‘นายกฯ-อุ๊งอิ๊ง’เว้าอีสาน! Kick Off 30 บาทรักษาทุกที่ ช่วยคนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น

‘นายกฯ-อุ๊งอิ๊ง’เว้าอีสาน! Kick Off 30 บาทรักษาทุกที่ ช่วยคนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น

วันอาทิตย์ ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2567, 19.53 น.

"เศรษฐา"บินร้อยเอ็ด Kick Off 30 บาทรักษาทุกที่ ขณะที่"อิ๊งค์"เว้าอีสานทักทาย บอกจุดกำเนิดเริ่มจาก"รบ.ทักษิณ" 22 ปีก่อนท่ามกลางข้อครหา-เจอวาทกรรมแง่ร้ายมากมาย มาวันนี้"รบ.เศรษฐา"เดินหน้าต่อยอด "นายกฯ"เอาบ้างเว้าอีสานด้วย สบายดีบ่ บอกหวังเป็นนโยบายช่วยคนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2567 เวลา 16.29 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พร้อมคณะ อาทิ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ , นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย , นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานร้อยเอ็ด เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ร้อยเอ็ด โดยนายกฯ เป็นประธานกิจกรรม Kick off "30 บาทรักษาทุกพื้นที่" ณ ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวต 101


โดยเวลา 17.30 น.นายกฯ พร้อมคณะ เดินทางถึงสนามบิน จ.ร้อยเอ็ด โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ อสม.ในพื้นที่รอให้การต้อนรับ โดยนายกฯ ได้เข้าห้องรับรอง เพื่อเปลี่ยนสวมเสื้อผ้าไทยลายทางน้ำตาลแดงด้วย จากนั้นเดินทางจากท่าอากาศยานร้อยเอ็ด ไปร่วมกิจกรรม Kick off "30 บาทรักษาทุกที่" ณ ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวด 101 โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ ใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าอัลฟาร์ด สีขาว หมายเลขทะเบียน จท 101 กรุงเทพมหานคร

เมื่อนายกฯ เดินทางมาถึงจุดเปิดงาน ปรากฏว่าได้มีประชาชนนับหมื่นคนมารอต้อนรับให้กำลังใจ พร้อมกับชมว่าเสื้อที่ใส่สวยมาก โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณพื้นที่ที่ได้จัดเตรียมเสื้อไว้ให้ ขณะที่ประชาชนได้พร้อมกันชูบัตรประชาชนจำลอง เพื่อแสดงสัญลักษณ์การได้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกที่ โอกาสนึ้นายกรัฐมนตรียังได้เดินทักทายและถ่ายรูปร่วมกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ครั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข เดินทางมาร่วมกิจกรรมด้วย

จากนั้น นายกฯ พร้อมคณะ ได้ร่วมรับชมการแสดงชุด "Amazing ร้อยเอ็ด นโยบายดีๆ เพื่อคนไทย" และ VTR "นโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่" ซึ่งเป็นการคลิกออกพร้อมกันทั้ง 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ร้อยเอ็ด , จ.เพชรบุรี , จ.แพร่ และ จ.นราธิวาส

ด้าน น.ส.แพทองธาร ขึ้นกล่าวทักทายชาวร้อยเอ็ดด้วยสำเนียงอีสาน ว่า "ขอบคุณหลายๆ ที่มากันคักขนาด" พร้อมกล่าวที่มาที่ไปของโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ว่า วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มายืนตรงนี้ ได้มาสื่อสารสิ่งที่รัฐบาลกำลังต่อยอดจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกๆ คนมาตลอดเวลากว่า 22 ปี วันนี้จะเป็น 1 วันประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เพราะระบบสาธารณสุขไทยจะได้รับการยกระดับให้ทันสมัยขึ้น ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี รวบรวมข้อมูลเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้ระบบสาธารณสุขดีขึ้นเรื่อยๆ และให้พี่น้องประชาชนได้รับการบริการที่ดีขึ้นมีคุณภาพมากขึ้นเข้าถึงง่ายขึ้น

โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค มีมานานกว่า 22 ปี วันนั้นเราสร้างความเปลี่ยนแปลงให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะพัฒนานโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ให้เป็นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยมีระบบมากขึ้น นอกจากรักษาฟรี ยังบริการดีทั่วถึงและทันสมัยมากขึ้น

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนั้นมี นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลได้เพียง 2 เดือน ก็เริ่มมีจังหวัดนำร่องในการทำโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ทยอยทำจนครบทั่วทั้งประเทศ วันนี้รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน 7 มกราคม 2567 ถือเป็นวันเริ่มต้นนโยบาย โดยนำร่อง 4 จังหวัด คือ แพร่ เพชรบุรี นราธิวาส และร้อยเอ็ด ซึ่งจังหวัดอื่นรอไม่นานจะครอบคลุมทุกประเทศ

"เราจะไม่ต้องรอ เสียเวลาวุ่นวายที่โรงพยาบาล ไปหาโรงพยาบาลตามทะเบียนบ้าน ไม่ต้องเสียเวลาทั้งวันเพื่อไปรอ ไม่ต้องรอรับยานานเกินไป ตรวจเลือดซักประวัติก่อนพบหมอ สามารถทำได้เลยในสถานีอนามัย หรือคลินิกใกล้บ้านที่เป็นเครือข่าย สปสช.และในบางกรณีไม่ต้องมาโรงพยาบาล สามารถใช้ telemedicine พูดคุยกับคุณหมอผ่านทางออนไลน์ และเมื่อเรารับยาไปสามารถปรึกษากับเภสัชผ่านออนไลน์ เห็นหน้าพูดคุยได้ด้วย สามารถทำนัดออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม"

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบายนี้จะสามารถ เปลี่ยนชีวิตของพี่น้องได้ไปตลอดกาลเหมือนที่ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำมาแล้ว 22 ปีที่แล้ว เราเริ่มที่ 8 เมษายน วันนี้เราเริ่มที่ 7 มกราคม เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป จะทำให้นโยบายของเราสามารถพัฒนาอย่างแข็งแรงขึ้น และแน่นอนว่า รัฐบาลจะสานต่อโครงการที่ดีมากๆ อยู่แล้วให้ดีขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ตามยุคตามสมัยเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ ขอขอบคุณผู้ที่ผลักดันและสร้าง 30 บาทรักษาทุกโรค ทั้ง นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และการผลักดันของนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้ประเทศไทยมีโครงสร้างหลักประกันสุขภาพที่ดี ถ้าไม่มีโครงการ 30 บาทในวันนั้น วันนี้เราคงทำงานได้ยากกว่า แม้ในตอนนั้นจะมีหลายครหาที่ไม่เข้าใจ มีวาทกรรมในแง่ร้ายมากมาย วันนี้ทุกท่านให้เห็นแล้วว่า 30 บาทรักษาทุกโรค ได้เปลี่ยนชีวิตของพี่น้องประชาชนได้ดีขึ้นจริงๆ นั่นแปลว่านโยบายที่ดีสามารถเปลี่ยนชีวิตของเราได้ วันนี้รัฐบาลกลับมารับไม้ต่อทำให้ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็น 30 บาทรักษาทุกที่ เราจะไม่หยุดพัฒนานโยบายที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

ด้าน นายเศรษฐา ได้กล่าวกล่าวทักทายด้วยสำเนียงอีสาน ว่า สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง ผมเศรษฐาเด้อ สบายดีบ่ พร้อมกล่าวต่อว่า ผมรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเปิดงานนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ในวันนี้ก่อนสิ่งอื่นใดต้องขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สาขาวิชาชีพต่างๆ รวมทั้งประชาชนพี่น้อง อสม.ใน จ.ร้อยเอ็ด และทุกจังหวัดนำร่อง ที่ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว นับเป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันผลักดันนโยบายนี้ให้สำเร็จเป็นรูปธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

ทั้งนี้ การยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ประชาชนสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลทุกเครือข่ายทั้งรัฐและเอกชน เป็นหนึ่งนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนทุกกลุ่มในทุกพื้นที่ นับเป็นนโยบายเน้นหลักของกระทรวงสาธารณสุข นโยบายนี้ผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจากหน่วยบริการทุกระดับทุกสังกัด เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลของบุคลากรทางแพทย์บริการให้เป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะ นำเทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดบริการสุขภาพแก่ประชาชนทางไกล ถ้าเราเห็นความสำคัญของพี่น้องประชาชน จึงนำดิจิตอลมายกระดับบริการสุขภาพดิจิทัล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการคุ้มครองส่วนบุคคลเป็นสำคัญ เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล ลดระยะเวลาการรอคอย และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง มีพลังในการดำเนินชีวิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป

"ขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกครั้ง ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวให้สำเร็จด้วยดี และขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวร้อยเอ็ด พี่น้อง อสม.และจังหวัดนำร่อง ที่รับชมผ่านระบบออนไลน์ สละเวลามาร่วมงานในวันนี้ ขณะนี้ได้เวลาอันสมควรแล้ว ขอเปิดนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ณ บัดนี้"

จากนั้น นายกฯ ได้ถ่ายรูปหมู่กับรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งถือเป็นการเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top