"อนุสรณ์"ยืนยัน"เพื่อไทย"ไม่ใช่ของคนตระกูลเดียว เหน็บ"ก้าวไกล"รีบวิจารณ์รัฐบาลทั้งที่เคยบอก 10 เดือนรอได้
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2566 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวในรายการ “แนวหน้าTalk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ซึ่งมี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย เป็นพิธีกร ในประเด็นการขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่า พรรคเพื่อไทยพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานอยู่ตลอดเวลา อย่างสมัยที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เป็นหัวหน้าพรรค ก็จะถูกถามว่าเป็นหัวหน้าตัวจริงหรือเปล่า หรือถูกชักใย แต่ผลการเลือกตั้งก็ทำให้เห็นแล้วว่าภายใต้การนำของ นพ.ชลน่าน เป็นอย่างไร
จากนั้นพอมาถึงยุคของ น.ส.แพทองธาร ได้เห็นการขับเคลื่อนของคนรุ่นใหม่ แต่ก็เจอคำถามทำนองเดียวกัน เช่น เป็นตัวของตัวเองหรือถูกชักใย แต่จริงๆ น.ส.แพทองธาร เข้าใจการเมืองและทำงานกับพรรคเพื่อไทยมาระยะหนึ่งแล้ว หากเปรียบเทียบกับหัวหน้าของพรรคการเมืองอีกหลายๆ พรรค น.ส.แพทองธาร ก็ไม่ได้ขี้เหร่กว่า และการเปลี่ยนของพรรคเพื่อไทย ตนคิดว่าถูกช่วงถูกเวลา
ส่วนกรณีที่ น.ส.แพทองธาร บอกว่า พรรคเพื่อไทยไม่ใช่ของตระกูลชินวัตร แล้วสังคมมีคำถาม เรื่องนี้ตนกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เคยคุยกับว่าเราไม่ใช่คนนามสกุลดัง คนหนึ่งใสยเกื้อ อีกคนเอี่ยมสะอาด พ่อแม่ก็ไม่ได้เป็นนักการเมือง คนเราอยู่ในองค์กรที่เปิดโอกาส ไม่ได้ดูที่นามสกุลหากแต่ดูที่ผลงาน และทุกคนสามารถเติบโตได้ ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าคนจะขึ้นเป็นกรรมการบริหารพรรคได้รับการโปรโมทจะต้องเป็นชินวัตรเท่านั้น หลายคนที่ได้ทำงานก็พิสูจน์แล้วว่าพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ของตระกูลใดตระกูลหนึ่งแน่นอน
ขณะที่กรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผลงาน 100 วันแรกของรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ตนเห็นว่า ใครก็มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็ต้องยอมรับว่านายพิธาออกมาในช่วงจังหวะที่ย้อนแย้ง เพราะก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลถามพรรคเพื่อไทยว่าทำไมไม่รอ 10 เดือน ให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดปัจจุบันหมดวาระ เพื่อให้นายพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรี นั่นก็หมายความว่าไม่ได้เร่งรีบอะไร แต่พอรัฐบาลของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ทำงานไปเพียง 100 วัน ยังไม่ถึง 10 เดือน กลับบอกว่าต้องเห็นผล
“เราตั้งข้อสังเกตว่า การที่พรรคก้าวไกลไปให้คุณชัยธวัช ตุลาธน เป็นหัวหน้าพรรค แล้วก็ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน แปลว่าก้าวไกลก็ไม่ได้รอคุณพิธาแล้ว คุณพิธาให้รอ ทั้งประเทศรอ 10 เดือนให้พิธาเป็นนายกฯ แต่วันนี้ก้าวไกลไม่รอพิธา ให้ชัยธวัชเป็นผู้นำฝ่ายค้านไปแล้ว ประเด็นก็คือว่าวันนี้สถานการณ์ของคุณพิธาก็คือว่าอาจจะไม่มีที่ยืนในพรรคก้าวไกลหรือเปล่า” นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า หลายคนตั้งฉายานายพิธาว่าเป็นนายกฯ รถแห่ บางคนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าหิวแสง เช่น ไปค่ายเพลงแล้วไปเปิดเผยคิวงานของศิลปินในค่ายเขาจนต้องออกมาขอโทษภายหลัง ทั้งนี้ การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ของนายพิธาถือเป็นสิทธิ์ แต่ต้องไม่มีอคติและวิจารณ์บนพื้นฐานของความสุจริต อย่างเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตขณะนี้ส่งคำถามไปถามกฤษฎีกา เดี๋ยวก็มา แต่หัวใจสำคัญที่ต้องเข้าใจกันก่อนว่าวันนี้รัฐบาลยังไม่ได้ใช้งบประมาณ คือใช้งบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อน งบประมาณ 2567 ยังไม่มา นั่นคือไม่มีงบประมาณยังทำได้ขนาดนี้ก็ไม่ขี้เหร่
ส่วนที่บอกว่ารัฐบาลคิดสั้นเรื่องนโยบายลดค่าครองชีพ เช่น ลดค่าไฟฟ้า หรือค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นั่นแสดงว่าไม่ได้ฟังที่นายกฯ พูด เพราะนโยบายแบบนี้เรียกว่า Quick Win อะไรที่ปลดเปลื้องปัญหาให้ประชาชนได้เราทำก่อน แต่ระยะยาวก็ต้องตามไปแก้ อย่างเรื่องค่าไฟฟ้า - ค่าน้ำมัน ในช่วงก่อนหน้ารัฐบาลนายกฯ เศรษฐา นั้นสูง ถึงเวลาก็ต้องมาปรับแบบ Quick Win ก่อน แล้วอนาคตค่อยไปวางแผนให้สอดรับทั้งระยะกลางและระยะยาว ส่วนที่ว่าคิดใหญ่ทำเล็ก ซอฟท์เพาเวอร์ วีซ่าฟรี ส.ป.ก. ค่าแรง ตนขอบอกว่าเป็นการคิดใหญ่ทำใหญ่
“แต่การทำใหญ่มันเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน ผมยกตัวอย่างเช่นซอฟท์เพาเวอร์ เมื่อก่อนคนยังไม่รู้เลยว่าซอฟท์เพาเวอร์คืออะไร หรือจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบ บางคนบอกนี่คือ OTOP เฟสสอง หรือโมเดิร์น OTOP วันนี้เรามาหาว่าประเทศไทยมีอะไรที่จะเอามาขายได้ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ หลายประเทศมหาอำนาจ อย่างจีนก็ได้รับผลกระทบ แม้แต่อเมริกาบางส่วนก็มีปัญหา ดังนั้นเรามาดูว่าอะไรที่เป็นรากเหง้าศิลปวัฒนธรรมของเรา ที่เอามาเป็นซอฟท์เพาเวอร์มาขายได้เราก็ทำ แต่ว่าบางเรื่องมันเป็นเรื่องใหญ่ มันก็ต้องใช้เวลา” นายอนุสรณ์ ระบุ
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าที่สุดแล้วทั้งหมดที่ว่ามา บางรัฐบาลไม่ต้องเอ่ยนาม 4 ปียังทำได้ไม่ครบเลย แต่รัฐบาลนี้เพิ่งมาได้ 3 เดือน ต้องไม่ลืมตรงนี้ เดี๋ยวเห็นผลแน่นอน อย่างเรื่องค่าแรงมีคณะกรรมการไตรภาคี มีรัฐบาล ตัวแทนนายจ้างและลูกจ้าง เมื่อเสนอตัวเลขมานายกฯ ก็ตั้งข้อสังเกตว่าปรับแบบนี้มันน้อยไปหน่อย แต่การตั้งข้อสังเกตก็ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อกฎหมายด้วย หลังนายกฯ ตั้งข้อสังเกตไป คณะกรรมการไตรภาคีก็ยืนยันตัวเลขกลับมา แล้วเขาบอกว่าเสียงนายกฯ ที่พูดมาจะไปปรับแก้ในระยะต่อไป
ชมคลิปเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=6KpfsBUk5Bs
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี