เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2567 นายจุติ ไกรฤกษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวในรายการ “แนวหน้าTalk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ซึ่งมี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย เป็นพิธีกร ในประเด็นร่างกฎหมายงบประมาณประจำปี 2567 ซึ่งกำลังอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างวันที่ 3 - 5 ม.ค.2567 ว่า ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าร่างงบประมาณไม่ตรงปกก็ยอมรับว่าเป็นความจริง แต่หากเป็นคนที่เข้าใจเรื่องงบประมาณ จะเข้าใจว่ามีการเลือกตั้งในเดือน พ.ค.2566 และกว่าจะตั้งรัฐบาลกันได้ก็คือเดือน ก.ย.2566
โดยปีงบประมาณนั้นนับตั้งแต่เดือนตุลาคม - กันยายน ซึ่งสำหรับปีงบประมาณ 2567 นั้นจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ต.ค.2566 ไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2567 ดังนั้นคาดว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 น่าจะผ่านจนถึงขั้นลงพระปรมาภิไธย ภายในเดือน เม.ย.2567 และเงินจะออกมาในเดือน พ.ค.2567 แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือนก็จะสิ้นปีงบประมาณ 2567 อีกแล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้การบริหารประเทศหยุดชะงัก ก็จะมีกลไกให้ใช้งบประมาณปีเดิมไปก่อนในส่วนที่เป็นรายจ่ายประจำ เช่น เงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐ โครงการที่ระบุภาระผูกพันงบประมาณต่อเนื่อง เป็นต้น
ดังนั้น คำที่กล่าวว่าไม่ตรงปกจึงเป็นความจริงอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งงบประมาณถูกใช้ล่วงหน้าไปแล้ว 7 เดือน และการจะบอกว่าให้นำ 7 เดือนนั้นมาเป็นนโยบายรัฐบาลใหม่คงเป็นไปได้ยาก เรื่องนี้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องพูดความจริง ว่าเมื่อเป็นอย่างนั้นคนที่เคยเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณ ก็จะเข้าใจดี ว่างบประมาณที่ใช้ไปพลางก่อน ณ วันนี้ จะใช้ไปจนถึงเดือนเมษายน หลังจากนั้นก็จะเป็นงบประมาณส่วนที่เหลือ และจริงๆ จะใช้เงินไม่ทันเสียด้วยซ้ำไป เพราะงบประมาณที่ต้องนำมาใช้ประมูลอะไรต่างๆ มันต้องมาเริ่มต้น
“แผนงานมีแล้ว แผนงานใหม่แต่สภาฯ ยังไม่อนุมัติ เขาประกาศเตรียมรอไว้ได้แต่ต้องเริ่มต้นวันที่ลงพระปรมาภิไธย ใช้ก่อนไม่ได้ ใช้ไปพลางก่อนคิดได้แค่เงินเดือน - เบี้ยประชุม ถ้าจะตำหนิรัฐบาลว่าไม่ตรงปก ผมคิดว่างบประมาณปี 2568 รัฐบาลต้องรับผิดชอบ 100% เต็มๆ เพราะว่าเป็นงบที่รัฐบาลมีเวลาทำเอง ทีนี้ตามตารางที่อยากจะกราบเรียนพี่น้องประชาชนก็คือว่าเมื่องบประมาณเราจบแล้วเมื่อเมษา พฤษภาหรือมิถุนางบฯ ใหม่จะเข้าทันที เป็นงบฯ 2568 ดังนั้นมันจะต่อเนื่อง ที่เคยอภิปรายไว้วันนี้ค้างไว้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งไปดู 2568 ว่าจะตรงหรือไม่ตรงปก วันนั้นวิจารณ์ได้เต็มที่เลย” นายจุติ กล่าว
นายจุติ กล่าวต่อไปว่า จากประสบการณ์ที่เคยร่วมเป็น กมธ.งบประมาณ จะดูที่ผลลัพธ์เป็นสำคัญ ต้องถามว่าวันนี้ประชาชนได้อะไรจากงบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาท ซึ่งเท่าที่ดูก็มีทั้งแง่ที่สมหวังและผิดหวัง อย่างในด้านบวกหรือสมหวัง ที่ตนเห็นว่าทำได้ดี ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่เห็นด้วยกับตนก็ได้ คืองบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหม เพราะต้องบอกว่าเขาบริหารงานได้ดี เรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้กับนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เข้ามาแล้วไม่เขย่าให้ป่วน
อย่างเรื่องยกเลิกทหารเกณฑ์ก็มีความชัดเจนว่าต้องการให้มียอดสมัครใจให้ครบจะได้ไม่ต้องเกณฑ์ ขณะที่สิ่งดีๆ ที่มีอยู่แล้วก็ไม่ได้ยกเลิก เช่น การฝึกอาชีพ ซึ่งเมื่อทหารเกณฑ์ปลดประจำการแล้วก็อาจขับรถได้ ใช้คอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีเป็น หรือมีทักษะด้านงานช่าง ประการต่อมา สโมสรกอล์ฟของทหารที่มีคำถามว่ามีไว้เพื่ออะไร ปัจจุบันมีการทำมาส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) มีการส่งเสริมแคดดี้มืออาชีพ นำโค้ชมาทำเรื่องกีฬา เพราะวันนี้กีฬาเป็นธุรกิจบันเทิง
หรือเรื่องการลดตำแหน่งระดับชั้นยศนายพล ตนก็คิดว่าทำได้ดี รวมถึงการลดภาระการพึ่งพาอาวุธยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศ เพราะสามารถผลิตอาวุธปืนและกระสุนที่จำเป็นได้เอง อย่างน้อยร้อยละ 70 - 80 ส่วนเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ ตนขอสวนกระแสที่มีการพูดกันมากเรื่องเรือดำน้ำไม่มีความจำเป็น หรือโลกเขาเลิกรบกันแล้ว ขอให้ดูสถานการณ์ปัจจุบัน พื้นที่ทะเลแดงหรือทะเลดำ ต้องใช้เรือหรือไม่
กับอีกประเด็นหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครพูดกัน คือการส่งออกสินค้าของไทยร้อยละ 80 - 90 ส่งออกทางเรือ แล้วเราจะไม่คุ้มครองทรัพย์สินของคนไทยหรือ มีเรือดำน้ำอย่างน้อยก็มีอำนาจต่อรองทางทะเล ซึ่งการที่ประเทศไทยไม่มีเรือดำน้ำทำให้อำนาจต่อรองทางทะเลอยู่ในอันดับร้อยกว่าๆ ในขณะที่เมียนมาหรือเวียดนามอยู่ในอันดับสูงกว่า ประมาณอันดับที่ 50 - 60 เพราะมีเรือดำน้ำ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ อย่างวันนี้มีข้อขัดแย้ง ข้อพิพาทในทะเลเรื่องแหล่งก๊าซ 3 ล้านล้านบาท แล้วบอกเรือดำน้ำราคาเท่าไร
และไม่ได้หมายความว่ามีแล้วต้องไปรบโดยตรง ลองนึกถึงการมีปืนติดไว้ที่บ้าน ถามว่าโจรขโมยจะกล้าบุกบ้านหรือไม่ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าต้องใช้ตลอดเวลา เรือดำน้ำมีหลักอยู่ตรงนี้ ส่วนเรื่องงบประมาณด้านความมั่นคง ที่เห็นวันนี้ให้ความสำคัญ ตนก็ต้องบอกว่าเป็นไปตามยุคสมัย หากมองเรื่องภูมิรัฐศาสตร์จะเป็นการเมืองที่บังคับให้เลือกข้างในเวทีต่างประเทศ อย่างปัจจุบันกับเมื่อ 3 ปีก่อน ต้องบอกว่าสถานการณ์ต่างกันมาก
“วันนี้ปะทุแล้วคือที่ตะวันออกกลาง ปะทุแล้วอยู่ที่ชายขอบยุโรป วันนี้ทะเลจีนใต้ วันนี้ไต้หวันมีปัญหา ฉะนั้นประเทศไทยก็ต้องทำการทูตให้ดีๆ ความมั่นคงอำนาจต่อรองมาจากปากกระบอกปืน หลักการนี้ยังไม่เปลี่ยรแปลง ท่านลองเทียบได้ ญี่ปุ่นเคยเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก ทำไมญี่ปุ่นไม่ทรงพลัง เพราะญี่ปุ่นไม่มีกองทัพเหมือนกับสหรัฐอเมริกา เรื่องนี้ต้องให้ความสำคัญเพราะเป็นความมั่นคงของประเทศ ถ้าประเทศไม่มีความมั่นคงแล้วอย่างอื่นก็ไม่มีใครมา” นายจุติ ระบุ
ชมคลิปเต็มได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=p2MHRQ3OQQo
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี