'องอาจ'’ชำแหละโครงการ"ดิจิทัลวอลเล็ต" ชี้เปรี้ยงนโยบายนี้ไม่ได้คิดอย่างรอบคอบมาก่อน แต่ต้องเดินหน้าลุยเพราะเป็นนโยบายหาเสียงหลัก พร้อมยกบทเรียนจำนำข้าวฝากคำเตือน 3 ข้อถึง‘เศรษฐา’ แนะให้จับตาแถลงใหญ่ 10 พ.ย.นี้จะมีความชัดเจนมากน้อยแค่ไหน
10 พ.ย. 2566 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการ “แนวหน้าTalk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ซึ่งมี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย เป็นพิธีกร ในประเด็นการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ของรัฐบาล ว่า เท่าที่ทราบคือ รัฐบาลจะชี้แจงเรื่องนี้ในวันที่ 10 พ.ย. 2566 จากการประชุมคณะกรรมการที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว. คลัง เป็นประธาน ด้านหนึ่งตนเห็นว่าเป็นสิทธิของรัฐบาลที่จะทำนโยบายนี้ เพราะเป็นนโยบายที่ได้หาเสียงไว้
แต่อีกด้านหนึ่งเมื่อได้เป็นรัฐบาล นโยบายนี้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง 1.แหล่งที่มาของเงิน จะกู้หรือไม่ หรือจะใช้งบประมาณแผ่นดิน หรือจะเอาเงินมาจาหไหน แต่รัฐบาลยังให้คำตอบไม่ได้ 2.การบริหารจัดการ จะแจกด้วยวิธีใด และพ่อค้า-แม่ค้า เมื่อได้ไปแล้วจะแลกกลับเป็นเงินสดอย่างไร 3.จำนวนงบประมาณที่ใช้ จากเดิมจะใช้ 5.6 แสนล้านบาท กับการแจกคน 56 ล้านคน แต่ต่อมาก็มีข่าวรัฐบาลจะใช้งบประมาณแผ่นดีนปีละ 1 แสนกว่าล้านบาท เมื่อบวกกับเวลาบริหารราชการแผ่นดิน 4 ปี จะใช้งบประมาณรวม 4 แสนกว่าล้านบาท
ส่วนที่รัฐบาลบอกว่าจำเป็นต้องเร่งอัดฉีดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงมองว่านโยบายนี้เป็นเหมือนพายุที่จะพัดเศรษฐกิจให้เดินหน้าได้คล่อง ซึ่งหากใช้ในเดือน ก.พ. 2567 อาจเป็นไปได้ แต่หากรอไปใช้ในเดือน ก.ย. 2567 อาจไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว หรือต่อให้ใช้งบประมาณปีละ 1.5 แสนล้านบาท แต่การใช้เงินดิจิทัลกำหนดให้ใช้ได้ไม่เกิน 6 เดือน พ่อค้า-แม่ค้า รับเงินดิจิทัลไปก่อนแล้วรัฐบาลบอกจะแบ่งจ่าย คำถามคือเขาจะรอกัน 4 ปีอย่างนั้นหรือ เพราะคนทำมาค้าขายเขาก็ต้องการเงินหมุนเวียน และจริงๆ รัฐบาลก็ต้องการให้เงินหมุนเวียนเช่นกัน
นอกจากนั้น บริเวณที่จะใช้เงิน เดิมบอกว่าจะใช้ไม่เกิน 4 กม. ตอนนี้เป็นอำเภอ ตนไม่แน่ใจพรุ่งนี้จะเพิ่มเป็นทั้งจังหวัดหรือเปล่า หรือจะใช้ทั้งประเทศอะไรอย่างไร แล้วใครควรจะได้เงินบ้าง ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ให้ความเห็นกันเยอะ บางคนบอกคนรวยไม่ควรได้ บางกลุ่มบอกจะรวยจะจนก็ควรได้เหมือนกัน ซึ่งเรื่องนี้ในสังคมมีคนคิด 3 แบบ 1.คัดค้านเลยว่าไม่ควรทำ โดยเฉพาะนักเศรษฐศาสตร์จะคัดค้าน ไม่กระตุ้นจริง ไม่คุ้มค่า ได้ไม่คุ้มเสีย ถ้านักเศรษฐศาสตร์จะมาแนวนี้
2.ควรทำแต่ก็ควรจะปรับแก้ เช่น ไม่ควรให้คนรวยบ้างอะไรบ้าง หรือให้กว้างขึ้นจาก 4 กิโลเมตร กลุ่มนี้ก็จะเป็นสภาอุตสาหกรรม สภาหอกการค้า สมาคมธนาคาร และ 3.ควรทำและให้ทำแบบที่ตอนหาเสียง คือแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท กับคนอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน และใช้จ่ายภายใน 6 เดือน แน่นอนว่าคงเป็นกลุ่มที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ดังนั้นก็ต้องดูว่าในวันที่ 10 พ.ย. 2566 รัฐบาลจะมีความเห็นออกมาอย่างไร
“ผมมีความเห็นว่า เรื่องนี้ที่เราฟังมาตั้งแต่ต้น ผมคิดว่ารัฐบาลประกาศเรื่องนี้ไม่ใช่ประกาศหลังจากเป็นรัฐบาล หรือมาแถลงนโยบายแล้วก็ประกาศ แต่ว่าได้ประกาศเรื่องนี้เป็นนโยบายหลักแล้วก็หาเสียงเลือกตั้งมาตั้งแต่เดือนเมษา-พฤษภาโน่น ซึ่งความเข้าใจของผมก็คือว่าหาเสียงแจกดิจิติทัล 1 หมื่นบาท ผมเข้าใจว่าเป็นรัฐบาลปุ๊บมันทำได้ทันทีเพราะเขาคงต้องวางแผนแล้ว ต้องศึกษามาแล้วอย่างดี เอาเงินมาจากไหน แจกอย่างไร ใช้บล็อกเชนอย่างไร ใช้แอปพลิเคชั่นอย่างไร แต่พอมาแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จก็ยังไมได้เริ่มอะไรเลย” นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวต่อไปว่า คนจึงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมือนไม่ได้คิด เหมือนประกาศนโยบายตอนนั้นเพื่อให้มีคะแนนเสียงจากประชาชนมาก่อน ว่าหากเลือกพรรคเพื่อไทยจะได้ 1 หมื่นบาท ภายใน 6 เดือน ถ้าบ้านมี 5 คน อายุ 16 ปีขึ้นไป ก็ได้ 5 หมื่นบาท หรือ 10 คนก็ได้ 1 แสนบาท ตนจึงเห็นว่า นโยบายนี้ไม่ได้คิดอย่างรอบคอบมาก่อน ไม่ได้คิดอย่างสุดทาง เพราะหากคิดแบบสุดทางวันนี้ก็เริ่มทำได้เลย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันก็ยังไม่อาจบอกได้ว่ารัฐบาลทำนโยบายนี้ไม่ได้ แต่หากทำไม่ได้ ประชาชนก็คงจะลดความน่าเชื่อถือลง แต่การได้ประกาศก็เท่ากับเราต้องเตรียมการมาแล้วอย่างดี ถึงกระนั้นตนก็ไม่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะยอมถอย เพราะนี่คือนโยบายธงหรือนโยบายสำคัญของเขา และหากแจกในเดือน ก.พ. 2567 ได้จริงก็กระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่จะคุ้มหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ตนเชื่อว่ารัฐบาลนายกฯ เศรษฐา จะแจกเงินดิจิทัลแน่นอน
“ผมก็ฝากคุณเศรษฐา ทวิสิน ไปว่า อยากให้ระมัดระวัง 3 เรื่อง 1.ไม่ทุจริต 2.ไม่ผิดกฎหมาย 3.ไม่ทำลายหลักการและระบบที่ถูกต้อง วินัยการเงินการคลังอะไรเยอะแยะ ไม่ทุจริตก็ต้องไม่ทุจริตคอร์รัปชั่นเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำไมผมเน้นเรื่องนี้ ก็ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลขณะนี้ เขาก็มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องไม่โปร่งใสอยู่พอสมควรในอดีตที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเรื่องจำนำข้าว อย่างนี้เป็นต้น ฉะนั้นคำเตือนของผม ผมคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล” นายองอาจ กล่าว
ชมคลิปเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=5z5cG1VAIDg
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี