ป.ป.ท.หนุนเสริมกลไก“แผนบริหารความเสี่ยงทุจริต” โครงการขนาดใหญ่ของรัฐอุดช่องโหว่การทุจริตจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐที่มีวงเงินตั้งแต่ 500 ล้านบาท
วันนี้ (13 ธันวาคม 2566) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการขับเคลื่อนค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ของประเทศไทยสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ (กิจกรรมการสัมมนาเพื่อขับเคลื่อนการประเมินความเสี่ยงการทุจริตเชิงนโยบายในการดำเนินงานโครงการขนาดใหญ่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567) ครั้งที่ 1 พร้อมทั้งบรรยายพิเศษในหัวข้อ “นโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต” เพื่อมอบแนวทางการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีหน่วยงานภาครัฐระดับกรมหรือเทียบเท่า หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ จำนวน 213 หน่วยงาน ส่งผู้แทนเข้าร่วมโครงการฯ รวมจำนวน 440 คน ณ ห้องแซฟไฟร์ 204 - 205 อาคารอิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทุจริตในภาครัฐ ถือเป็นปัญหาสำคัญที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงของประเทศชาติ โดยปัจจุบันรูปแบบการทุจริตมีความซับซ้อนและกระจายตัวอยู่ในทุกระดับ รัฐบาลจึงเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว โดยประกาศแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินการตามกิจกรรมปฏิรูปที่สำคัญ (Big Rock) กิจกรรมปฏิรูปที่ 5 การพัฒนามาตรการสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ท. ในฐานะที่เป็นกลไกของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต จึงมีหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายการดำเนินงานไปสู่ระดับผู้ปฏิบัติในหน่วยงานของภาครัฐเพื่อให้เกิดความเข้าใจในกระบวนการขั้นตอนการประเมินความเสี่ยงการทุจริตเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ โดยเฉพาะการควบคุมกำกับและติดตามโครงการขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณสูง ที่มีภาคธุรกิจ ภาคเอกชนเข้ามาเป็นคู่สัญญาร่วมกันเพื่อป้องกัน สกัดกั้น ลด และปิดโอกาสการทุจริตทุกรูปแบบ อันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ
ด้านนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวว่า สำหรับโครงการดังกล่าว สำนักงาน ป.ป.ท. ในฐานะหน่วยงานขับเคลื่อนการดำเนินงานให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลตามแผนการปฏิรูปประเทศฯ จึงได้ดำเนินการจัดโครงการขับเคลื่อนค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตฯ ขึ้น เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในการประเมินความเสี่ยงการทุจริตและกรอบแนวทางการดำเนินงานให้กับหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี “รายการในงบลงทุนวงเงินตั้งแต่ 500 ล้านบาทขึ้นไปที่มีการจัดซื้อจัดจ้าง” โดยมีการกำหนดกรอบแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้
1) ให้หน่วยรับงบประมาณที่จะขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี “รายการในงบลงทุน วงเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปที่มีการจัดซื้อจัดจ้าง” จะต้องจัดทำการประเมินความเสี่ยงการทุจริตของโครงการพร้อมเสนอมาตรการในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมโดยยื่นต่อสำนักงบประมาณพร้อมคำขอ
2) ให้สำนักงบประมาณ พิจารณาแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อประกอบการจัดสรรงบประมาณ
3) สำนักงาน ป.ป.ท. ร่วมกับหน่วยงานตรวจสอบ (สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) ตรวจสอบภายในหน่วยงาน) ดำเนินการตรวจติดตามการดำเนินโครงการขนาดใหญ่
และ 4) หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องจัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินโครงการตามมาตรการบริหารจัดการ ความเสี่ยงการทุจริต ส่งรายงานผลการตรวจสอบติดตามมายังสำนักงาน ป.ป.ท. เพื่อรายงานต่อศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อทราบต่อไป
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะหนุนเสริมให้หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สามารถประเมินความเสี่ยงต่อการทุจริตของโครงการขนาดใหญ่ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนหน่วยงานตรวจสอบ สามารถตรวจติดตามและรายงานผลการดำเนินโครง การตามแบบรายงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการป้องกันการทุจริตบังเกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถยกระดับค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ของประเทศไทยสูงขึ้นตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี