วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ไทยเสียดินแดน"วิหาร" ศาลโลกชี้ขาดสั่งถอนทหาร เขมรกระหยิ่มยึดชะง่อนผา

ไทยเสียดินแดน"วิหาร" ศาลโลกชี้ขาดสั่งถอนทหาร เขมรกระหยิ่มยึดชะง่อนผา

วันอังคาร ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556, 06.00 น.
Tag :
  •  

ไทยเสียดินแดน“วิหาร”

ศาลโลกชี้ขาดสั่งถอนทหาร

เขมรกระหยิ่มยึดชะง่อนผา

วีระชัยชี้กระทบบริเวณแคบ

“4.6ตร.กม.-ภูมะเขือ”ยังอยู่

นายกฯยันคำตัดสินเป็นคุณ

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 11 พฤศจิกายน ที่บ้านพระอาทิตย์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในนามประธานกองทัพธรรมมูลนิธิ และอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) อ่านแถลงการณ์ ไม่รับอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศและพร้อมเคลื่อนไหวทันที  กรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะอ่านคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร

“จำลอง”แถลงไม่รับศาลโลก


เนื้อหาของแถลงการณ์โดยสรุปว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เคยเคลื่อนไหวชุมนุมเรื่องอธิปไตยของชาติกรณีปราสาทพระวิหารและผลประโยชน์ทางทะเลมานาน ตั้งแต่ปี 2551 แต่ไม่เคยได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา แกนนำ พันธมิตรฯ มีมติให้นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปยื่นข้อเรียกร้องต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขอให้ปฏิเสธอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก  รักษาอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า เมื่อรัฐบาลทราบทางเลือกแล้วยังไม่ปฏิบัติตาม อีกทั้ง ยังประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนไทยยอมจำนนกับความพ่ายแพ้อย่างอยุติธรรมในเวทีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ย่อมถือว่ารัฐบาลมีเจตนาขายชาติขายแผ่นดิน จึงต้องเป็นผู้ร่วมรับผิดชอบด้วย หากราชอาณาจักรไทยต้องสูญเสียอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนครั้งนี้  จะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ต้องเสียดินแดนในรัชกาลปัจจุบัน เพราะการสมรู้ร่วมคิด รู้เห็นเป็นใจ ของนักการเมืองทุกฝ่าย ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้นำกองทัพที่ไม่ทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติตามรัฐธรรมนูญอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และต้องร่วมกันรับผิดชอบในความอัปยศทั้งหมดที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป

ลั่นนำมวลชนป้องอธิปไตย

“ผมยืนยันอีกครั้งว่า จะไม่รับอำนาจศาลโลกไม่ว่าผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นไร และขอให้ประชาชนทั่วประเทศ ร่วมกันเคลื่อนไหวประกาศไม่รับอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และร่วมกันปกป้องอธิปไตยของชาติ อย่างถึงที่สุด” แถลงการณ์ระบุ สำหรับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯแจ้งกับตนมาตลอดว่า  หากตนออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องใดก็จะออกมาเคลื่อนไหวร่วมด้วยอย่างถึงที่สุดรวมถึงเรื่องนี้ แม้จะเป็นพันธสัญญาใจในฐานะกัลยาณมิตรที่มีต่อกันมานานแล้ว แต่ความจำเป็นทางกลยุทธ์ที่ต้องมีหนทางสำรองเอาไว้ในยามวิกฤต เพื่อบรรลุเป้าหมายการปฏิรูปประเทศไทยอย่างแท้จริง จึงขอร้องให้นายสนธิยังไม่ต้องออกมาเคลื่อนไหวขึ้นเวทีในเวลานี้

ซัดรบ.หงอเขมรชาติเสียศักดิ์ศรี

ภายหลังออกแถลงการณ์ พล.ต.จำลองและนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ถึงการออกแถลงการณ์ไม่รับอำนาจศาลโลก คดีปราสาทพระวิหาร โดยพล.ต.จำลองกล่าวว่า  เราประกาศก่อนศาลโลกว่าจะไม่รับอำนาจใดๆ มีเอกสารหลักฐานยืนยันชาติต่างๆก็ไม่รับอำนาจศาลโลก   พร้อมกับตำหนิรัฐบาล ที่มีท่าทีสมยอมยกดินแดนให้กัมพูชา จากการที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศแบกหน้าไปพบนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นการกระทำที่เสียศักดิ์ศรี

ปูดเล่ห์ขุดพระวิหารฮุบพลังงาน

ขณะที่นายสนธิกล่าวว่า  เรามองศาลโลกเป็นกระบวนการที่นานาชาติเข้ามามีส่วนได้ส่วนเสียในผลประโยชน์ด้านพลังงาน ซึ่งบางประเทศก็เป็นขี้ข้ามหาอำนาจ ทั้งที่ศาลโลกไม่มีเหตุที่จะต้องกลับมาพิจารณาคดีดังกล่าวอีก แต่ต้องพิจารณาเพราะเป็นเรื่องของทรัพยากรในอ่าวไทย

คดีนี้ไม่ใช่แค่ 4.6 ตารางกิโลเมตร แต่ถ้าแพ้เท่ากับยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่งจะลากยาวถึงพื้นที่ทางทะเล รวมทั้งพลังงานในอ่าวไทยของไทยก็จะเหลือ 1 ใน 4 ส่วน อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานว่าไม่มีประเทศไหนยอมรับอำนาจศาลโลก มีแต่ไทยชาติเดียวที่สมรู้ร่วมคิดกับมหาอำนาจ ซึ่งถ้าให้ทั้ง 2 ชาติเจรจา ก็จะเข้าสู่ มาตรา190 ที่รัฐสภาผ่านการแก้ไขไปแล้ว โดยไม่ต้องนำการเซ็นสนธิสัญญาให้ประชาชนทราบ

อัดรบ.-ทหารยกแผ่นดินให้เขมร

นายสนธิตำหนิรัฐบาลชุดนี้ ที่เตรียมการทำทุกอย่างเพื่อจะยกแผ่นดินไทยให้เขมร นับตั้งแต่การแสดงออกของผู้นำรัฐบาลที่เอาใจเขมร รวมไปถึงท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่รับฟังแต่คำสั่งของรัฐบาล  อย่างเช่นกรณีแม่ทัพภาค 2 เจรจากับทางแม่ทัพภาค 4 ของกัมพูชาเพื่อขออยู่ด้วยกันอย่างสันติ   ตนอยากถามว่า ก่อนที่ศาลโลกจะตัดสิน รู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ศาลโลกตัดสินมีเหตุผลกับกฎหมายไทยกับคนไทยมากน้อยแค่ไหน ถ้าศาลโลกตัดสินมาแล้วเราไม่เห็นด้วย แล้วแม่ทัพภาค 2 ยังไปแสดงเจตนารมณ์ ตนเห็นว่า ไทย ไม่ควรมีทหารแบบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นทหารที่ต้องปกป้องแผ่นดินไทย ทั้งนี้ตนเห็นว่าทหารไทยไม่ควรพูดอะไรมาก อย่างมากแค่บอกว่ารอฟังคำสั่งศาลก่อน

แฉนักการเมืองขอลี้ภัยไปอังกฤษ

ส่วนที่เกรงกันว่าจะเกิดการปะทะกันระหว่างประชาชนนั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า ตนอยากรู้ว่าใครจะมาปะทะในเรื่องพระวิหาร ถ้ามีก็พวกขายชาติ

ด้านนายสนธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลอยากให้มีการปะทะ แต่ตนก็เห็นว่าชาวบ้านเริ่มเหลืออดกับคนสู้ เพื่อประชาธิปไตยจอมปลอม ตนเชื่อว่าถ้าฝั่งโน้นต้องการความรุนแรงก็ไม่มีใครกลัว  ความดีอดทนความชั่วไม่ได้แล้วไม่ว่าจะรูปแบบไหน คนต้องการความถูกต้องไม่กลัวอะไรแล้ว  ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นเหล่าผู้พิพากษาออกมาเซ็นคัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม  การที่ผู้พิพากษาทนไม่ได้ คนอื่นก็ยิ่งทนไม่ได้มากกว่า ใครก็ตามที่สร้างความรุนแรงอยู่ไม่ได้แน่

นายสนธิระบุด้วยว่า ตนทราบว่ามีอธิบดีคนนึงไปซื้ออพาร์ทเม้นท์อยู่ที่อังกฤษแล้ว ขณะที่นักการเมืองหลายคนก็เตรียมลี้ภัยไปอังกฤษ สูบเงินไทยเข้ามากุมอำนาจเพื่อทำมาหากิน พวกนี้เป็นปุ๋ยโรยใต้ต้นไม้ก็ยังไม่ได้

คุณหญิงจารุวรรณให้กำลังใจ

ทั้งนี้ ภายหลังแถลงข่าว เครือข่ายปัญญาสยาม นำโดย คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะได้เข้ามามอบดอกไม้ให้กำลังใจพล.ต.จำลอง และนายสนธิ พร้อมยืนยันไม่ต้องการให้ไทยยอมรับอำนาจศาลโลกด้วย

สถานการณ์ชายแดนยังปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศชายแดนไทย-กัมพูชาที่จ.สุรินทร์ ยังคงปกติ ไม่มีความตึงเครียดทหารไทยและกัมพูชาปฏิบัติหน้าที่ประจำการยังฐานที่มั่นทุกจุดตลอดแนวชายแดน เพื่อรับมือหากเกิดเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจขึ้นในพื้นที่  อย่างไรก็ตาม ทหารทั้งสองฝ่ายยังคงประสานงานกันตามปกติตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ที่เน้นย้ำการรักษาสัมพันธ์ระหว่างทหารไทยและกัมพูชาในพื้นที่  ผ่านคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (อาร์บีซี) ที่พัฒนาความสัมพันธ์ของหน่วยทหารในระดับพื้นที่ของทุกระดับหน่วยมาอย่างต่อเนื่องโดยเน้นหลักสันติวิธีอีกด้วย

ทหารไทย-เขมรนัดกินข้าว

อย่างไรก็ตาม มีรายงานสถานการณ์ชายแดนด้านจ.สุรินทร์ว่า  ช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้  นายทหารระดับผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ชายแดนด้านปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ทั้งไทยและกัมพูชาจะร่วมรับประทานอาหารที่บริเวณปราสาทตาควายฯ เพื่อหารือแนวทางปฎิบัติของทหารทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งก่อนและหลังที่ศาลโลกมีคำตัดสินคดี บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน  เมื่อผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์ พบว่าเป็นเพียงการพบปะพูดคุยระหว่างทหารไทยและกัมพูชาเท่านั้น โดยเลื่อนกำหนดนัดรับประทานอาหารเป็นวันที่ 12 พฤศจิกายน เวลา 12.00 น.

เผาป้ายศาลโลกแสดงจุดยืนต้าน

บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ สมาชิกกลุ่มธรรมยาตรา นำโดย นายสมาน ศรีงาม แกนนำ ยังคงปักหลักชุมนุมอดอาหารประท้วง เพื่อขอขึ้นไปยังพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร โดยผลัดเปลี่ยนกันปราศรัย คัดค้านอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ช่วงเช้าวันเดียวกัน ผู้ชุมนุมได้เผาป้ายศาลโลก เพื่อแสดงออกถึงการไม่ยอมรับขอบเขตอำนาจศาลระหว่างประเทศ

ปูถกเหล่าทัพเกาะติดพิพากษา

มีความเคลื่อนไหวจากฝ่ายรัฐบาลตั้งแต่ช่วงเช้า ที่ทำเนียบรัฐบาล  ได้เปิดวอร์รูมติดตามการอ่านคำพิพากษาของศาลโลกคดีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมนายจารุพงศ์  เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงต่างประเทศ  พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ผบ.ทบ.  พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมติดตามศาลโลกอ่านคำตัดสินคดีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ใช้เวลาหารือ 20 นาที  จากนั้น นายกฯเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)นัดพิเศษต่อทันที เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หลังศาลโลกมีคำพิพากษา

มติศาลโลกสั่งไทยถอนทหาร

ต่อมา เวลา 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ตรงกับเวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ คณะตุลาการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) 17 คน นำโดยนายปีเตอร์ ทอมกา ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษากรณีกัมพูชายื่นขอให้ศาลโลกตีความเรื่องอาณาบริเวณรอบปราสาทพระวิหาร โดยใช้เวลาอ่านคำพิพากษาประมาณ 1 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ผลการตัดสินปรากฎว่า คณะตุลาการมีมติเอกฉันท์ เห็นว่าตัวปราสาทอยู่ในอธิปไตยของกัมพูชา โดยไทยมีหน้าที่ต้องถอนกำลังทั้งหมดออกจากพื้นที่ตัวปราสาท ซึ่งทั้ง 2 ประเทศจะต้องไปดำเนินการแนวทางเรื่องการปักปันเขตแดนที่มีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนอยู่ในขณะนี้ ที่ยังไม่มีความชัดเจนต่อไป ส่วนกรณีปราสาทที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วนั้น ทั้ง 2 ประเทศต้องมีหน้าที่ไปบริหารร่วมกัน โดยมียูเนสโกเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการ

ประธานศาลโลก กล่าวต่อว่า สำหรับการที่ขอตีความครั้งนี้ กัมพูชาระบุว่า ขอบเขตพื้นที่พิพาทเล็กมาก ขณะที่ศาลโลกเห็นพ้องว่าพื้นที่พิพาทนี้ก็เล็กมากเช่นกัน    สำหรับอธิปไตยเหนือพื้นที่ก็เป็นบริเวณที่อยู่ใต้อธิปไตยของกัมพูชาอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ และพื้นที่ดังกล่าว เป็นคุณลักษณะของข้อพิพาทปี 1962  เรื่องอธิปไตยที่ศาลพิจารณาคือ คาบเกี่ยวทั้งที่พูดถึงในวรรคแรกและสาม ศาลสรุปว่า พื้นที่ที่พูดถึงในวรรค 1 และ 3  ปราสาทพระวิหารอยู่ในกัมพูชาและถือว่า เป็นการอ้างถืงวรรคสองและสามและพูดถึงบริเวณพระวิหาร ที่มีการร้องขอให้พิจารณา

"ไทยได้รับว่า ไทยมีหน้าที่ตามกฏหมายที่จะเคารพ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ที่ไทยบอกว่า เป็นพื้นที่อธิปไตยกัมพูชา สองฝ่ายต้องทำตามพันธกรณี ทั้งสองมีหน้าที่แก้ไขปัญหา ข้อพิพาทด้วยวิธีการอื่น  ภายใต้การทำงานสองฝ่ายไทยกัมพูชาต้องคุยกันเอง ยูเนสโกต้องดูแลในฐานะดูแลมรดกโลก   ก็สรุปว่า วรรคหนึ่งข้อบทปฏิบัติการทั้งหลาย กัมพูชามีอธิปไตยเหนือชะง่อนผาที่ต้องมีไว้ตาม 1962 ไทยต้องถอนทหารทั้งหมดออกไป ตามย่อหน้า 108 เป็นส่วนบทปฏิบัติการ ซึ่งศาลมีมติเอกฉันท์ว่า ศาลมีอำนาจรับฟังการตีความตามวันที่ 15 มิ.ย.1962  คือ กัมพูชามีอำนาจตามอธิปไตยในพระวิหาร ไทยต้องมีพันธกรณีถอนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ผู้เฝ้า"

ไม่เสีย4.6ตร.กม.-ภูมะเขือ

ด้านนายวีระชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าทีมหนายความต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลโลก มีคำพิพากษา คดีที่กัมพูชาได้ร้องขอให้ตีความคำพิพากษาเดิม กรณีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 โดยระบุว่า จากพิพากษาดังกล่าว ถือว่าศาลมีอำนาจตีความคำพิพากษาปี 2505 โดยประเด็นสำคัญของคำพิพากษามีดังนี้

1.ศาลมีอำนาจพิจารณาตีความคำร้องของกัมพูชาในเรื่องการดูแลตัวปราสาทพระวิหาร   2.ศาลไม่ได้ตัดสินเรื่องเขตแดน กัมพูชาไม่ได้รับสิ่งที่ร้องขอคือ พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือ 4.7 ตารางกิโลเมตร หรือภูมะเขือ เว้นแต่บริเวณที่แคบมากๆ ซึ่งสองฝ่ายต้องหารือวัดพิกัดกันต่อไป 3.สำคัญมากคือ ศาลไม่ได้ระบุว่า แผนที่ 1:2 แสนตารางกิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของคำตัดสินเมื่อปี 2505 ทั้งนี้ศาลโลกได้แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันดูแลปราสาทพระวิหารในฐานะมรดกโลก

ด้าน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศกล่าวว่า ผลการตัดสินของศาลโลกเป็นที่น่าพอใจ จากนี้ ไทยกับกัมพูชา ต้องหารือร่วมกันในการประชุม"คณะกรรมาธิการร่วม" หรือ JC (Joint Commission) อันเป็นกลไกร่วมระหว่างไทย และกัมพูชา

“ปู”ยันคำตัดสินเป็นคุณ

จากนั้น เวลา 19.15 น.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงท่าทีรัฐบาลหลังศาลโลกมีคำพิพากษาว่า รัฐบาลมองคำพิพากษาดังกล่าวเป็นคุณกับประเทศไทย ใน 4 ประเด็นคือ ศาลรับฟังข้อต่อสู้ของไทยว่าศาลไม่มีอำนาจเกินขอบเขตคำพิพากษาเดิมปี 2505   2.คำพิพากษาปี 2505 ไม่ได้ว่าด้วยเรื่องเขตแดน ศาลจึงไม่รับพิจารณาตามที่กัมพูชาร้องขอให้ชี้ขาดในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รวมทั้งศาลตัดแผนที่ 1:2 แสนตารางกิโลเมตรไม่ผูกพันกับไทย  3.ศาลรับตีความพื้นที่ใกล้เคียงปราสาท โดยเน้นย้ำว่าเป็นพื้นที่ขนาดเล็กมาก ตามลักษณะภูมิศาสตร์ นั่นคือ ยอดเขาพระวิหาร แต่ไม่ครอบคลุมภูมะเขือ  นอกจากนี้ ศาลยังเน้นย้ำกับสองประเทศให้ไปเจรจากันเองในพื้นที่ที่ยังมีข้อพิพาท  ซึ่งไทยกับเขมรจะใช้กลไกที่มีอยู่ หาข้อสรุปในการดำเนินการร่วมกัน  และ4. ศาลแนะนำให้2ประเทศร่วมมือกันอนุรักษ์ปราสาทพระวิหาร ในฐานะมรดกโลก

ชงพระวิหารเข้าครม.อังคารนี้

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สั่งทีมกฎหมายไปศึกษารายละเอียดคำพิพากษาอีกครั้ง เพื่อทำเป็นข้อเสนอแนะให้รัฐบาลดำเนินการต่อ  อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 12 พฤศจิกายน จะนำเรื่องคำตัดสินของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหาร เข้าหารือในที่ประชุมด้วย และจะให้ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ชี้แจงเพิ่มเติมต่อประชาชน หลังกลับถึงประเทศไทย  ยืนยันการดำเนินการต่างๆ รัฐบาลจะรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง

ทั้งนี้ ไทย-เขมรมีพรมแดนติดต่อกันเป็นระยะทางกว่า 800 กิโลเมตร จึงจำเป็นต้องรักษาสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  ทั้งยังผูกพันเหมือนเครือญาติ ควรต้องร่วมมือกัน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน อย่างไรก็ตาม ได้สั่งกำชับหน่วยงานด้านความมั่นคงและกองทัพให้รักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน และความปลอดภัยของประชาชนดังเช่นที่ปฎิบัติมา

ภูมิซรอลเฮให้ใช้พื้นที่ร่วมกัน

มีปฎิกริยาจากชาวบ้านในพื้นที่ หลังศาลโลกมีคำตัดสิน เวลา  17.30 น. ที่ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีการเปิดให้ชาวบ้านภูมิซรอลชมการถ่ายทอดสดคำพิพากษาศาลโลก หลังอ่านคำพิพากษาสิ้นสุดลง โดยศาลโลกตัดสินให้ไทยและกัมพูชาใช้พื้นที่ร่วมกันบริเวณเขาพระวิหารเช่นเดิม ทำให้บรรดาชาวบ้านและผู้ที่มาชมการถ่ายทอดทุกคนต่างพากันร้องไชโยออกมาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ไทยไม่ต้องเสียดินแดนบริเวณเขาพระวิหารอีกต่อไป

นายวีรยุทธ  ดวงแก้ว กำนัน ต.เสาธงชัยกล่าวว่า ผลการพิพากษาของศาลโลกออกมาแบบนี้ ทำให้ตนและชาวบ้านในเขต ต.เสาธงชัย ทุกคนรู้สึกดีใจมาก ที่ไทยไม่ต้องเสียดินแดนบริเวณเขาพระวิหาร ตนมั่นใจว่าชาวบ้านรู้สึกสบายใจขึ้นที่ศาลโลกตัดสินออกมาเป็นกลางทำให้ไม่เป็นชนวนก่อให้เกิดสงครามระหว่างไทย-กัมพูชาขึ้นมาบริเวณเขาพระวิหารอีกต่อไป จากนี้ต้องรอดูว่ารัฐบาลไทยและกัมพูชาจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษกล่าวว่า  การที่ศาลโลกพิพากษาออกมาให้ทั้ง 2 ประเทศใช้ประโยชน์ร่วมกันที่บริเวณเขาพระวิหารนับว่า เป็นผลดีต่อประเทศเป็นอย่างมากเพราะว่าจะทำให้ประชารชนชาวไทยเกิดความรู้สึกที่ดี ไม่ต้องหวาดระแวงจะต้องเสียดินแดนไทยอีกต่อไป

สื่อเทศตีข่าวเขมรเจ้าของพระวิหาร

ขณะที่สื่อต่างประเทศ ทั้งสำนักข่าวเอเอฟพี  เอพี  รอยเตอร์และสถานีวิทยุโทรทัศน์บีบีซี ต่างรายงานข่าว ศาลโลกมีคำตัดสินพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร เป็นของกัมพูชา และไทยควรถอนกำลังออกจากพื้นที่ดังกล่าว

รายงานระบุด้วยว่า คำพิพากษาของศาลโลกครั้งนี้ เป็นการตีความคำพิพากษาปี 1962 ซึ่งคณะผู้พิพากษาได้ตัดสินด้วยมติเอกฉันท์ว่า กัมพูชามีอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ทั้งหมดของชะโงกผาของพระวิหาร  ด้วยเหตุนี้ไทยจึงอยู่ภายใต้พันธกรณีที่ต้องถอนกำลังทหาร ตำรวจ ยามรักษาการณ์ หรือเจ้าหน้าที่พิทักษ์ชายแดนอื่นๆ ของไทยออกจากอาณาเขตดังกล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ไม่เรียกคุย‘ปรับ ครม.’ ‘อนุทิน’ย้ำ!โฟกัส‘ดูแล ปชช.-ปกป้องอธิปไตย’ ไม่เรียกคุย‘ปรับ ครม.’ ‘อนุทิน’ย้ำ!โฟกัส‘ดูแล ปชช.-ปกป้องอธิปไตย’
  • ‘วุฒิสภา’วางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 8 ‘วุฒิสภา’วางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 8
  • \'มาริษ\'ย้ำ\'ทูต ศก.เชิงรุก\' ดันเครื่องยนต์ ศก.อุตสาหกรรมใหม่รับเทรนด์โลก 'มาริษ'ย้ำ'ทูต ศก.เชิงรุก' ดันเครื่องยนต์ ศก.อุตสาหกรรมใหม่รับเทรนด์โลก
  • \'นายกฯอิ๊งค์\'เยือนเมืองกาญจน์ โปรยยาหอม!รอยยิ้มทุกคนคือกำลังใจ รบ.ทำงานต่อ 'นายกฯอิ๊งค์'เยือนเมืองกาญจน์ โปรยยาหอม!รอยยิ้มทุกคนคือกำลังใจ รบ.ทำงานต่อ
  • \'อนุทิน\'ฝังชิพ DNA นักเรียนนายอำเภอ รุ่นที่ 85-87 เน้น\'ฟัง\'เสียงชาวบ้าน-\'เปลี่ยน\'พื้นที่ให้ดีขึ้น 'อนุทิน'ฝังชิพ DNA นักเรียนนายอำเภอ รุ่นที่ 85-87 เน้น'ฟัง'เสียงชาวบ้าน-'เปลี่ยน'พื้นที่ให้ดีขึ้น
  • ชนะขั้นต้นแบบไม่ต้องรบ แต่ยังไม่จบ แนะทหารไทยฟาด‘แก๊งสแกมเมอร์’ตัดกำลัง‘ฮุน เซน’ ชนะขั้นต้นแบบไม่ต้องรบ แต่ยังไม่จบ แนะทหารไทยฟาด‘แก๊งสแกมเมอร์’ตัดกำลัง‘ฮุน เซน’
  •  

Breaking News

‘กลาโหมกัมพูชา’แถลง 4 ข้อ ‘ไม่ถอนกำลัง’จากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย-ยึดครองมานาน

'ชีส์ต้า ปุณิกา'เปิดตัวซิงเกิลใหม่ 'Dangerous (ผู้หญิงอันตราย)'

'โอเคซี'มีฮึด! ถล่มเพเซอร์สยับตีเจ๊า1-1ชิงNBA

ไม่เรียกคุย‘ปรับ ครม.’ ‘อนุทิน’ย้ำ!โฟกัส‘ดูแล ปชช.-ปกป้องอธิปไตย’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved