“สมศักดิ์”หารือตัวแทนสันติสุขมาเลเซีย วางกรอบทำงานเร่งแก้ปัญหาให้รวดเร็ว “ฉัตรชัย”หวังคลอดแผน เม.ย.67 หวังมีข้อตกลงร่วมกัน ธ.ค.หรือต้นปี 68
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ให้การต้อนรับ พล.อ.ตันศรี ดาโต๊ะ สรี ซุลกิฟลี ไซนัล อะบีดิน ผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากนั้น นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางแก้ปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ว่า จะมุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่ให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น ส่วนการหารือกับ พล.อ.ตันศรี ในวันนี้เป็นการสร้างความเข้าใจระหว่างภาคส่วนราชการของไทยและมาเลเซียเพื่อให้การทำงานลงตัว เหมือนการสร้างระเบียบเพื่อให้การทำงานใช้เวลาไม่นาน รวมถึงกำหนดกฎเกฑณ์ในการพูดคุยว่าจะพูดคุยได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร ส่วนจะมีการพูดคุยสันติสุขครั้งต่อไปเมื่อไหร่นั้น ยังไม่ทราบ เพราะวันนี้เป็นการพูดคุยเพื่อเตรียมความพร้อมการทำงานให้เกิดความรวดเร็ว เพื่อให้ไทยกับมาเลเซีย จับมือกันพัฒนาเศรษฐกิจแข่งกับประเทศอื่นๆ ได้
เมื่อถามถึงกรณีภาคประชาสังคมยื่นหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ ว่าถูกภาครัฐใช้การดำเนินคดีเป็นการปิดปากกว่า 40 คดี จะสวนทางกับการพูดคุยสันติภาพหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเรายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในบางอำเภอ แล้วใช้กฎหมายความมั่นคงแทนก็จะทำให้การแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ง่ายขึ้น เราพยายามยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในบางอำเภอออกไป ขอยืนยันว่าทั้งสองประเทศต้องทำหลักการให้ชัดเจนและดำเนินไปตามแนวทางที่วางร่วมกันเพื่อไปสู่เป้าหมาย
ขณะที่ นายฉัตรชัย บางชวด รักษาการเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุว่า การหารือกันในวันนี้เพื่อนำคณะพูดคุยของฝ่ายรัฐทั้ง 2 ประเทศ มาพูดคุยกัน กำหนดแนวทางการทำงาน และขั้นตอนที่จะไปพูดคุยที่มาเลเซีย โดยยืนยันว่า จะมีการสานต่อการพูดคุยสันติสุขในแนวทางเดิม โดยใช้แผนสันติสุขแบบองค์รวม คาดว่าจะมีการพิจาณาร่างดังกล่าวในเดือน มิ.ย.67 โดยตัวแทนผู้อำนวยความสะดวกของไทย จะไปพูดคุยกับฝั่งมาเลเซีย อาจจะมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการพูดคุยเจรจากันภายในเดือน ก.พ.67
ทั้งนี้ ไทยมีเป้าหมายรับรองแผนฉบับดังกล่าวในเดือน เม.ย.67 ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้มากขึ้น โดยมีเรื่องการลดความรุนแรง การเผชิญหน้า การเปิดเวทีสาธารณะ รวมไปถึงการแสวงหาทางออกทางการเมือง หวังว่าร่างฉบับนี้จะนำไปสู่ความสงบสุขในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยในขั้นต้นคาดว่าจะมีข้อตกลงสันติสุขภายในเดือน ธ.ค.67 หรือช่วงต้นปีหน้า แต่ปัจจุบันขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสภาพแวดล้อม และยืนยันว่า จะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม หรือ JCPP ที่ทำกับ BRN เดิม ซึ่ง BRN เป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนได้ส่วนเสีย และคนในพื้นที่ก็มีส่วนสำคัญ จึงจำเป็นต้องเปิดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังปัญหา ซึ่งสุดท้ายต้องเป็นเรื่องของคนไทยด้วยกันเองที่ต้องหาข้อสรุปร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว แต่เรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจก็เป็นส่วนสำคัญ จึงจำเป็นต้องให้ทางการมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก ซึ่งที่ผ่านมาใช้ระยะเวลาหลายปีในการสร้างความไว้วางใจ เพื่อให้ผู้เห็นต่างเชื่อมั่นว่ารัฐมีความจริงจังที่จะแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่า เรื่องที่กองทัพภาคที่ 4 แจ้งความดำเนินคดีในกรณีการสวมชุดมาลายูอาจสวนทางกับกระบวนการพูดคุยจะมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลอย่างไร ฉัตรชัย กล่าวว่า อาจเป็นความเข้าใจผิด ไม่ได้มีข้อห้ามใดๆทั้งสิ้น เป็นไปตามนโยบายจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล เป็นเรื่องสิ่งสวยงาม อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ทุกส่วนสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ส่วนการกระทำความผิดบางส่วนก็เป็นเรื่องของกองทัพภาค 4 ที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ แต่ทั้งหมดต้องมีการพูดคุยกันภายในหาจุดลงตัวเหมาะสม ซึ่งตนมองว่าอาจมีบางส่วนเห็นต่างและสุ่มเสี่ยง ตนมองว่า ปล่อยให้กระบวนการดำเนินการไป ส่วนเรื่องการพูดคุยกันภาพใหญ่ก็จะดำเนินการต่อไป เนื่องจากมีประชาชนในพื้นที่ต้องการให้ดำเนินการต่อ ซึ่งต้องดำเนินการคู่ขนานกันต่อไป
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี