‘กมธ.ต่างประเทศ’ ถกชงรัฐบาลเปิดช่องทางขึ้น ‘เขาพระวิหาร’ ฟื้นท่องเที่ยว ฝ่ายความมั่นคง ยันพร้อมสนับสนุนภายใต้การทำหน้าที่รักษาอธิปไตยชาติ ย้ำยึดถือแผนที่ทางการ-กรมแผนที่ทหาร
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายนพดล ปัทมะ เป็นประธาน มีวาระพิจารณาเรื่องการเปิดทางขึ้นชมปราสาทพระวิหาร อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ โดยเชิญหน่วยงาน ประกอบด้วย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เจ้ากรมแผนที่ทหาร แม่ทัพภาคที่ 2เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เข้าร่วมชี้แจง
ทั้งนี้พ.อ.ไชยณรงค์ ปุยอรุณ ผอ.กองเขตแดนระหว่างประเทศ กรมแผนที่ทหาร ชี้แจงเรื่องเส้นเขตแดนแต่เป็นเรื่องการเจรจากันต่ออยู่ที่ความพร้อมใจของทุกฝ่ายว่า ในการทำหน้าที่ได้สนับสนุนข้อมูลทำหลักเขตแดนร่วมไทยกัมพูชา (JBC ) ปัจจุบันมีการสำรวจและซ่อมแซมหลักปฏิบัติงานเดิม 73 หลัก โดยที่จ.ศรีสะเกษและอุบลราชธานี ไม่มีการสร้างหลักเขตแดน ซึ่งกรมแผนที่ทหารจึงยังไม่ได้เข้าทำงานพื้นที่นี้ร่วมกับกัมพูชา ส่วนเรื่องการเปิดประตูรั้ว ใกล้เขาพระวิหาร มีการสนับสนุนข้อมูลให้ภายใต้การเจรจาภายใต้คำพิพากษาศาลโลก
“โดยจุดที่เป็นประตูรั้วอยู่ใกล้ห้วยตานี หากพิจารณาตามแผนที่ L7018 ยังเป็นเส้นตามมติ ครม. ปี 2505 ดูยังไม่ใช่แนวเขตที่เจรจาร่วมกัน แต่ในการปฏิบัติงานยังคงยึดถือแผนที่นี้” พอ.ไชยณรงค์ กล่าว
ส่วนนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ในอดีตเคยรับประชาชนเข้าเยี่ยมชมปราสาทเขาพระวิหาร แต่มีการปิดเมื่อ เดือนมิ.ย.ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน โดยมีความพยายามที่จะเปิดปราสาทพระวิหาร โดยจะเริ่มวันที่ 19 ม.ค. 2566 ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามความเห็น โดยหน่วยงานเห็นว่าเป็นเรื่องของนโยบายส่วนกลางจะพิจารณาส่วนระดับพื้นที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จึงเสนอให้รัฐบาลทั้งสองประเทศพิจารณาเปิดประตูเหล็กเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
“หน่วยงานระดับอำเภอมีการประชุม 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2566 และวันที่ 8 พ.ย. 2566 มติที่ประชุมเห็นในทางเดียวกัน เห็นชอบคำขอเสนอให้รัฐบาลไทยและกัมพูชา พิจารณาเปิดประตูเหล็ก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กับประชาชนในพื้นที่ นี่คือการประชุมระดับอำเภอกันทรลักษณ์" นายอนุพงศ์กล่าว
นายอนุพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนภาคเอกชนมีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) วันที่ 5 ก.ย. 2566 มีความเห็นว่าจะขอกดดันผ่านหอการค้าส่วนกลางเพื่อให้ร่วมขับเคลื่อนให้เปิดเขาพระวิหารเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจ นอกจากนั้นยังมีการประชุมเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2566 ที่จ.ศรีสะเกษ โดย กรอ. เสนอหอการค้าส่วนกลางแล้วด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นในส่วนคนพื้นที่และภาคเอกชนเห็นสอดคล้องไปในทางเดียวกัน ประสงค์ขอให้ทางรัฐบาลร่วมมือกับกัมพูชาเพื่อขอเปิดเข้าพระวิหาร เพื่อการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว ระหว่าง 2 ประเทศ
นายอนุพงศ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ รมว.กลาโหม ได้ลงพื้นที่มาแล้ว และตอบกลับที่จะนำประเด็นดังกล่าวมาขับเคลื่อนในส่วนกลาง สนับสนุนให้มีการเปิดเขาพระวิหาร รวมถึง รมว.มหาดไทยที่ได้แจ้งกับทางจังหวัดว่าให้การสนับสนุนเพื่อดำเนินนายกรัฐมนตรี ต่อยอดหลังจากที่นายกได้ไปเยือนกัมพูชา สุดท้ายทางจังหวัดยังมีข้อเสนอให้เปิดจุดผ่อนปรนการท่องเที่ยว ช่องทางการขึ้นของพระวิหารในอ.กันทรลักษณ์ เป็นการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ศิลปะ วัฒนธรรมการท่องเที่ยว โบราณสถาน ซึ่งทุกฝ่ายพร้อมดำเนินการขับเคลื่อนในเรื่องนี้
ขณะที่พล.ต.พรชัย มาหลิน รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ฝ่ายทหารมีความเข้าใจเห็นด้วยในการพัฒนาพื้นที่ชายแดน และส่งเสริมการพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในฐานะกองทัพบกเป็นกลไกหนึ่งของรัฐ ขณะเดียวกันมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งในการรักษาอธิปไตยจะยึดถือแผนที่จากทางการหรือแผนที่ที่จัดทำโดยกรมแผนที่ทหาร หรือ แผนที่ 1 : 5 หมื่นเป็นเครื่องมือที่หน่วยจะต้องดำเนินการ ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ แต่ในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในพื้นที่เส้นเขตแดน เขาบริหารจึงประเด็นอ่อนไหว ด้วยเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เคยเกิดขึ้นเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในขั้นต้น ในการใช้ประโยชน์ พื้นที่ร่วมกัน
ทั้งนี้มีรายงานในช่วงแรกของการประชุม นายนพดลเปิดใจถึงการต่อสู้คดีเขาพระวิหาร และทำให้ถูกฟ้องคดีทางการเมืองซึ่งมีความอัดอั้นตันใจมาตลอด 7 ปี อย่างไรก็ตามไม่ได้มีการอนุญาตให้สื่อมวลชนนั่งฟังตลอดการพิจารณาในวาระดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี