วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวในรายการ “แนวหน้าTalk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ซึ่งมี นายปรเมษฐ์ ภู่โต เป็นพิธีกร ว่า ตนไม่อ้อมค้อมที่จะบอกว่าคนส่วนใหญ่ที่เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติคือผู้สูงอายุ เพราะทนต่อกระแสความเบื่อ ซึ่งคราวที่แล้วเป็นเรื่องน่าเสียดาย ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผลงานมากมาย แต่วันนี้พอไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ คนก็เริ่มโหยหา เพราะสิ่งที่มีอยู่วันนี้ก็เป็นผลงานของท่าน
เพียงแต่ก่อนจะมีการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ค. 2566 เกิดความรู้สึกที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มานาน 8-9 ปี แล้วอยากเปลี่ยน ดังนั้น รทสช. จะได้ฐานคะแนนเสียงที่มีความมั่นคงก็คือผู้สูงอายุ แต่ตนคิดว่าเมื่อการเลือกตั้งผ่านไป วันนี้ตลาดเปิด เป็นโอกาสให้เราเข้าถึงกลุ่มคนที่มีอายุต่ำลงไป แน่นอนว่าวิธีการสื่อสารต้องเปลี่ยน แต่ตนยังเชื่อในจุดยืนแบบที่พรรคเป็น
โดยช่วงเลือกตั้งเห็นว่ามีการอาศัยเกาะกระแสความเปลี่ยนแปลงนำหน้า ทุกคนต้องการเปลี่ยนแปลง อยากได้สิ่งที่ดีขึ้น ทุกคนเห็นปัญหาหมด แต่คำตอบที่ผ่านการนำเสนอของพรรคที่ได้คะแนนสูง ให้พูดกันตรงๆ คือพรรคก้าวไกล ตนมองว่าก็ยังไม่ใช่ เช่น ไปบอกให้ทำแบบที่แทบจะเหมือนรัฐสวัสดิการ เพิ่มเงินผู้สูงอายุเป็น 3,000 บาทต่อเดือน ตนเห็นว่าไม่ใช่ แต่เห็นว่าประเทศไทยต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต้องลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐาน ต้องปรับแก้กฎระเบียบต่างๆ ให้ทันสมัย และอำนวยต่อการทำมาค้าขาย
“เรายังต้องส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ยังต้องเพิ่มศักยภาพขีดความสามารถของทรัพยากรมนุษย์ในประเทศ ดึงนักลงทุนเข้ามาใหม่ๆ เอาองค์ความรู้ใหม่ๆ มีหลายเรื่องที่ต้องทำที่ไม่ใช่เอาเงินไปแจกเป็นประชานิยมและเพิ่มในส่วนของสวัสดิการ ผมว่าคำตอบมันต้องใช่ด้วยนะ แล้วการเปลี่ยนแปลงที่จะได้มันต้องทำการบ้าน มีการวางแผน ต้องใช้ประสบการณ์ในการทำและดำเนินการ ผมยังคิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติยังให้คำตอบที่พรรคอื่นยังไม่ให้ ผมยังมีความรู้สึกแบบนั้น” นายเอกนัฏ กล่าว
นายเอกนัฏ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการเข้าร่วมกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน พรรครวมไทยสร้างชาติมีจุดยืน 1.ไม่ยุ่งกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 2.ไม่เอาพรรคก้าวไกล 3.การแก้รัฐธรรมนูญต้องไม่ยุ่งกับหมวด 1 – หมวด 2 และ 4.ต้องไม่มีเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งเมื่อเข้ามาพรรคก็ได้รับมอบหมายงานใน 4 กระทรวง อาทิ กระทรวงพลังงาน จะเห็นว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวง คือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็ทำงานสานต่อจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยทำไว้ และกระทรวงอื่นๆ ก็เช่นกัน ต่อไปก็จะมีการสื่อสารออกมา
ทั้งนี้ อะไรที่คิดว่าไม่ควรทำเราก็สื่อสาร แต่ทำแบบมีมารยาทคือพูดกันตรงๆ ตัวต่อตัว แต่การสื่อสารออกสื่อไปยังสาธารณชนก็ต้องรักษามารยาทในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล แต่การเป็นพรรคร่วมนั้นมีข้อดี 1.มีโอกาสได้ทำงาน กับ 2.เป็นหลักประกัน ซึ่งหากไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติ บางเรื่องที่เรากังวลอาจถูกดำเนินการไปแล้วก็ได้ เช่น มาตรา 112 หรือเรื่องแก้รัฐธรรมนูญที่ตอนแรกบอกจะแก้ทุกข้อปัจจุบันก็เงียบไปแล้ว ส่วนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท หรือดิจิทัลวอลเล็ต ตนมองว่าดำเนินการได้ไม่ง่าย
“เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ให้ชัดเจนก่อนตกลงจะเป็นเงินดิจิทัลหรือเป็นเงินสด ถ้าเป็นเงินสด ตอนรวมไทยสร้างชาติโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งไม่ใช่เราไม่แจกนะ แต่เราแจกให้กับคนจน คนที่ถือบัตรคนจนประมาณ 15 ล้านคน ฉะนั้นวันนี้ถ้าเป็นผม ง่ายที่สุดไม่ต้องไปหาเงินเพิ่ม เงินในงบประมาณมี คนละหมื่น น้อยกว่าที่เราจะให้อีกเพราะเราจะให้เดือนละพัน แต่ให้ 15 ล้านคนที่มีความต้องการ แล้วเงินมันก็จะหมุนไปตรงนี้ก่อน มีฐานข้อมูลครบ มีการลงทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้ว” นายเอกนัฏ ระบุ
เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังกล่าวอีกว่า การแจกผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์ เป็นระบบที่วางไว้หมดแล้วไม่ต้องลงทุนเพิ่ม เมื่อแจกเงินให้ผู้มีรายได้น้อยที่สุดในประเทศ 15 ล้านคน กลุ่มนี้ก็จะนำไปจับจ่ายใช้สอย เรื่องนี้ทำได้ทันทีไม่ต้องกู้เงินเพราะอยู่ในงบประมาณ แต่ก็ต้องดูก่อนว่า 1.ที่จะทำเป็นการแจกเงินดิจิทัลหรือเงินสด ซึ่งยังเปลี่ยนไป-มา
2.ให้ใครบ้าง เท่าที่ฟังดูเริ่มเป็นการระบุเป้าหมายแล้วไม่ใช่ให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน 3.ใช้เงินเท่าไร และ 4.จะเอาเงินมาจากไหน ดังนั้นเรื่องเงินดิจิทัลยังมีอีกหลายขั้นตอน รวมถึงต้องให้กฤษฎีกาตีความก่อนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วยว่าถูกกฎหมายหรือไม่ เพราะไม่ใช่อำนาจหรือดุลพินิจเฉพาะของ ครม. แต่ยังมีกฎหมายการเงินการคลังที่ยังต้องทำตามอยู่ เรื่องนี้ยังต้องไปว่ากัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี