‘อรรถวิชช์’ชวนชาวกรุงแสดงความเห็นร่างผังเมืองใหม่ ฝาก‘กทม.’จุดไหนไม่เหมาะสร้างตึกสูงก็ควรห้าม
วันที่ 10 มกราคม 2567 นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และอดีต สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการ “แนวหน้าTalk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ซึ่งมี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย เป็นพิธีกร ในประเด็นผังเมืองกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า หากเป็นคนที่เดือดร้อนและเฝ้าติดตามสถานการณ์จะสนใจเรื่องนี้ เช่น ซอยบ้านกำลังจะถูกขยายและสามารถสร้างตึกสูงได้ หรือทราบว่าผังเมืองฉบับใหม่จะทำให้ที่ดินของตนเองถูกเวนคืน
ซึ่งโดยปกติแล้ว พ.ร.บ.เวนคืนที่ดิน จะรู้ว่าต้องการที่ดินแบบไหนบ้างก็ต่อเมื่อเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร แต่ก่อนหน้านั้นจะอยู่ในผังเมืองก่อน และหากผังเมืองผ่านแล้ว อีกไม่นานก็จะมี พ.ร.บ.ผังเมือง ไปเวนคืนที่ดินดังกล่าว ดังนั้นผังเมืองจึงเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องรับรู้และไปแสดงความคิดเห็น เพราะหากไม่แสดงความคิดเห็นเผลอๆ ที่ดินบ้านเราจะหายไป ในซอยมีตึกสูงเกิดขึ้น หรือพื้นที่ที่เคยถูกใช้รับน้ำก็จะหายไป โดยผังเมืองจะถูกทบทวนและทำใหม่ทุกๆ 5-6 ปี แต่รอบนี้ที่เป็นรอบใหญ่เพราะไม่เคยถูกทบทวนสำเร็จมานาน
โดยกลไกจะเริ่มตั้งแต่สำนักผังเมืองจัดทำผังเมือง หากประชาชนไม่ว่าอะไรก็คือผ่าน จากนั้นก็จะไปดูงบประมาณประจำปีว่าพร้อมหรือไม่ หากพร้อมก็จะออก พ.ร.บ.เวนคืนที่ดิน และเวนคืนตามที่วางไว้ในผังเมือง หรือผังเมืองเดิมสร้างอพาร์ตเมนท์หรือตึกสูงไม่ได้ ผังเมืองใหม่ก็สามารถแก้ให้สร้างได้ โดยเฉพาะเมื่อโครงการรถไฟฟ้าผ่านไปที่ไหน ตามแนว 2 ข้างรางนั้นก็จะมีการพัฒนา หากประชาชนไม่ดูให้ดี สภาพแวดล้อมที่บ้านก็จะเปลี่ยนไป
ทั้งนี้ การรับฟังความคิดเห็นร่างผังเมืองใหม่ของ กทม. ทำมาแล้ว 6 ครั้ง ล่าสุดคือครั้งที่ 7 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2567 ณ ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) ตนก็เรียกร้องว่าอยากให้ขยายเวลาเพื่อรับฟังประชาชนให้มากขึ้น ไม่ใช่ฟังแต่ทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยหากดูการเปิดเวทีครั้งก่อนๆ เช่น วันที่ 23 ธ.ค. 2566 – 6 ม.ค. 2567 คือ 6 -7 ครั้ง ก็ทำอยู่ในห้วงเวลานี้ ถามว่าช่วงนี้คนอยู่ใน กทม. มาก-น้อยเพียงใด เพราะอยู่ในช่วงส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่
แน่นอนว่าบริษัทอสังหาฯ ก็มีสิทธิ์ให้ความเห็นกับ กทม. และตนก็ไม่ได้รังเกียจทุนเหล่านี้เพราะเป็นผู้ที่จะไปสร้างย่านการค้า นอกจากนั้นเห็นร่างผังเมืองแล้วตนก็เห็นภาพชัดว่า กทม. รับฟังกลุ่มทุนอสังหาฯ ไปแล้วจริงๆ ซึ่งการเอื้อเอกชนรายใหญ่ก็ไม่ผิดตราบใดที่เป็นประโยชน์สาธารระร่วมกัน อย่างล่าสุด กทม. ก็แถลงว่าดูประโยชน์สาธารณะเป็นตัวตั้ง แต่หากวันใดที่ประโยชน์สาธารณะที่รายใหญ่อ้างขัดกับมวลชน เมื่อนั้นก็ต้องให้ความสำคัญกับมวลชน แต่ประเด็นคือผังนี้ไม่ไดรับฟังมวลชนอย่างทั่วถึง
คำถามต่อมาคือชาวบ้านเดือดร้อนอะไร 1.เส้นทางลัด เช่น ถ.ราชพฤกษ์ ตัดใหม่ หรือซอยเอกชัย 30 ที่สามารถทะลุกับซอยเอกชัย 33 เหตุใดไม่บรรจุไว้ในผังเมืองใหม่ฉบับนี้ด้วย ซอยกำนันแม้นที่สามารถขยายถนนได้เพื่อระบายการจราจรในเขตจอมทองก็ไม่มีในผังเมือง แต่จะไปตัดถนนเส้นใหม่ขนาดใหญ่ซึ่งมีการเวนคืนที่ดิน ซึ่งหากไปฟังชาวบ้าน บอกได้เลยว่าเขาอยากได้ทางลัดมากกว่า หากใช้การขยายทางเดิม-เพิ่มทางลัด จะรู้มากขึ้นว่าที่ดินแปลงไหนมี ตรงไหนออกได้
“เคยเจอไหม? บางแปลงที่ว่าโดนที่เอกชนขวางสนุ๊กอยู่ แล้วงบฯ กทม. ก็เข้าไปพัฒนาไม่ได้เพราะถนนเส้นนี้มันเป็นถนนเอกชนในหมู่บ้าน เป็นที่เอกชนใม่ใช่ที่สาธารณะ กทม. เอางบประมาณทำถนนได้ไหม? เอาไฟฟ้าส่องสว่างเข้าได้ไหม? ขยะก็ไปเก็บไม่ได้ด้วย คำถามคือถนนเหล่านี้ไม่อยู่ในแผนนี้เพื่อทำการเวนคืน? ก็ไมได้ไปถามเขาไง ผมไม่ว่าถ้าจะไปเอื้อทุนอสังหาฯ ใหญ่ เพราะเขาก็มีส่วนในการสร้างเมืองร่วมอยู่แล้ว แต่คนตัวเล็กคุณไปฟังเขาหรือยัง?” นายอรรถวิชช์ กล่าว
นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อไปว่า ยกตัวอย่างเขตจตุจักรและเขตพญาไท ซึ่งตนค่อนข้างชำนาญพื้นที่ อย่างซอยรัชดาภิเษก 42 มีข้อกำหนดว่าถนนในซอยต้องกว้างมากกว่า 6 เมตร จึงจะทำตึกสูงได้ วิธีการก็คือวัดจากกำแพงบ้านฝั่งหนึ่งถึงกำแพงบ้านอีกฝั่งหนึ่งของถนน หากเกินมา 1 เซนติเมตร ก็ถือว่าผ่านแล้วเพราะกฎหมายกำหนดให้ยึดแนวกำแพงเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงในซอยมีกระถางต้นไม้ ไม่มีทางเท้า วัดจริงได้ 4.5-5 เมตร หรือโครงการบางรูปแบบก็กำหนดไว้ที่ 12 เมตร ก็ใช้วิธีวัดแบบเดียวกัน
และแม้จะมีข้อกำหนดให้การก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าคอนโดมิเนียมหรือหมู่บ้านจัดสรร ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งหนึ่งในขั้นตอนคือการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นชุมชนโดยรอบ แม้ชาวบ้านจะทักท้วงว่าถนนในซอยคับแคบรถวิ่งสวนกันยังแทบไม่ได้ ยิ่งรถขนาดใหญ่ เช่น รถขยะ รถดังเพลิง ไม่มีทางวิ่งสวนกันได้ แต่ทุนอสังหาฯ มักใช้วิธีจัดเวทีกันแบบเงียบๆ ชาวบ้านรู้ตัวอีกทีคือโครงการได้รับการอนุญาตให้ก่อสร้างแล้ว ซึ่งก็เห็นบางโครงการที่สุดท้ายมีปัญหาจนต้องทุบทิ้ง
ตนจึงตั้งคำถามถึง กทม. ว่าทำไมบางพื้นที่ไม่กำหนดไปเลยว่าห้ามสร้างตึกสูง อย่างในเขตพระนครหรือเขตดุสิตก็มีการกำหนดแบบนั้น โดยให้เหตุผลว่าเป็นพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ แต่พื้นที่อย่างซอยราชครูหรือซอยอารีย์ ในเขตพญาไท ประชาชนต้องออกมาคัดค้านทุกครั้งที่มีข่าวว่าจะมีโครงการตึกสูงมาก่อสร้าง เหตุใดไม่กำหนดห้ามสร้างบ้าง จะได้ไม่ต้องเถียงกันอีก ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่า “ผังเมืองเฉพาะ” ที่คน กทม. ต้องออกไปแสดงความคิดเห็น ที่ผ่านมา กทม. คิดแต่มุมการเติบโต แต่ไม่เคยคิดในมุมความสุข
เห็นได้จากสีผังเมืองจากอ่อนก็มีแต่จะเข้มขึ้นทุกวันๆ เขียวกลายเป็นส้ม เป็นแดง เข้มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่คิดถอยกลับบ้างหรือ? หากซอยไหนที่เต็มแล้วก็ควรจะไปพัฒนาที่อื่นไม่ใช่กระจุกอยู่จุดนั้นที่เดียว คือการเกิด “เมืองไกล (Satellite Town)” ทุกวันนี้สามารถเกิดได้ เพราะมีรถไฟฟ้าไปไกลหลายสาย ดังนั้นก็ควรคิดได้แล้วว่าในย่านกลางเมืองที่การพัฒนามาถึงขีดสุด ยังสมควรจะยัดอะไรเพิ่มลงไปอีกหรือไม่ อย่างตนเห็นว่าพอแล้ว เพราะบางพื้นที่ชาวบ้านเขาก็ขอให้พอได้แล้ว อย่างเขตพญาไทชาวบ้านเข้มแข็งทุกซอย ใครอยากสร้างตึกสูงตรงนั้นมีเหนื่อยแน่
“ผมสงสารชาวบ้าน พอตกวันอาทิตย์แทนที่จะไปเที่ยวเล่น พาลูกไปเที่ยวต่างจังหวัด ต้องมานั่งเฝ้า EIA ตึกสูง แล้วเผลอไม่ได้ มันมาอีกแล้ว ทำไม กทม. ไม่คิดมุมกลับ? ก็เปลี่ยนสีสิ ซอยเส้นนี้สร้างไม่ได้ก็ขีดว่าสร้างไม่ได้ ต่อให้กำแพงชนกำแพงมัน 6 เมตร หรือ 12 เมตรก็ตาม เมื่อเราดูแล้วชนกำแพงมัน 6 เมตร หรือ 12 เมตรก็จริง แต่มันมีกระถาง จุดเลี้ยวเลี้ยวไม่พ้น หรือท่อน้ำมันต้องเปลี่ยนให้ขนาดใหญ่ขึ้นไหม? ระบบการ Drain (ถ่าย) น้ำไม่พอ แล้วเราคิดว่างบประมาณ กทม. จาก 4-5 ปีจากนี้เราก็ยังไม่ได้ไปทำอะไรให้เขา แล้วคุณจะให้เขาสร้างทำไม ก็สงวนเป็นพื้นที่อยู่อาศัยไปเลย” นายอรรถวิชช์ ระบุ
นายอรรถวิชช์ ยังเชิญชวนผู้อยู่อาศัยใน กทม. เข้าไปตรวจสอบและแสดงความคิดเห็นร่างผังเมืองฉบับใหม่ได้ โดยสแกน QR Code หรือคลิกที่ Link https://cpudapp.bangkok.go.th/cityplandraft4/frontend/web/ ซึ่งระบบจะมีให้เลือกดูหลายหมวด เช่น ผังจำแนกประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน (ที่มีแบ่งเป็นสีต่างๆ) ผังการคมนาคม ผังทรัพยากรธรรมชาติ ผังที่โล่ง ผังแสดงการผันน้ำ
ซึ่งเมื่อเข้าไปดูแล้วหากมีเรื่องใดไม่สบายใจหรืออยากเสนอแนะ เช่น บึงรับน้ำที่เคยมีหายไป ไม่อยากให้ตัดถนนผ่านหน้าบ้าน ไม่อยากให้สร้างตึกสูงในซอยอีก หรืออยากให้มีการทำทางลัดตรงนั้น อยากให้สร้างสะพานตรงนี้ โดยก่อนหน้านี้จะมีแบบฟอร์มเป็นกระดาษให้กรอกแต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว ก็ให้กรอกข้อมูลทางออนไลน์ โดยจะรับฟังความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 22 ม.ค. 2567
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี