‘วัชระ’เล่าเรื่องร้องเรียนในรัฐสภา จากขรก.ผู้ใหญ่คุกคามทางเพศถึงก่อสร้างไม่ตรงปก
22 พ.ย. 2566 นายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวในรายการ “แนวหน้าTalk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ซึ่งมี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย เป็นพิธีกร ในประเด็นเรื่องร้องเรียนต่างๆ ที่เป็นปัญหาภายในรัฐสภา ว่า มีตัวอย่างกรณีคุกคามทางเพศ กรณีข้าราชการหญิงท่านหนึ่ง สังกัดกองคลัง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถูกเลขาธิการฯ ท่านหนึ่ง ส่งข้อความคุกคามทางเพศอยู่หลายปี เพราะอยากได้ข้าราชการหญิงท่านนี้เป็นอนุภรรยา รวมถึงระบุเจาะจงให้ไปงานสัมมนาต่างจังหวัดทั้งที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งจากข้อความจำนวนมากที่เห็น ตนมองว่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไม่ควรทำเช่นนี้ เมื่อทราบเรื่องตนก็ร้องเรียนไปยังประธานสภาฯ ขณะนั้นคือนายชวน หลีกภัย มีการตั้งกรรมการสอบสวนและพบว่ากระทำผิดจริง แต่ไม่มีการลงโทษเนื่องจากเวลานั้นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรท่านดังกล่าวได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว 3 ปี ขณะที่ชะตากรรมของข้าราชการหญิงท่านนี้ ท้ายที่สุดถูกกลั่นแกล้งจนอยู่ไม่ได้ต้องลาออกไป ถามว่าแบบนี้ความเป็นธรรมอยู่ทีไหน
“แล้วในขณะที่สุภาพสตรีท่านนี้ร้องเรียนเรื่องการคุกคามทางเพศ มีข้าราชการที่ตอนนี้ต้องเรียกว่าระดับที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และเป็นภรรยาของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสภาด้วย ก็ไปรับข้าราชการคนนี้ ไปเจรจาที่ร้านกาแฟหลังกระทรวงการคลัง ขอให้ถอนการร้องเรียนเลขาธิการคนนี้เรื่องคุกคามทางเพศ ถ้าถอน เรื่องข้าราชการผู้หญิงที่ถูกร้องเรียนที่มีการแต่งตั้งและปั้นเรื่องร้องเรียนก็จะยกเลิก แต่สุภาพสตรีท่านนี้มีศักดิ์ศรี ไม่ยอม” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวต่อไปว่า จริงๆ หากข้าราชการหญิงท่านนี้ยอมตั้งแต่ไปสัมมนาต่างจังหวัด ได้ทั้งหมดทั้งขั้นและอะไรต่ออะไร คือมีการให้ขั้นเพื่อจูงใจด้วย แต่เพราะไม่ยอมทำตามเงื่อนไขของที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในที่สุดข้าราชการหญิงท่านนี้ก็ต้องออกจากราชการ ซึ่งปัจจุบันยังต่อสู้คดีอยู่ในศาลปกครอง รวมถึงไปร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยตนเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้ และไปให้การกับ ป.ป.ช. ในฐานะพยานด้วย
โดยขณะนี้ผ่านมาราว 2 ปีแล้ว เรื่องก็ยังไม่จบ ซึ่งตนคิดว่าข้าราชการหญิงท่านนี้ต้องได้รับความเป็นธรรมเรื่องถึงจะจบ ลองคิดดู หัวหน้าส่วนราชการอยากได้ผู้หญิงคนนี้เป็นอนุภรรยา พอเขาไม่ยอมก็กลั่นแกล้งสารพัด พอไปร้องเรียนว่าถูกคุกคามทางเพศก็ยิ่งถูกกลั่นแกล้งหนักถึงขั้นออกจากราชการ แถมข้าราชการยังช่วยผู้มีอำนาจ แต่คนในสภาเขามองว่าเป็นเรื่องหมาป่ากับลุกแกะ คนมีอำนาจรังแกเด็กชั้นผู้น้อย เขาก็เห็นใจเพราะเป็นการละเมิดสิทธิสตรี ซึ่งตนก็นำเรื่องนี้ไปร้องเรียนกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ด้วยอีกหน่วยงานหนึ่ง
เรื่องต่อมาคือการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่สมัยที่ นายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาฯ ที่มีการผัดผ่อนอ้างปัญหาต่างๆ ทำให้การก่อสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ตนจำตัวเลขวันที่แน่นอนไมได้ แต่นับจนถึงปัจจุบัน เดือน พ.ย. 2566 แล้วก็ประมาณ 10 ปี ก็ยังไม่เสร็จ อีกทั้งในวัสดุไม่ตรงตามสเปค เช่น หินทราเวอร์ทีน (Travertine) คือหินสีไข่ไก่ ใช้สำหรับทำฉากแนวตั้ง ในสัญญากำหนดว่าหากเป็นภายในอาคารความหนาของหินต้องไม่ต่ำกว่า 20 มม. หากเป็นภายนอกอาคารจะอยู่ที่ 25 มม.
“ผมก็ไปวัด ไม้บรรทัดอันละ 5 บาท ปรากฎว่าในอาคารได้แค่ 17 มม. มีคนกินหินแผ่นละ 3 มม. ข้างนอกตรงหรือไม่ต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง แต่ที่แน่ๆ คือปัญหาการใช้วัสดุไม่ตรงสเปคไม่ใช่มีเฉพาะหินทราเวอร์ทีน หินวิทิตา คือหินที่เป็นสีๆ ที่ปูรอบๆ ก็ไม่ตรงตามขนาด ไม้ตะเคียนทองซึ่งต้องใชจำนวนมาก ก็ปรากฎว่ามีไม้กระยาเลยถึง 700 แผ่น ตะเคียนทองต้องแผ่นยาว 3 เมตร ไปวัดดูเถอะครับว่ามีไม้ยาว 3 เมตรกี่ท่อน และเมื่อปูแล้วความห่างระหว่างแผ่นต้องไม่เกิน 2 มม. ต่อแผ่น ไปดูเถอะครับ ขนาดปากกาเสียบลงไปยังวางแนวตั้งได้เลย รองเท้าส้นสูงของสุภาพสตรี ตกลงไปก็จะหกล้มทันที” นายวัชระ ระบุ
นายวัชระ ยังกล่าวอีกว่า อาคารรัฐสภาแห่งนี้มีมูลค่า 12,280 ล้านบาท เฉพาะตัวอาคารไม่นับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ซึ่งเดิมคือ 3 พันล้านบาท ต่อมาในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตัวเลขเป็น 8 พันกว่าล้านบาท เช่น ไมโครโฟนตัวละ 1.2 แสนบาท ซึ่งตนก็ไปยื่นคัดค้านจนสำเร็จ ซึ่งแม้ขณะนั้นนายกรัฐมนตรี คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นหัวหน้า คสช. ด้วย แต่ตนก็กล้าคัดค้าน
โดยการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่นี้ ตนทำร่วมกับ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ซึ่งก็เป็นอดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ เช่นกัน ปัจจุบันเรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช. รวมถึงสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) รวมถึงมีคดีอยู่ในศาลซึ่งผู้รับเหมาก่อสร้างฟ้องตน 2 คดี แต่สุดท้ายศาลก็ยกฟ้องทั้ง 2 คดี เชนเดียวกับที่นายวิลาศ ถูกฟ้องถึง 4 คดี ก็ยกฟ้องทั้งหมด แน่นอนว่าผู้ที่คิดว่าตนเองเสียหายก็มีสิทธิ์ฟ้องได้ แต่การที่ตนเป็นนักกฎหมาย ตนไม่ก้มหัวให้กับความอยุติธรรม จะฟ้องคดีไหนตนก็ไม่เคยกลัวและพร้อมต่อสู้ และตนเชื่อว่าศาลทุกศาลจะให้ความเป็นธรรม
ชมคลิปเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=0fXPezgQeRw
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี