‘สตาร์ทอัพ’ชนะประกวดนวัตกรรมแต่ต้องออกเงินทำไปก่อน วอนหน่วยงานเบิกจ่ายงบตามสัญญา
วันที่ 25 มกราคม 2567 นายสกล สัจจเดว กรรมการผู้จัดการบริษัท tech care system จำกัด กล่าวในรายการ “แนวหน้าTalk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ซึ่งมี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย เป็นพิธีกร ในประเด็นการส่งผลงานเข้าประกวด ว่า เริ่มต้นทำเป็นไม้เท้าอัจฉริยะ ส่งประกวดโครงการ TED Youth Startup จัดโดย TED Fund หน่วยงานภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยเริ่มแข่งขันช่วงกลางปี 2565 และรู้ผลในช่วงปลายปีเดียวกัน และได้ทุนสนับสนุนในโควตาของภาคกลาง เป็นวงเงิน 1,485,000 ล้านบาท มีสัญญาชัดเจน
“ตอนนั้นเราเริ่มทำ ในระหว่างทางเราเสร็จในช่วง 1 ปี เราเสร็จแล้ว ตอนเริ่มต้นเราก็ทำไปก่อนแล้ว เราพัฒนาแล้ว เขาต้องให้เงินมาเพื่อให้เราทำต่อให้สำเร็จ ทำซอฟต์แวร์-ฮาร์ดแวร์ จริงๆ ไม้เท้าหลายท่านฟังอาจจะมองว่าไม้เท้าธรรมดาทำไมมันวุ่นวาย แต่อันนี้เป็นไม้เท้าอัจฉริยะซึ่งเมื่อเราจับปุ๊บเราจะบอกอาการต่างๆ ของคุณ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจน บอกการล้มไปหาญาติพี่น้อง” นายสกล กล่าว
นายสกล กล่าวต่อไปว่า ตนต้องการเงินทุนมาพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งทำไม่ง่ายและขณะนี้ก็ยังพัฒนาต่อ แต่เครื่องต้นแบบ (Prototype) สามารถใช้ได้แล้ว สามารถดุรายงานต่างๆ ได้เลย โดยการได้รางวัล TED Youth Startup ตามหลักแล้วตนต้องได้รับเงินทุนสนับสนุนเป็นงวดๆ ไป แม้ไม่ได้ระบุชัดเจนในสัญญาว่าอยู่ที่กี่งวด แต่โดยปกติคือ 3 งวด เริ่มตั้งแต่ 3 พ.ย. 2565 เป็นต้นไปแต่ไม่เกิน 12 เดือน หรือ 3 พ.ย. 2566 ซึ่งเล่าสุดได้ขยายมาเป็นเดือน เม.ย. 2567 แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยได้เงินแม้แต่บาทเดียว ต้องสำรองเงินไปก่อนแล้วกว่า 1 ล้านบาท
ซึ่งจริงๆ ตามงวดที่เราทำงานไปและวางบิลตามที่เขาบอก แต่ตนไม่เข้าใจว่าปัญหาเกิดขึ้นจากภายในองค์กรของเขาหรือด้วยเหตุใด เพราะเวลาตนไปวางบิลตามรอบเขาใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 1 เดือนแล้วก็เงียบไปจนผมโทรศัพท์ไปสอบถาม ได้รับคำตอบว่าหลุดรอบของการวางบิลไปแล้ว ทั้งนี้ ตนย้ำว่าในการวางบิลทุกครั้งตนทำรายงานความคืบหน้าของเนื้องานส่งแนบไปด้วย
ต่อมาในการวางบิลรอบที่ 2 ประมาณเดือน ส.ค. หรือ ก.ย. 2566 คราวนี้ทีมงานไปเองที่ อว. ไม่ส่งทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ไปนั่งตรวจสอบด้วยกัน ครั้งนี้ฝั่งเจ้าหน้าที่ TED Fund ก็บอกว่าครบ ให้รอได้เลย หากไม่ภายใน 1 เดือนก็ 45 วัน ผ่านไปประมาณ 2 เดือน ก็ยังเงียบ สักพักเจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาบอกว่าหลุดรอบบิลอีกแล้ว ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าตนทำผิดอะไร แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเดี๋ยวเงินจะเข้าประมาณต้นปี 2567 พอล่วงเข้าปี 2567 ตนก็โทรศัพท์ไปสอบถาม ก็ยังบอกว่าหลุดรอบบิลอีก ไว้ไปรอปิดโครงการแล้วกัน
“ผมบอกแล้วผมสำรองไปตั้งเยอะแล้ว งานเราก็เสร็จแล้ว แล้วเราจะทำอย่างไรต่อ แล้วเคยมีไหมโครงการแบบนี้ที่ว่างวด 1 งวด 2 หลุดแล้วไปเบิกทีเดียวงวด 3 เต็ม 1.5 ล้าน เขาก็บอกว่ายังไม่เคยมี แล้วทำไปทำมามันมีคำหนึ่งที่หลุดออกมาว่าอาจเป็น Fail Case (กรณีล้มเหลว) ผมก็บอกล้มเหลวได้อย่างไรในเมื่อไม้เท้าเราเสร็จแล้ว เราพิสูจน์มีผลทดสอบเรียบร้อย ผมบอกมันไม่สำเร็จไม่ได้ ถ้าเป็น Fail Case ก็ไม่จ่ายเงิน ซึ่งผมบอกว่าเป็นไปได้อย่างไร เราทำรายงาน ไม้เท้าเรามีทดสอบทุกอย่างหมดแล้ว” นายสกล ระบุ
นายสกล ยังกล่าวอีกว่า ล่าสุดเพิ่งมีการพูดคุยกัน เขาก็ยังบอกให้ไปเบิกงวดที่ 3 ทีเดียว และจะให้ไปยืนยันกับอนุกรรมการ ตนก็ยืนยันว่าพร้อมไปคุย แต่เวลานี้อยากให้อธิบายก่อนว่า Fail Case ที่บอกมาคืออะไร เพราะงานของตนไม่ได้ล้มเหลว แต่สำเร็จแล้วแถมยังได้ทุนจากหลายๆ ที่อีกต่างหาก แต่ติดอยู่ที่เงินที่สำรองไปในส่วนของ TED Fund ทำไมตนยังไม่ได้ มีอะไรติดขัด สุดท้ายก็มีหลุดมาอีกว่างบประมาณยังไม่มา ซึ่งก็คาดว่าน่าจะหมายถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่กำลังพิจารณากันอยู่ขณะนี้ แต่ตนก็กังวลเพราะสัญญาจะหมดเดือน เม.ย. 2567
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมเมื่อไม่ได้เงินจาก TED Fund แล้วยังเดินหน้าพัฒนาไม้เท้าอัจฉริยะต่อจนเสร็จแม้ต้องหาเงินกันเองเพื่อสำรองจ่ายไปก่อน ตนมองว่าเมื่อจะเป็นนวัตกรแล้วก็ต้องไปให้สุด ซึ่งในวงการสตาร์ทอัพมีคำกล่าวว่า สิ่งไม่แน่นอนเกิดได้ทุกวัน ดังนั้นหากไม่มีทุนก็อย่ามาทำสตาร์ทอัพ เราต้องทำเองด้วย ต้องมีทุนจากครอบครัวก่อน ก็ต้องระดมเงินจากพ่อแม่พี่น้องกันมาก่อน และของชิ้นแรกต้องแพงเสมอ อย่างซอฟต์แวร์ที่ทำก็ไม่เคยมีที่ใดในโลกทำขึ้นมา มันต้องใช้การพัฒนาอย่างสูง โดยมีทั้งการทำเซิร์ฟเวอร์ แอปพลิเคชั่น และฮาร์ดแวร์คือตัวไม้เท้า
และตามแผนที่วางไว้แต่แรก จริงๆ ในปี 2567 ต้องผลิตไม้เท้าให้ได้ 3,000-5,000 ชุด วางจำหน่ายแล้ว ซึ่งต้นทุนต่อชุดก็สูงอยู่ คือหลักหลายพันบาท ไม่ใช่ไม้เท้าอันละ 100-200 บาท เพราะมีการวางระบบที่เกี่ยวข้อง แต่โมเดลธุรกิจที่คิดไว้คือจะไม่เน้นขายไม้เท้า แต่จะเน้นให้เช่าไม้เท้าแทน ค่าเช่าอยู่ที่ประมาณเดือนละ 299 บาท เพราะตนอยากให้ทุกคนเข้าถึงได้ เพราะไม้เท้านี้สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นเพื่อบอกข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้งานได้ โดยเฉพาะเรื่องการหกล้ม สถิตของกระทรวงสาธารณสุข พบการเรียกรถพยาบาล 140 ครั้งต่อวัน เพื่อไปรับผู้สูงอายุที่หกล้ม
“ไม้เท้านี้ป้องกันล้มได้ หรือถ้าเขาล้มจริงๆ ก็ยังรู้ว่าเขาล้ม ข้อมูลนี้จะถูกส่งที่โรงพยาบาลด้วย เราเป็นวันเวย์ส่งข้อมูลไปโรงพยาบาล สมมติคุณซื้อไม้เท้าไป ผมอยู่ที่บ้านผมรู้ว่าอัตราการเต้นของหัวใจคุณเท่าไร แล้วคุณเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลไหนเพราะลงทะเบียนลงมา ข้อมูลนี้ก็จะถูกส่งไปที่โรงพยาบาล นอกจากการรับ-ส่งข้อมูลแล้วยังรู้ว่าได้กินยาอะไรบ้าง ทุกอย่างจะเป็นฐานข้อมูลซึ่งสามารถจะใช้เมื่อไปโรงพยาบาล จะรู้เลยว่าการที่เราไปเข้าเครื่องวัดทุกครั้งที่เราไปโรงพยาบาล Protocol (ระเบียบการ) เขามี วัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน วัดออกซิเจน ซึ่งอันนี้มันจะมีอยู่แล้วจากไม้เท้า ยกเว้นส่วนสูงกับน้ำหนัก ที่เหลือเรามีหมดเลย” นายสกล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี