วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวในรายการ “แนวหน้าTalk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ซึ่งมี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย เป็นพิธีกร ถึงการใช้ชีวิตในฐานะนักโทษเป็นเวลา 16 เดือน กระทั่งเพิ่งได้รับการพักโทษและถูกปล่อยตัวเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปหลังการติดคุกคือความคิด การถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี ก็ต้องใช้ชีวิตในฐานะประชาชนพลเมืองคนหนึ่ง ที่สามารถแสดงความเห็นทางการเมืองได้ แต่ไม่สามารถร่วมกิจกรรมหรือรับตำแหน่งทางการเมือง
“เมื่อก่อนออกสังคมเยอะ ทุกเย็นก็มีงานเลี้ยง ตอนนี้ก็อาจไม่ต้องไป แล้วก็จะอยู่กับครอบครัวมากขึ้น เพราะจนถึงบัดนี้ลูกผมอายุยี่สิบกว่า ผมไม่เคยมีงานวันเด็ก ไม่เคยมีวันขึ้นปีใหม่กับลูกเลย วันสำคัญไม่เคยอยู่กับครอบครัว เพราะงานของชาวบ้าน ลอยกระทงต้องไปเปิดงานให้ชาวบ้าน ไม่ได้ลอยกับลูกกับครอบครัว วันเด็กลูกก็ไปของลูก พ่อก็ไปเปิดงาน ลูกก็เข้าใจเพราะบังเอิญว่าบ้านภรรยาผมคุณตาเขาก็เป็นนักการเมือง เขาก็เข้าใจว่านักการเมืองควรจะต้องทำอะไรบ้าง แต่เรารู้ตัวเอง วันสำคัญเราอยู่กับชาวบ้าน ครอบครัวของคนอื่น ลูกเราไม่ค่อยได้ดูเลย” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวต่อไปว่า ในการใช้ชีวิตในเรือนจำ สิ่งหนึ่งที่ทำตั้งแต่วันแรกๆ คือการแต่งเพลง ซึ่งตนมีสมุดโน้ตติดตัว 1 เล่ม โดยเพลงแรกที่แต่งคือ “เสียงจากเรือนจำ” ได้แรงบันดาลใจจากเพลง “หลับเถิดเรียมจ๋า” จากนั้นในช่วงที่กำลังปรับตัวให้เข้ากับเวลานอน ซึ่งผู้ต้องขังต้องขึ้นเรือนนอนเวลา 15.00 น. เมื่อขึ้นไปแล้วก็นอนหลับพักผ่อน ซึ่งตนมักจะตื่นกลางดึกเวลา 02.00 น. เสมอ เลยใช้ช่วงกลางดึกที่ตื่นนั้นแต่งเพลง เกิดเป็นเพลงที่ 2 คือ “เศร้าใจในกรงขัง” จากนั้นก็ตามมาอีกหลายเพลง
เช่น “รอพี่ที่หน้าเรือนจำ” , “พบรักในเรือนจำ” ซึ่งบทเพลงพบรักในเรือนจำแต่งขึ้นเพราะจะนำไปแสดงดนตรีในแดนผู้ต้องขังหญิง และเมื่อไปแสดงก็ทำให้ผู้ชมได้สนุกสนานกัน อีกทั้งยังได้รับความนิยมออกมานอกเรือนจำ เพราะมีอาจารย์ที่ทำดนตรีให้ตนนำไปร้องและไปออกอากศในวิทยุชุมชนในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช อนึ่ง เมื่อนักโทษด้วยกันรู้ว่าตนแต่งเพลงได้ ก็มาขอให้แต่งเพลงให้บ้าง โดยเป็นเพลงเกี่ยวกับชีวิตของผู้ชายที่พอติดคุกก็ถูกเมียทิ้ง วันแรกๆ ก็มาเยี่ยมแล้วบอกจะคอย แต่นานๆ ไปก็หายไปเลยไม่มาเยี่ยมอีก ซึ่งปัจจุบันนักโทษคนนี้ก็ยังอยู่ในเรือนจำ
ส่วนเพลงที่กำลังถูกพูดถึงในขณะนี้คือ “คุกมีไว้ขังคนจน” เพลงนี้แต่งขึ้นในช่วงที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566 ซึ่งแม้จะบอกว่ากลับมารับโทษในคดีที่ศาลมีตำพิพากษาแล้ว แต่กลับอยู่ในเรือนจำเพียงไม่ถึง 12 ชั่วโมงแล้วก็ไปอยู่โรงพยาบาล เรื่องนี้นักโทษในเรือนจำก็รับรู้ แล้วก็รู้สึกว่า ทำไมนายทักษิณเอาเปรียบขนาดนี้ อย่างบางคนติดคุกกัน 10 ปี 20 ปี ส่วนนายทักษิณมีโทษจำคุก 8 ปี ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดเหลือจำคุก 1 ปี แต่เหลือโทษเพียง 1 ปีก็ยังไม่ยอมเข้าเรือนจำ นักโทษเขาก็มีความรู้สึก
“เพื่อนนักโทษก็บอก สส. ช่วยแต่งเพลงให้หน่อย แต่งเพลงเกี่ยวกับทักษิณนี่แหละ เราคนจนๆ ก็ต้องมาติดคุก แล้วเขาเป็นคนรวยคนมีอำนาจ ก็โอเค! อย่างนั้นแต่งให้ ผมก็แต่งให้เขา ก็เป็นตัวแทนความรู้สึกของนักโทษทั่วประเทศ แล้วก็แต่ง เวลาเขียนก็สัก 1-2 ชั่วโมง เขาเรียกพอมันมีอารมณ์มามันก็ไหล แล้วก็เสร็จ หลังจากนั้นก็มาเกลา ดัดแปลงนิดๆ หน่อยๆ ตกแต่งหน่อย เหมือนเราปั้นรูป ปั้นเข้าๆ แล้วก็มาตกแต่งให้มันละเอียด” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท ยังกล่าวอีกว่า หลังได้เนื้อเพลงก็ส่งออกมาให้ภายนอกทำดนตรีเตรียมไว้ก่อน ซึ่งตนทราบวันที่จะได้ออกจากเรือนจำแล้ว รู้ว่าเมื่อใดจะรับโทษถึง 2 ใน 3 ซึ่งเมื่อออกจากเรือนจำก็ไปหาอาจารย์นักทำเพลงท่านนี้ทันที โดยต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่คุมประพฤติที่กรุงเทพฯ เดินทางไปห้องอัดที่ จ.นนทบุรี เมื่อบันทึกเสียงออกมาเป็นเพลงแล้ว ปัจจุบันยอดคนฟังน่าจะมากอยู่ รวมถึงกลุ่ม คปท. ก็เอาเพลงของตนไปเปิดตอนจัดกิจกรรมที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ นายทักษิณ ไปพักรักษาตัว และตนอนุญาตให้ทุกคนนำไปร้องในแนวทางของตนเองได้
ฟังเพลง “คุกมีไว้ขังคนจน” ได้ที่นี่
https://www.youtube.com/watch?v=ipfO935WIBA
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.naewna.com/politic/767426 ปล่อยแล้ว‘เทพไท-มาโนช’!วิ่งแก้บน 10 กม.จากคุกกลับบ้าน จ่อแถลงอนาคตการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี