‘เศรษฐา’ลั่นโครงการ‘แลนด์บริดจ์’สร้างโอกาส ทำอนาคตประเทศดีขึ้น เกิดจ้างงาน เด็กไทยไม่อยากย้ายประเทศ ขณะที่‘ปลัดคมนาคม’เชื่อต่างชาติสนใจ พร้อมออกกฎหมายพิเศษเอื้อนักลงทุน ยันไทยได้ประโยชน์
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 12 พ.ย.2566 (ตามเวลาท้องถิ่นซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ ซึ่งช้ากว่าไทย 15 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการโรดโชว์โครงสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน (ชุมพร-ระนอง) ในระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2023 ระหว่างวันที่ 12-19 พ.ย.นี้ เพื่อเชิญชวนภาคเอกชนและนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุน ว่า จะใช้โอกาสในการเดินทางเข้าร่วมประชุมเอเปคครั้งนี้ เชิญชวนนักลงทุนให้มาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ เมื่อโครงการนี้เกิดขึ้นจะเกิดอุตสาหกรรมใหม่ และจะขยายเป็นฐานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะภาคการเกษตร แต่จะมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเกิดขึ้นด้วยและจะยกระดับรายได้ประชาชน เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าโอกาสในการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในการพบกับนักลงทุนในสหรัฐฯ นายกฯกล่าวว่า ทุกครั้งที่เดินทางต่างประเทศ ได้แจ้งความคืบหน้า สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และยังเป็นโอกาสให้คนรุ่นใหม่ตัดสินใจวางอนาคตได้แม้โครงการยังไม่เกิดขึ้นทันทีและต้องใช้เวลานาน แต่เชื่อว่า คนรุ่นใหม่จะเล็งเห็นโอกาส จากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ อาจทำให้ตัดสินใจไม่ย้ายประเทศเพื่อทำงาน จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องสร้างแรงบันดาลใจเพราะประเทศเราต้องดีขึ้น หากมีเขตอุตสาหกรรมที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้ และคนไทยมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่จะร่วมกันพัฒนา ก็จะเป็นจุดศูนย์กลางที่จะหล่อหลอมให้สังคมดีขึ้นได้
เมื่อถามถึงข้อเสนอที่จะจูงใจนักลงทุน ให้เลือกมาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ของไทยนายเศรษฐา กล่าวว่า มีมาตรการทางภาษี พลังงานสะอาดที่รัฐบาลให้ความสำคัญ การบริหารจัดการน้ำในภาคอุตสาหกรรม เป็นศูนย์กลางการบิน มีรถไฟความเร็วสูง มีท่าเรือแหลมฉบังสำหรับโลจิสติกส์ โดยแลนด์บริดจ์ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นปัจจัยสำคัญให้นักลงทุนตัดสินใจ ขณะที่มิติสังคมประเทศไทยไม่แตกแยกเท่าบางประเทศ แม้จะมีความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้างแต่อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ นักลงทุนต่างชาติ จะดูตรงนี้เป็นหลัก และไทยยังมีโรงเรียนสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานระดับโลก ที่เป็นปัจจัยต่อการตัดสินใจของนักลงทุนเช่นกัน
ด้านนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวระหว่างร่วมคณะนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) ที่นครซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงการเตรียมโรดโชว์โครงการแลนด์บริดจ์ ว่า ไม่ใช่โครงการที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นนานพอสมควรและมีการพูดคุยตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลที่แล้วให้ศึกษาเรื่องแลนด์บริดจ์ ซึ่งประเทศไทยมีพื้นที่ หรือโลเคชั่นที่ได้เปรียบ เนื่องจากพื้นที่ตั้งอยู่ระหว่าง 2 ฝั่งทะเล ได้แก่ ฝั่งทะเลจีนใต้ และฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งจะมีการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลาง ไปยังโรงงานในผลิตใน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน เมื่อผลิตเสร็จสินค้าส่วนหนึ่งจะข้ามไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก
นายชยธรรม์ กล่าวว่า อีกส่วนจะวกกลับผ่านช่องแคบมะละกาไปทางยุโรป เอเชียกลาง และเอเชียใต้ ซึ่งประเทศไทยอยู่ตรงกลางจึงมีโลเคชั่นที่ได้เปรียบ อีกทั้งสินค้าที่ต้องผ่านช่องแคบมะละกามีจำนวนมากขึ้นและในอนาคตอาจจะมีปัญหาการส่งสินค้าได้ จึงเป็นจังหวะที่ประเทศไทยได้เปรียบ หากสามารถดึงสิ่งที่อยู่ในเส้นทางเดินเรือโลกมาผ่านประเทศไทยได้ โดยโครงการแลนด์บริดจ์จะทำให้เส้นทางการขนส่งสินค้าสั้นลงประมาณ 5 - 10 วัน และหากได้ทำโรดโชว์โครงการนี้ให้คนเห็น และมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยก็มีโอกาสที่โครงการนี้จะเกิดขึ้นได้และประเทศไทยจะได้ประโยชน์
นายชยธรรม์ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่นายกฯ พูดในหลายๆเวที ก็มีหลายประเทศให้ความสนใจ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้จึงเป็นเหตุผลที่มาโรดโชว์ในสหรัฐอเมริกา สำหรับการโรดโชว์ครั้งนี้ เพื่อต้องการมารับฟังความเห็นของนักลงทุนว่า ถ้าต้องการมาลงทุนในประเทศไทย มีปัจจัยอะไรที่ต้องการ และให้เราเตรียมให้ โดยมุมหนึ่งในการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ คือเรื่องกฎหมาย จะต้องมีกฎหมายพิเศษที่เป็นลักษณะเดียวกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีซีซี ) จากนั้นจะนำความเห็นจากการโรดโชว์ไปประมวลว่าสิ่งใดสามารถทำได้ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน หรือมีอะไรที่จะต้องเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า จะมีมาตรการภาษีเพื่อเป็นแรงจูงใจด้วยหรือไม่ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าว่า จะต้องคุยกันว่าเขามีความประสงค์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม โครงการแลนด์บริดจ์ นอกจากจะนำเรือเดินสินค้า มายังประเทศไทยแล้ว ส่วนที่นายกฯ มองคือให้เขามาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์แล้วส่งออก ซึ่งจะทำให้ต้นทุนต่างๆถูกลง อีกทั้งลดระยะเวลาการเดินทาง และสิ่งนี้จะทำให้โครงการแลนด์บริดจ์น่าสนใจมากขึ้น
เมื่อถามถึง เป้าหมายของนักลงทุนจะเป็นต่างชาติ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า นั่นคือสิ่งที่เรามอง โดยเรามองว่าเมื่อสร้างเสร็จต้องมีคนมาใช้ ดังนั้นคนที่จะมาลงทุนจะต้องเป็นคนที่อยู่ในธุรกิจนี้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า โครงการนี้จะเกิดได้เมื่อไร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หลังโรดโชว์เสร็จสิ้น ก็จะกลับไปประมวลว่า จะต้องทำกฎหมายพิเศษอย่างไร เมื่อทำเสร็จแล้วจะเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุน ซึ่งภายในระยะเวลา 2 ปีจะมีความชัดเจน โดยในกรอบของกฎหมายจะมีการตั้งหน่วยงานและคณะกรรมการที่จะมารับผิดชอบในเรื่องนี้ ซึ่งโครงการนี้มีความเกี่ยวข้องหลายกระทรวง โดยจะมีการรายงานนายกฯ โดยตรง สำหรับเป้าหมายประเทศที่อยากให้มาลงทุนในโครงการดังกล่าวมีทั้งตะวันออกกลาง จีน ยุโรป อเมริกา
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี