'วันนอร์' เล็งดึง 'ไอดีบี' หนุนเอสเอ็มอีไทย บอกเยือนซาอุฯ ผลตอบรับดียิ่ง พร้อมหาทางช่วยเหลือคนไทยไม่มีเงินจ่ายค่าใบถิ่นที่อยู่
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจ ของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ในการเยือนราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย อย่างเป็นทางการว่า วันที่ 19 ม.ค. นายวันมูหะมัดนอร์ ได้พบปะหารือกับ ดร.มาเนอร์ มูธาร์ รองประธานธนาคารอิสลามเพื่อการพัฒนา(ไอดีบี) และได้เยี่ยมชุมชนชาวมาลายูปัตตานี ในนครเมกกะ โดยนายวันมูหะมัดนอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า จากการพูดคุยกับทางธนาคารอิสลามเพื่อการพัฒนา ซึ่งเป็นธนาคารระดับโลกของมุสลิม และประเทศซาอุดิอาระเบียเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยมีประเทศอื่นร่วมถือหุ้นกว่า 67 ประเทศ
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวอีกว่า ธนาคารแห่งนี้ทำประโยชน์ให้กับประเทศไทยหลายด้าน โดยเฉพราะเรื่องทุนการศึกษา แก่นักศึกษาไทยในสาขาอาชีพที่จะนำความรู้มาพัฒนาประเทศ เช่น แพทย์ วิศวะ และจากที่ตนเป็นประธานกองทุนไอดีบีเพื่อพัฒนาการศึกษาในไทย มีข้อมูลว่าที่ผ่านมามีนักศึกษาได้รับทุนการศึกษาในสาขาอาชีพเหล่านี้จบการศึกษาไปแล้วไม่น้อยกว่า 600 คน บางคนเป็นผอ.โรงพยาบาลต่างๆ ไม่น้อยกว่า 10 โรงพยาบาล จากที่พูดคุยตนได้ขอให้ไอดีบีสนับสนุนทุนเพิ่ม เขาก็รับปากจะไปดู และอยากให้เขาเดินทางไปไทยเพื่อให้พูดคุยกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อดูแลเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพในการผลิตอาหารฮาลาล หรือสหกรณ์อิสลาม ถ้าได้รับการสนับสนุนจากไอดีบีการเติบโตก็จะดีขึ้น หวังว่าเขาจะส่งทีมไปหารือในเร็วๆ นี้ ถือว่าการหารือครั้งนี้เป็นประโยชน์มาก
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวอีกว่า สำหรับการพบปะชมรมชาวมลายูปัตตานี ในนครเมกกะนั้น ชุมชนดังกล่าวมีมานานกว่า 70-80 ปี รวบรวมคน และทรัพยากรช่วยเหลือคนไทยด้วยกันในซาอุฯ ปัญหาที่คนไทยในซาอุฯ พบเจออยู่ในตอนนี้คือเขาอยากให้รัฐบาลช่วยเกี่ยวกับใบถิ่นที่อยู่ หรือใบอนุญาติให้พำนัก ที่ทำให้สามารถทำงานได้ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ปัจจุบันรัฐบาลซาอุฯ ปรับนโยบายเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ทำให้คนที่อยากอยู่ต่อต้องเสียค่าใช้จ่ายปีละ 7-8 หมื่นบาท และยังต้องจ่ายในส่วนของครอบครัวที่ไม่ได้ทำงานด้วย
ซึ่งบางส่วนเป็นแม่ม่าย ที่ต้องทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในการเลี้ยงดูลูก ทำให้รายได้ไม่เพียงพอก็อยากกลับประเทศไทย แต่ต้องเสียค่าปรับที่ค้างอยู่ก่อนจึงไม่สามารถเดินทางกลับได้ ตนได้พูดกับเอกอักคราชทูตไทยประจำซาอุดิอาระเบีย ให้ประสานรัฐบาลซาอุฯ นิรโทษกรรมความผิดในส่วนนี้ เพื่อให้คนเหล่านี้ได้โอกาสเดินทางกลับไทยโดยไม่ต้องเสียค่าปรับ แล้วให้คนกลุ่มนี้เดินทางกลับประเทศไทยหลังการประกอบพิธีฮัจญ์ด้วยการไปกับเครื่องบินที่เดินทางกลับจากนครเมกกะ หลังส่งผู้แสวงบุญแล้วในเที่ยวบินที่ว่าง จะได้ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง แต่ถ้าต้องหาทุนมาจ่ายเป็นค่าปรับที่ค้างอยู่จากการคำนวนอยู่ที่ประมาณ 32 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่ไม่มากสำหรับการช่วยเหลือคนไทยที่ลำบากในต่างแดน เหมือนกรณีช่วยเหลือคนไทยที่เจอเหตุฉุกเฉินจนต้องอพยพ ตนหวังให้คนไทยเหล่านั้นได้พาลูกหลานกลับบ้านเกิดเมืองนอน
เมื่อถามว่าตัวเลข 32 ล้านบาท รัฐบาลควรทุ่มหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ ตอบว่า ตนมองว่าไม่มาก เช่น กรณีเกิดจราจลในต่างประเทศ คนไทยเดือดร้อนเราก็ต้องจ่ายเงิน เราจำเป็นต้องทำเพื่อดูแลคนไทยตามภาระหน้าที่
นายวันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวด้วยว่า การที่คณะรัฐสภาไทยเดินทางมาซาอุดิอาระเบีย วันที่ 16-19 ม.ค. ถือว่าได้ผลเป็นอย่างดียิ่งในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง เพราะหลังจากฟื้นความสัมพันธ์แล้ว ทางนายกฯ และฝ่ายเศรษฐกิจต่างเดินทางมาเยือนซาอุฯ ได้รับการต้อนรับอย่างดี และการที่รัฐสภามาเยือน ตามคำเชิญของสภาที่ปรึกษาราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ที่พระมหากษัตริย์ทรงเลือกมา ก็จะยิ่งช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น
อีกทั้งรัฐบาลทั้งสองมีการตกลงตั้งกลุ่มมิตรภาพซาอุฯ-ไทย และไทย-ซาอุฯ แลกเปลี่ยนการเยือนซึ่งกัน และกันยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ดียิ่งขึ้น การที่ตนได้เจอรัฐมนตรีกว่าการกระทรวงกิจการศาสนาอิสลาม การเผยแผ่ และการชี้แนะ ก็ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน เขาพร้อมอำนวยความสะดวกคนไทยที่มาทำพิธีฮัจญ์ให้ได้รับความสะดวกมากกว่าเดิม และพร้อมมอบทุนกันนักศึกษาไทยด้วย ถือว่าการเดินทางมาครั้งนี้สำเร็จเป็นอย่างดี
---017
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี