในการเจรจากับกลุ่มฮามาสและปาเลสไตน์ ในการปล่อยตัวประกัน แต่หากมีความจำเป็นจะต้องเจรจากับประเทศอื่นๆ เพื่อให้คนไทยที่ถูกควบคุมตัวได้รับการช่วยเหลือ ตนก็พร้อมจะเดินทางไปหารือ
เศรษฐาขอบคุณนายกฯมาเลย์
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลว่าขณะนี้มีความคืบหน้าอยู่ตลอด และกำลังคอยให้ความรุนแรงของสงครามในบางเขตที่สามารถจะพอให้ตัวประกันออกมาได้ และ เมื่อวานนี้ (2 พ.ย.) นายกรัฐมนตรีมาเลเซียโทรศัพท์มาหาตนเองและแจ้งให้ทราบว่าตอนนี้ตัวประกันคนไทย จำนวน 12 คน หนึ่งกลุ่ม และอีก 8 คน หนึ่งกลุ่ม กำลังถูกลำเลียงมาอยู่ในที่เดียวกัน เพื่อเตรียมพร้อม และเมื่อมีจังหวะดีก็จะย้ายออกมาอยู่รวมกัน ส่วนอีก 2-3 คน กำลังหาตัวว่าอยู่จุดใด
เมื่อถามว่า ครอบครัวของตัวประกันสบายใจได้แล้วใช่หรือไม่ว่ายังมีความปลอดภัยอยู่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ครับ อย่างที่บอกไปตามนั้น เพียงแต่ยังหาตัวไม่ได้อีก 2-3 คน แต่จำนวน 20 คน นายกฯมาเลเซียยืนยันว่าขอให้สบายใจได้ว่าปลอดภัย”
กังวลสถานการณ์ตัวประกัน
นายกฯกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เราก็ยังมีความกังวลอยู่ว่าสถานภาพของตัวประกันจะเป็นอย่างไร แต่จากการพูดคุยกับนายกฯมาเลเซีย ซึ่งท่านกรุณาโทรมาด้วยตนเอง ซึ่งเป็นมิตรกับเราดีและรู้ว่าพี่น้องประชาชนคนไทยมีความเป็นห่วง และจากการที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเดินทางไปเจรจาอย่างหนักที่มาเลเซียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านจึงให้ความสำคัญตรงนี้ ซึ่งคงจะได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
นายเศรษฐากล่าวว่า ท่านบอกว่าหากมีความคืบหน้าจะโทรมาแจ้งให้ทราบ อีกทั้งการที่ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปที่กาตาร์และอียิปต์ ต่างฝ่ายต่างช่วยกันอย่างเต็มที่ หลังจากนี้จะสั่งการให้เตรียมพร้อมเครื่องบินไว้ แม้ว่าขณะนี้ไม่มีคนไทยในอิสราเอลแสดงเจตจำนงแล้ว แต่ก็ต้องเตรียมเส้นทางการบินไว้ หากมีความต้องการจะอพยพคนไทยในประเทศอื่นที่ไม่ใช่อิสราเอล จะได้เคลียร์เส้นทางการบินไว้ก่อน ถือเป็นการเตรียมการล่วงหน้า
เมื่อถามย้ำว่า เรื่องตัวประกันถือว่าเป็นข่าวดีให้กับคนไทยได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอพูดแค่นี้ก่อนดีกว่า ไม่อยากให้ขยายความไปมากกว่านี้
กลับไทยแล้ว8,637คน
วันเดียวกัน แรงงานไทยจากอิสราเอลเดินทางกลับถึงประเทศไทย ด้วยเที่ยวบินของสายการบิน El Al Israel Airlines เที่ยวบินที่ LY085 จำนวน 91 คน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่าขณะนี้ มีแรงงานเดินทางกลับถึงไทยแล้วทั้งสิ้น 53 เที่ยวบิน จำนวน 8,637 คน พร้อมย้ำว่าขณะนี้สถานการณ์ในอิสราเอลมีแนวโน้มรุนแรงและขยายวงกว้างขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของแรงงานไทย จึงขอให้แรงงานไทยที่ยังอยู่ในอิสราเอลเปลี่ยนใจและเดินทางกลับไทยก่อนเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ศึก”ยิว-ฮามาส”ตายทะลุหมื่น
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศึกฮามาส ปาเลสไตน์ กับกองทัพอิสราเอลมีผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ฝ่ายกว่าหมื่นคน แบ่งเป็นฝ่ายอิสราเอลอย่างน้อย 1,400 ราย กลุ่มฮามาสและประชาชนปาเลสไตน์ อีก 9 พันราย ตัวประกันถูกจับ 240 ราย อิสราเอลตัดการติดต่อทั้งหมดกับกาซา และจะส่งกลับชาวกาซาที่ทำงานในอิสราเอล หลังจากใช้ปฏิบัติการถล่มกาซามาร่วม 4 สัปดาห์ ตอบโต้กลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาที่ข้ามพรมแดนเข้ามาโจมตีอิสราเอล
ซึ่งขณะนี้อิสราเอลตัดระบบสื่อสารของปาเลสไตน์ทั้งหมด
ขณะที่ นายกาซี ฮาหมัด หนึ่งในแกนนำฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส กล่าวถึงสถานการณ์ตัวประกันราว 240 คน มีทั้งชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติ ซึ่งอยู่ในความควบคุมของกลุ่มฮามาส นับตั้งแต่สงครามปะทุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา และยืนยันว่ากลุ่มฮามาสเปิดกว้างที่จะประนีประนอม เพื่ออิสรภาพของตัวประกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือพลเรือน ส่วนทางการที่อิสราเอลยังคงยืนกราน ยังไม่เปิดทางให้มีการลำเลียงเชื้อเพลิงเข้าสู่ฉนวนกาซา และการที่กลุ่มฮามาสต้องการให้อิสราเอลปล่อยนักโทษชาวปาเลสไตน์ราว 6,000 คน ทำให้ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดเพิ่มเติม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี