‘พม.’ ขอรอตร. สืบสวนคดีคนไทยในเล้าก์ก่าย เข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่ พร้อมประสานหลายฝ่าย ดูแลผู้ได้รับผลกระทบ-นำเข้ากระบวนการ NRM ต่อไป
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา 11.00 น. วันที่ 21 พ.ย. 66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยที่กลับจากเล้าก์ก่าย ตามกระบวนการภายหลังการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism – NRM) และผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ทาง พม. จะมีการบูรณาการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไรบ้าง ว่า ขั้นตอน NRM ในการทำรายงานมีอยู่สามส่วนด้วยกัน คือ 1.เรื่องการดำเนินคดีและการฟ้องร้อง ซึ่งคงเป็นการดำเนินการของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกลไกของศาล 2.การเยียวยา และดูแลผู้ได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของ พม. 3.การป้องกันสร้างความตระหนักรับรู้ มาตรการต่างๆ ซึ่งทางกระทรวงแรงงานก็จะเข้ามามีส่วนร่วม ดังนั้น การทำงานเกี่ยวกับเรื่อง NRM รวมถึงเรื่องการค้ามนุษย์ ในภาพรวมจะมี 3-4 หน่วยงานดูแล
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า บทบาทหลักของ พม. เยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบ โดยขณะนี้ก็กำลังรอความชัดเจน จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนว่า คดีที่เกิดขึ้นเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้นในกรณีเลาก์ก่ายนี้ ตนทราบว่าคนไทยในเล้าก์ก่าย 266 ราย ได้รับการช่วยเหลือ และผ่านการคัดกรองแล้ว 260 ราย ส่วนอีก 6 รายตรวจสอบพบว่ามีหมายจับ จึงคุมตัวไว้ที่สนามบิน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน พม.ได้ทำงานอย่างเข้มข้นในการตรวจสอบ และคัดกรองว่ากลุ่มนี้จะเข้ากระบวนการ NRM หรือไม่ หากเข้าข่ายค้ามนุษย์ ก็จะต้องดึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำงานร่วมกัน
ส่วนถ้าเข้าข่ายกรณีที่เป็นเหยื่อค้ามนุษย์ไปทำงานที่เล้าก์ก่ายโดยไม่สมัครใจ พม.จะส่งทีมสหวิชาชีพเข้าไปดูแล ทั้งนักจิตวิทยา และนักสังคมเคราะห์ จะให้การสนับสนุนผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยไม่พูดถึงถูกหรือผิด แต่ถ้าได้รับผลกระทบ หรือลี้ภัยเข้ามา พม.จะดูแลทั้งหมด
นายวราวุธ ยังกล่าวถึงกรณีที่คนไทยในเล้าก์ก่ายกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และอาจถูกดำเนินคดี ว่า การดำเนินคดีจะดูตามข้อเท็จจริง หากไปโดยสมยอม หรือถูกบังคับ ก็จะต้องช่วยเหลือเยียวยา แต่หากสืบสวนแล้วพบว่า มีคดีติดตัวเช่นเดียวกันกับ 6 รายที่ถูกจับกุมที่สนามบิน ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอให้ความมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ พม.จะดูแลสวัสดิภาพ และสวัสดิการต่างๆ ให้ ทั้งนี้ กฎหมายก็คือกฎหมาย หากสืบสวนแล้วมีข้อสงสัยตอบได้ไม่เป็นไร แต่ถ้าตอบไม่ได้ ก็คงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ
นายวราวุธ กล่าวย้ำว่า สำหรับกระบวนการ NRM ของคนไทยในเล้าก์ก่าย 200 กว่ารายนี้ การสืบข้อมูล และอ่านข้อมูลแต่ละรายมีความซับซ้อน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมีฐานข้อมูลของหลายหน่วยงาน จึงต้องใช้เวลา
เมื่อถามว่า หากสถานการณ์ในเมียนมารุนแรงมากขึ้น อาจทำให้มีผู้ลี้ภัยต่างด้าวเข้ามาในไทย และอาจจะเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ทางการไทยจะนำบุคคลเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการ NRM หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า เราจะดูแลสิทธิมนุษยชน และสวัสดิภาพขั้นพื้นฐาน
ส่วนขั้นตอนการนำเข้าสู่ NRM ขอไปศึกษาก่อน เพราะเพิ่งมารับตำแหน่ง ยังไม่มีข้อมูลในมือ แต่การจะส่งผู้ลี้ภัยเหล่านี้กลับประเทศต้นทางหรือประเทศที่ 3 หรือไม่นั้น พม.ไม่มีสิทธิตัดสินเรื่องนี้คนเดียว ต้องหารือร่วมกับกระทรวงต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เพื่อประสานกับประเทศต่างๆ ถึงแนวทางการดำเนินการ
"ขอสื่อสารไปถึงสังคมว่า คนที่ถูกบังคับไปทำงานมีเหตุจำเป็น เข้าใจผู้ที่ถูกหลอก คงต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา คนที่โดนหลอกทรัพย์สินก็หายไป ขณะที่คนที่ถูกบังคับก็มีเหตุจำเป็นบางอย่าง ที่ทำให้เขาต้องทำแบบนั้น คงโทษใครไม่ได้ ถ้าจะดำเนินการต้องศึกษาไปถึงต้นต่อ และดำเนินคดีจนถึงที่สุด" นายวราวุธ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี