‘หมอวรงค์’ไม่หวั่นถูกตรวจสอบปมผิด‘ม.112’ ซัดบางพรรคอ้างเป็นฝ่ายปชต.แต่สุดท้ายไม่ใช่ของจริง

21 พ.ย. 2566 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวในรายการ “แนวหน้าTalk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ซึ่งมี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย เป็นพิธีกร ในประเด็นผลกระทบจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อตนเอง ว่า หากจำกันได้ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566 ที่มีบุคคลเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ บอกว่าจะกลับมารับโทษ จากนั้นในช่วงปลายเดือน ส.ค. 2566 ก็มีกระแสข่าวว่า กรมราชทัณฑ์จะทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งตนเห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะบุคคลนี้ต้องโทษคดีทุจริตอีกทั้งหลบหนีไปต่างประเทศ

“มันเป็นเรื่องความคิดเห็นที่พรรคไทยภักดีทำต่อกรมราชทัณฑ์ ซึ่ง ณ ขณะนั้นตามข่าวยังไม่ได้ทำ ดังนั้นการแสดงความคิดเห็นต่ออธิบดี เราก็มีสิทธิ์ที่จะเสนอต่ออธิบดี เราไม่ได้จาบจ้วงไปที่เบื้องบนเลย แล้วสังเกตดูนะว่าหลังจากนั้นไม่นานกรมราชทัณฑ์ก็มีหนังสือตอบกลับเรามาว่ามันเป็นอำนาจตามกฎหมายที่เขาจะทำให้ทุกคนถ้ามีคนขอ ไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งก็เป็นการตอบโต้แบบตรงไปตรงมา และหลังจากที่มีพระบรมราชโองการลดโทษเหลือ 1 ปี เราก็น้อมรับ ก็ไม่มีอะไร มันเป็นชั้นตอนแค่เราทำเรื่องไปที่กรมราชทัณฑ์แค่นั้นเอง” นพ.วรงค์ กล่าว

นพ.วรงค์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ทนายความของอีกฝ่ายหนึ่งได้ไปแจ้งที่กองปราบฯ โดยแจ้งเอาผิดคนถือหนังสือไปยื่นซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค อีกทั้งเป็นการใช้เทคนิค ยังไม่ใช่การกล่าวหาโดยตรง แต่ให้ตรวจสอบว่ากระทำการเข้าข่ายผิดมาตรา 112 หรือไม่ ซึ่งทางกองปราบฯ ก็รับเรื่องไว้ และดำเนินการตามหน้าที่ด้วยการเชิญไปชี้แจง แต่หากถามว่าวิตกกังวลหรือไม่ ตนไม่ได้วิตกอะไร แต่มองว่าคนพวกนี้พยายามใช้มาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง

และตนย้ำว่ามาตรา 112 ไม่ใช่ปัญหา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกตนคือการนำมาตรา 112 มาใช้กลั่นแกล้งให้รำคาญใจ เพราะไม่ได้มีการแจ้งความเพียงแต่บอกให้ตำรวจช่วยดูว่าเข้าข่ายหรือไม่ มันยังดูกลางๆ อยู่ ตรงข้ามกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ ที่มีทั้งการตะโกนด่า การเผา และอะไรอีกหลายๆ อย่าง ซึ่งแบบนั้นเป็นการจาบจ้วงจริงและผิดมาตรา 112 จริง และตราบใดที่มีขบวนการล้มล้าง มาตรา 112 ยิ่งมีความจำเป็น และตนขอท้า หากแน่จริงก็ฟ้องเลย ไม่ใช่ไปตั้งคำถามให้ตำรวจดูว่าพฤติกรรมเข้าข่ายหรือไม่ ซึ่งหากฟ้องมาจริงก็พร้อมจะฟ้องกลับ

ทั้งนี้ ระยะหลังๆ พฤติกรรมที่หมิ่นเหม่กับการทำผิดมาตรา 112 ดูจะแผ่วลงเพราะสังคมก็ตื่นตัวขึ้น หลายคดีก็มีการตัดสินจำคุก  นั่นคือทำผิดจริง อีกทั้งยังเห็นพฤติกรรมของฝ่ายนั้นว่าชอบโกหกแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเมื่อมีรัฐบาลก็ต้องมีนโยบายและสามารถถกเถียงกันได้ เช่น การแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท หรือนักโทษที่ไปอยู่ชั้น 14 ของโรงพยาบาล แต่ก็มีคำถามถึงพรรคการเมืองที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เรียกร้องต้องการความเสมอภาคเท่าเทียมมาตลอด อีกทั้งยังเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก แต่ไม่เห็นทำเรื่องเหล่านี้เลย

“ยิ่งตอนหลังคุณก็มาแถลงยอมรับกับสื่อเองว่ามีการไปคุยกันที่ฮ่องกง มันก็บอกว่าพวกคุณไม่ใช่ของจริง ถ้าของจริงอะไรที่ไม่ถูกต้องก็ออกมา แต่เท่ากับคุณก็ผลประโยชน์ เวลาผลประโยชน์คุณลงตัวก็ไม่พูดอะไร ปล่อยให้พวกเราฝ่ายค้านนอกสภาออกมา ให้พี่น้องประชาชนหลายกลุ่มออกมา ในการเรียกร้องความถูกต้องให้กับประเทศ” นพ.วรงค์ กล่าว

ชมคลิปเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=4zVe7F0ba38