‘ก้าวไกล’เต้น!ไล่เช็คทีมงานสส.รีดเงินโรงงานกำจัดขยะ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ที่ จ.ระยอง นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวชี้แจงในกรณีที่นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลไปก่อนหน้านี้ ในกรณีคุกคามทางเพศ ซึ่งให้ข้อมูลที่สร้างความกระทบเสียหายต่อพรรค โดยได้ให้เหตุผลที่ถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคว่า มีทีมงานในจังหวัดปราจีนบุรี หรือผู้ช่วย ส. ที่ทำงานใกล้ชิดของกรรมการบริหารพรรค รับผลประโยชน์จากบริษัทบ่อขยะ ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหานี้แต่อย่างใด เนื่องจาก
1.กรรมการบริหารพรรคได้รับทราบข้อมูลที่นายวุฒิพงศ์ถูกร้องเรียนในช่วงระหว่างที่กำลังแก้ข้อกล่าวหากรณีคุกคามทางเพศ ซึ่งนายวุฒิพงศ์ได้มีการพยายามนำประเด็นนี้มาโต้แย้ง และนำข้อมูลมาให้ว่า การร้องเรียนมีแรงจูงใจจากผลประโยชน์ทางการเมือง
นายชัยธวัช กล่าวยืนยันว่า พรรคไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ และต้องมีพิจารณาแยกจากกัน เนื่องจากข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการกล่าวหาคุกคามทางเพศ ต่อให้การเรียกรับผลประโยชน์เป็นเรื่องจริง ก็ไม่เกี่ยวกัน ไม่มีผลต่อการพิจารณาเรื่องการคุกคามทางเพศ
2.ตนและผู้บริหารพรรคได้แจ้งกับกรรมการวินัยไปหลายสัปดาห์แล้วว่า เมื่อพิจารณาเรื่องการคุกคามทางเพศเสร็จ จะต้องมีการพิจารณาในข้อกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ของพรรคเรียกรับผลประโยชน์จากบ่อขยะต่อเลย โดยพรรคได้มีการดำเนินการอยู่ในขณะนี้ แต่เนื่องจากผู้ที่ถูกกล่าวหาบวชอยู่ จึงต้องรอให้สึกออกมาก่อน แล้วจึงค่อยเข้าสู่กระบวนการสอบข้อเท็จจริง
3.ตนขอยืนยันว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาว่าทุจริต เป็นผู้ช่วยใกล้ชิดกับกรรมการบริหารพรรค ไม่ส่งผลต่อการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะน.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรค ที่ถูกกล่าวถึง ไม่ได้มีส่วนโหวตในขั้นตอนของกรรมการวินัย
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า เมื่อผลสอบของกรรมการวินัยส่งมาถึงกรรมการบริหารพรรค น.ส.เบญจา ของดออกเสียง เพราะรู้ว่าตนเองเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาร่วมในกรณีด้วย อย่างไรก็ตาม กรรมบริหารที่เหลือลงเสียงเป็นเอกฉันท์ และเห็นว่านายวุฒิพงศ์มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า แม้น.ส.เบญจา ไม่ได้มีโหวต แต่อาจจะมีการล็อบบี้ให้โหวตขับนายวุฒิพงศ์ ออกจากพรรค นายชัยธวัช กล่าวว่า น.ส.เบญจาไม่ได้มีส่วนในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว การแต่งตั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ารับผลประโยชน์ในฐานะผู้ช่วย สส.ของน.ส.เบญจานั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ส่วนบุคคล เนื่องจาก น.ส.เบญจาตั้งผู้ช่วย สส. คนดังกล่าวขึ้น เพราะพรรคเสนอชื่อ โดยเห็นว่าเป็นคณะทำงานในจังหวัดปราจีนบุรี แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน น.ส.เบญจาได้นำรายชื่อออกจากการเป็นผู้ช่วย สส.แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดการอคติในการตรวจสอบ เกี่ยวกับการรับผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ในการพิจารณาสอบสวนเรื่องนี้
ส่วนจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกลับกับนายวุฒิพงศ์หรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ในส่วนที่พรรคต้องทำ คือการสอบสวนว่า มีการรับผลประโยชน์จริงหรือไม่ หากมีข้อเท็จจริงที่เชื่อมโยงกับน.ส.เบญจา แน่นอนว่าต้องมีการตรวจสอบ
“ต้องเรียนอย่างนี้นะครับ ข้อเท็จจริงที่ สส. ปราจีนบุรี นำมากล่าวหา ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณเบญจาเลย เป็นเพียงการกล่าวหาว่าบุคคลที่เป็นทีมงานของพรรคในจังหวัดปราจีนบุรี มีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่ารับผลประโยชน์จากบ่อขยะ ซึ่งในข้อเท็จจริงทั้งหมด ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณเบญจาเลย เพียงแต่มีการกล่าวหาเพราะบุคคลท่านนี้เป็นผู้ช่วย สส. ของคุณเบญจา ก็เลยเป็นเหตุที่มีแรงจูงใจในการขับเขาออกจากพรรค” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ทั้ง 2 กรณี จะต้องพิจารณาแยกกัน เรื่องคุกคามทางเพศก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องทุจริตบ่อขยะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากบุคคลที่ถูกกล่าวหารับผลประโยชน์จากบ่อขยะจริง ก็ไม่สามารถลบข้อครหาเรื่องคุกคามทางเพศหายไป
เมื่อถามถึงกรณีที่กรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร จะเชิญนายวุฒิพงศ์ เข้าไปให้ข้อมูล นายชัยธวัช กล่าวตอบทันทีว่า "ก็ดีเลยครับ" พร้อมกล่าวต่อว่า ตนก็อยากให้จริงจัง เพราะเครือข่ายผลประโยชน์ในการหากินกับบ่อขยะ รวมถึงขยะในอุตสาหกรรม มลพิษต่างๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออก เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล และนักการเมืองบ้านใหญ่เต็มไปหมด ตนยินดีด้วยซ้ำ หากทาง กมธ. มาช่วยสอบสวน ถ้าคนของพรรคก้าวไกลผิดจริง ตนยิ่งขอบคุณ และอย่าหยุดแค่นั้น ต้องสอบไปดูว่านักการเมืองบ้านใหญ่ มีใครที่เกี่ยวข้องกับบริษัทพวกนี้ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ชาวปราจีนบุรี เขต 2 เลือกคนของพรรคก้าวไกล
“ผมต้องยอมรับว่าคุณแจ้ เป็น สส.คนหนึ่ง ที่ทำงานเรื่องมลพิษอย่างแข็งขัน แต่เราต้องแยกออกจากกัน แม้คุณแจ้จะต่อสู้อย่างเต็มที่เรื่องสิ่งแวดล้อมให้กับชาวบ้าน มันไม่ได้ไปลบล้างอีกเรื่องหนึ่ง แม้กระทำผิดจะต้องไม่ได้รับโทษ ผมมองว่าต้องแยกออกจากกัน” นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายวุฒิพงศ์ กล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลใช้วิธีพวกลากมากไป จะเกิดเหตุการณ์พวกลากมากไปหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวย้ำว่า ไม่มีอย่างแน่นอน กรณีของนายวุฒิพงศ์ สส. และกรรมการบริหารพรรค พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่เป็นข้อยุติ ซึ่งในการประชุมก่อนหน้านี้ แม้ว่า สส.ในพรรค เห็นว่าทั้ง 2 กรณีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ และผิดวินัยขั้นร้ายแรงของพรรคจริง เพียงแต่มีการพิจารณาว่าทั้ง 2 เรื่องมีข้อเท็จจริงต่างกันว่า กรณีที่ 1 ชัดเจนว่าเขาใช้สถานะว่าที่ สส. รวมถึง สส. ในเวลาต่อมาในการกระทำผิด จึงเป็นเหตุให้ สส.เห็นว่า ควรจะลงโทษตามสัดส่วนของการกระทำผิด เลยทำให้จำนวน สส.ที่เห็นว่าควรจะขับนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ผู้ถูกกล่าวหาในกรณี
เมื่อถามว่า จะมีการพาผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีอาญาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ใช่ผู้เสียหายทุกคนจะพร้อมตลอดเวลาในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม บางคนต้องการเวลากว่าที่จะพร้อม เขาต้องไปเล่าเรื่องซ้ำ ถูกกระทำชำเราซ้ำ แต่เมื่อไหร่ที่ผู้เสียหายพร้อม ซึ่งตอนนี้มีอย่างน้อย 1 รายที่มีความประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย พรรคก็เตรียมนัดผู้เชี่ยวชาญคดีการคุกคามทางเพศ เพื่อให้การช่วยเหลือ
เมื่อถามว่า จะลดข้อครหาอย่างไรว่า การขับนายไชยามพวาน เป็นการกลบกระแสผู้ที่อุ้มมติรอบก่อน นายชัยธวัช กล่าวว่า หากพิจารณาจากข้อเท็จจริง ด้วยเหตุและผล ก็เป็นไปตามกระบวนการเช่นนั้น เมื่อเราเห็นว่านายไชยามพวานไม่ได้ทำตามคำสั่งมติกรรมการบริหารพรรค ก็ถือว่ามีความผิดร้ายแรง สส.ในพรรค ก็พิจารณาจากข้อเท็จจริง อันเป็นกระบวนการที่พรรคทำได้ ดังนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกลบกระแส เป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมา ในเมื่อพรรคกำหนดเงื่อนไขในการลงโทษไปแล้ว แต่สมาชิกพรรคไม่ปฏิบัติตาม ก็นำมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนที่มีการขู่จากแฟนเพจเฟซบุ๊กต่างๆ ว่าจะแฉพรรคก้าวไกลเรื่อยๆ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่เป็นไร ตนยืนยันว่า การที่สังคมมาช่วยตรวจสอบพรรคเรา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะหลายเรื่องที่ทุกองค์กร การที่มีสังคมมาช่วยตรวจสอบ ทำให้องค์กรโปร่งใสขึ้น เมื่อไหร่ที่สังคมเลิกตรวจสอบพรรคก้าวไกล แสดงว่าสังคมไม่ได้คาดหวังอะไรอีกแล้วกับพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่า พรรคจะกู้ภาพลักษณ์อย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า เมื่อบุคคลในองค์กรมีปัญหา สิ่งที่ต้องยืนยันคือต้องดำเนินการตรวจสอบและลงโทษ อย่างตรงไปตรงมา ไม่ปกปิด หากผิดร้ายแรงก็ดำเนินการขั้นเด็ดขาด เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องทำให้สังคมเห็น ไม่ใช่ว่าไปช่วยกันปกปิด เพราะกลัวองค์กรเสียชื่อเสียง ไม่ใช่วัฒนธรรมของพรรคก้าวไกล แน่นอนว่ากระบวนการตรวจสอบก็ต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งกำลังพูดคุยกันอยู่ หลายครั้งเข้าใจในเชิงหลักการ แต่รายละเอียดรูปธรรม คนในสังคมเห็นไม่ตรงกัน เป็นวัฒนธรรมที่เข้าใจไม่ตรงกัน ซึ่งต้องทำให้ชัดเจนขึ้นภายในพรรค นอกจากนี้จะต้องมีมาตรการป้องกันที่ชัดเจนกว่านี้ รวมถึงมีการตรวจสอบเรื่องพวกนี้ เมื่อมีการร้องเรียน เรื่องคุกคามทางเพศ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เมื่อถามว่า การตรวจสอบทั้ง 2 กรณี ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย นายชัยธวัช กล่าวด้วยท่าทีอึกอักว่า ขณะนี้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยเพิ่มสัดส่วนของคณะกรรมการวินัย รวมถึงคณะกรรมการที่มาสอบข้อเท็จจริงชุดเล็ก คือการเพิ่ม สส.หญิงที่มีความรู้เรื่องกฎหมายเข้ามา เพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความสบายใจมากขึ้น แน่นอนว่าหลังจากนี้ต้องทำให้ สส. อาจจะมีความอคติ ช่วยเหลือพวกกันเองได้ ต้องลดสัดส่วน สส.เข้ามาเกี่ยวข้อง
“กรณีคุณแจ้ หากมีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาจริงๆ อาจจะผิดมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ” นายชัยธวัช กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี