"สนธิญา"บุกร้องป.ป.ช.ฟันจริยธรรม"สส.ไอซ์ รักชนก"หลังศาลอาญาพิพากษาจำคุก 6 ปีปมความผิดม.112 เชื่อ ป.ป.ช.ใช้เวลาไม่นาน ชี้ไม่ควรกลับไปนั่งในสภาฯ
วันที่ 15 ธันวาคม 2561 ที่สำนัก งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือขอให้สำนักงานคณะป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ตรวจสอบ นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.แบบเขต กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ให้ตรวจสอบเอาผิดจริยธรรม จากกรณีที่ศาลอาญารัชดา พิพากษาให้จำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา และได้รับการประกันตัวไปแล้วนั้นในความผิดมาตรา 112 และ พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ด้วยหลักฐานและคำพิพากษาแม้จะเป็นศาลชั้นต้น แต่การกระทำเหล่านั่น สำเร็จสมบูรณ์ไปแล้ว และไม่เหมาะสมมาทำหน้าที่ในสถาบันนิติบัญญัติอีกต่อไป จึงไปร้อง ป.ป.ช.ในประเด็นฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติมาตรฐานจริยธรรมและความผิดร้ายแรงตามข้อบังคับประมวลจริยธรรม สส.สว.ปี 2563 และ มาตรฐานทางจริยธรรมที่ร้ายแรงตามรัฐธรรมนญพุทธศักราช 2560 ประกอบการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญพุทธศักราช 2560 จึงร้อง ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย และ ประมวลจริยธรรมร้ายแรงต่อไป
นายสนธิญา ระบุว่า เมื่อนางสาวรักชนก เข้ามาทำหน้าที่เป็นสส. ก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ และกรอบจริยธรรม 2 ฉบับ คือประมวลจริยธรรมว่าด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมมาธิการ 2563 ซึ่งนางสาวรักชนก กระทำการขัดและฝ่าฝืนต่อจริยธรรมร้ายแรงในหมวด 1 อุดมการณ์ในข้อที่ 4,6,7,18 และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตราฐานทางจริยธรรม ม.219 และรัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับกับองค์กรอิสระ องค์ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งครอบคลุมถึง สส.สว. ตามข้อที่3 (4) วรรค 2 ประกอบข้อที่ 5,6 และข้อที่ 19 ตนจึงมาใช้สิทธิที่ตามรัฐธรรมนูญ ยื่นต่อป.ป.ช. ให้ตรวจสอบพิจารณาและวินิจฉัย นางสาวรักชนกกระทำการฝ่าฝืน ไม่ทำตามจริยธรรมตามที่ตนกล่าวหาหรือไม่ พร้อมหยิบยกคำวินิจฉัยของศาลอาญา ที่ระบุว่า "จำเลยกระทำการผิดวิสัยของบุคคลทั่วไปในฐานะปวงชนชาวไทย ซึ่งต้องเคารพและไม่ละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญทุกฉบับ"
นายสนธิญา กล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าบุคคลที่โพสต์ข้อความหรือรีทวีต ที่มีลักษณะเป็นการอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันเข้าข่ายผิดตามม.112 และเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อีกด้วย ก็จะโดนความผิดสองเด้ง และจากคำวินิจฉัยจากศาลอาญา ศาลให้ความเมตตาโดยลงโทษต่ำสุดตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมขอเรียกร้องไปยังนางสาวรักชนกให้ระมัดระวังเพื่อไม่ให้ผิดเงื่อนไขต่อศาลในการใช้เป็นเงื่อนไขขอประกันตัวชั่วคราว และในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ตนได้ดูสื่อโซเชียลของนางสาวรักชนก พบว่า ค่อนข้างที่จะมีความหมิ่นเหม่ จึงขอให้ใช้ความระมัดระวัง เพราะหากกระทำการขัดต่อข้อตกลงกับศาลอาจจะมีคนไปร้องขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยและยกเลิกการประกันตัว แบบเช่นเดียวกันกับกรณีนายอานนท์ นำภา ที่ผิดเงื่อนไขต่อศาล ตนได้ขอให้ยกเลิกการประกันตัวนายอานนท์ ที่ไปร่วมชุมนุมจนผิดเงื่อนไข
ซึ่งจากกฎหมายทั้งหมดที่นายสนธิญายกมาแสดงให้เห็นว่านางสาวรักชนกกำลังกระทำการที่ฝ่าฝืนและไม่ปฎิบัติตามประมวลจริยธรรมทั้ง 2 ฉบับ จึงขอให้ป.ป.ช.ตรวจสอบและวินิจฉัย ซึ่งกรณีคดีความอาญาก็สู้กันไป 3-4 ปี แต่ในกรณีจริยธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่พิจารณาอย่างรวดเร็ว ถือว่าไม่มีความซับซ้อน ป.ป.ช.สามารถพิจารณาได้ในเวลาอันรวดเร็ว จนเชื่อว่าไม่เกิน 6 เดือน ป.ป.ช อาจจะสามารถชี้มูลได้ ส่วนตนเองไม่เห็นด้วยกับม.112 หรือสถาบัน มีสองทางเลือกคือ 1.ต้องอยู่ในคุก กับทางเลือกที่ 2.ต้องไปอยู่ต่างประเทศ เพราะคนส่วนใหญ่ของประเทศยังมีความคิดรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งหากพบว่ามีการจาบจ้วงสถาบันชัดเจนเมื่อไหร่ก็พร้อมที่จะแจ้งความดำเนินคดีอาญา และจริยธรรม
ส่วนกรณีที่มีแนวร่วมแสดงความคิดว่าไม่ควรจะมีใครถูกดำเนินคดีตามม.112 นั้น นายสนธิญา เห็นว่าการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับม.112 สามารถกระทำได้ในทางวิชาการการให้เหตุผล แต่ไม่ใช่การด่า หรือหมิ่นประมาทต่อสถาบัน แต่หากจะแสดงความคิดเห็นวิเคราะห์วิจารณ์ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับม.112 ตนมองว่าก็ไม่มีใครเดือดร้อนจากม.112 แต่หากมีคนออกมาแสดงความเห็นมากขึ้นก็ขอให้พึงระวังเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี และกระบวนการที่จะนำไปสู่การแก้ไขม.112 ก็อยู่ในชั้นของสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว และหากพรรคการเมืองใดต้องการแก้ไขม.112 ก็ขอให้ประกาศต่อประชาชนว่า จะดำเนินการแก้ไขอย่างไรบ้าง หากประชาชนเห็นด้วยทั้งประเทศ ตนเชื่อว่สไม่มีใครค้าน ก็ขอให้สู้กันในสภา
ส่วนทำไมเลือกใช้ช่องทางการยื่นจริยธรรมต่อ ป.ป.ช. มากกว่ายื่นให้กับสภาผู้แทนราษฎร นายสนธิญา ระบุว่า การดำเนินการของสภาผู้แทนราษฎร ค่อนข้างที่จะมีความล่าช้า และการดำเนินการค่อนบ้างที่จะไม่มีผลกับทางกฎหมาย แต่กรณีของ ป.ป.ช.เป็นไปตามรัฐธรรม นูญ ม.234 ที่กำหนดว่า ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฎิบัติตามประมวลจริยธรรม ป.ป.ช.สามารถส่งเรื่องต่อไปยังศาลฏีกา หากป.ป.ป.ช.รับเรื่องของตนภายใน 3 เดือน ป.ป.ช.ส่งเรื่องไปให้ศาลฏีกา เมื่อถึงศาลแล้ว นางสาวรักชนก หรือคนที่ถูกร้อง ก็จะถูกคำสั่งให้ยุติการปฎิบัติหน้าที่ จนกว่าจะมีความวินิจฉัย
"จนถึงวันนี้ ผมยืนยันชัดเจนว่าคุณรักชนก ไม่สมควรที่จะเข้าไปนั่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่นิติบัญญัติแล้ว ผมจึงมาร้องให้ ป.ป.ช.โปรดวินิจฉัยและจะเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ขณะนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สว.หรือว่าใครก็ตาม กลัวมาที่สุด กลัวเรื่องจริยธรรม ซึ่งมีความแรงและเร็ว มีสส.หลายคนที่โดนจริยธรรม บางคนถึงขนาดถูกห้ามเล่นการ เมืองตลอดชีวิตก็มี นี่คือตัวที่คอยกำกับการทำงานของ สส.เพราะที่ผ่านมาก็จะเห็นว่าคุณจะทุจริตหรือทำอะไรก็ตาม กว่าจะจบคดีก็ปาเข้าไป 9-10 ปี และคดีนี้ผมเชื่อว่า ป.ป.ช.จะใช้เวลาพิจารณาไม่เกิน 4-5 เดือน เพราะไม่มีอะไรทับซ้อน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแสดงความคิดเห็น ศาลได้ตัดสินมาแล้ว หากเป็นคนทั่วไปก็ไม่มีปัญหา แต่นี่เขาเป็นสส." นายสนธิญา กล่าว
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี