ปชป.พร้อมจูบปาก‘ก้าวไกล’
รอจัดหนักรัฐบาล
อุ่นเครื่องเขย่าแลนด์บริดจ์
ต้องเปิดข้อมูลที่มากกว่านี้
‘เทพไท’บี้‘พิธา’โชว์ฝีมือ
แกะรอยเทวดาแม้วชั้น14
ประชาธิปัตย์ มั่นใจทำงานในหน้าที่ฝ่ายค้านร่วมกับพรรคก้าวไกลได้ราบรื่น แย้มซุ่มเก็บข้อมูลรอจัดหนักศึกซักฟอกรัฐบาล พร้อมตั้งคณะกรรมการศึกษาเก็บข้อมูล “แลนด์บริดจ์”แนะรัฐบาลให้ข้อมูลครบถ้วน-มีเอกภาพ ก่อนเดินหน้าสร้างความมั่นใจให้ประชาชน ด้าน “เทพไท” จี้ “พิธา” ทำงานฝ่ายค้าน ลุยสอบนักโทษเทวดาชั้น 14 แก้ข้อครหา มีดีลลับ
เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2567 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป. กล่าวถึงทิศทางการทำงานของพรรคกับพรรคก้าวไกลว่า ในฐานะที่เราเป็นฝ่ายค้านร่วมกัน แต่ก็ในส่วนของกิจกรรมทางการเมืองบางเรื่องก็แยกกัน ขณะที่การทำงานในสภาช่วงที่ผ่านมาทุกอย่างราบรื่นดี อาจจะมีบางเรื่องอย่างเช่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างชัดเจน คงเป็นหน้าที่ของวิปฝ่ายค้าน ซึ่งในส่วนของพรรค ก็มีนายประมวล พงษ์ถาวราเดช ประธาน สส. และนายนริศ ขำนุรักษ์ รองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ ที่จะทำหน้าที่ในการประสาน และให้การสนับสนุนการทำงานในสภาต่อไป
นายราเมศ กล่าวต่อว่า สำหรับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เมื่อยังไม่มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ แต่พรรคก็ได้ทำงานด้านการตรวจสอบ และเตรียมข้อมูลไว้บางส่วน พร้อมยืนยันว่าพรรคมีการเก็บข้อมูลการทำงานของรัฐบาลมาโดยตลอด ส่วนกระบวนการทำงานอาจจะไม่จำเป็นต้องวางเป็นแนวทางแบบโรดแมพอย่างพรรคก้าวไกล แต่ประชาธิปัตย์ มีการกำหนดโครงสร้างการทำงานในสภาไว้ ตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง และมีการพูดคุยกันทุกสัปดาห์ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองก็มีเรื่องเร่งด่วนที่เป็นปัญหาของพี่น้องประชาชน
“อีกทั้ง มีวาระที่ต้องผลักดันกฎหมายที่สำคัญเพราะพรรคประชาธิปัตย์นั้น ถือได้ว่าเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีหลักเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ยุคหัวหน้าอภิสิทธิ์ หัวหน้าจุรินทร์ จนมาถึงหัวหน้าเฉลิมชัย ต่างก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เพราะเมื่อมีการพูดถึงการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วก็ต้องถือว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับที่แก้ไขได้ยาก เพราะติดที่เงื่อนไขวุฒิสภาดังนั้นการแก้ไข มาตรา256 จึงเป็นมาตราสำคัญที่จะทำให้รัฐธรรมนูญแก้ไขได้ง่ายขึ้น”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ
ตั้งทีมเก็บข้อมูล‘แลนด์บริดจ์’
เมื่อถามถึงประเด็นโครงการแลนด์บริดจ์พรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางอย่างไรนายราเมศ กล่าวว่า พรรคได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อทำการศึกษาและเก็บข้อมูล รวมทั้งจะมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้ความเห็นด้วย แต่เรื่องนี้ก็ไม่อยากให้คิดว่ามีความเห็นเป็นสองฝั่ง แต่มีขั้นตอนที่รัฐบาลละเลย คือ รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ค่อนข้างชัดในเรื่องการรับฟังความเห็นของประชาชน และการให้ข้อมูลความรู้ในเรื่องโครงการ เพราะโครงการใหญ่ขนาดนี้ย่อมมีทั้งผลดีและผลเสีย ดังนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ประชาชนมีความเข้าใจ โดยเฉพาะเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนด้วย ไม่เช่นนั้นโครงการอาจเดินไปผิดทิศผิดทาง
แนะรัฐต้องให้ข้อมูลครบถ้วน
ด้าน นายนริศ ขำนุรักษ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าพรรคได้เก็บรวมรวมข้อมูลไว้แล้วระดับหนึ่งและพรรคก็มีตัวแทนที่เข้าไปนั่งอยู่ใน กมธ.ด้วย แตกต่างจากการขุดคอคอดกระที่พรรคไม่เห็นด้วย แต่กรณีแลนด์บริดจ์นั้น พรรคจำเป็นต้องมีข้อมูลให้ครบถ้วนมากที่สุดและเห็นว่าข้อมูลในขณะนี้ยังมีความแกว่งไปแกว่งมา ลำพังจากข้อมูลของหน่วยงานเดียวก็ยังไม่มีเอกภาพและข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่อหน่วยงานก็ยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้นการศึกษาโครงการจำเป็นต้องมีเอกภาพกว่านี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่มากขึ้น สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือต้องสร้างความมั่นใจให้ได้
. · ‘เทพไท’จี้‘พิธา’ลุยสอบเทวดา
ด้านนายเทพไท เสนพงษ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ้ค”เทพไท - คุยการเมือง”ระบุว่า“ขอให้”คุณพิธา“ เป็นหัวหอกตรวจสอบ“คุณทักษิณ” ผมเห็นการให้ข่าวของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เรื่องการทำหน้าที่ฝ่ายค้านจะไม่อ่อนแอ และออมมือประเด็นเกี่ยวกับคุณทักษิณ พักอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ถ้าหากคุณพิชา มีความมุ่งมั่นในตรวจสอบ กรณีการพักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ของคุณทักษิณ ชินวัตรจริงก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีและสนับสนุนการทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง เพื่อป้องกันข้อครหาว่า พรรคก้าวไกล มุบมิบ มีดีลลับกับคุณทักษิณซึ่งทำให้ประชาชนครางแคลงใจ ในบทบาทการทำหน้าฝ่ายค้านของพรรคก้าวไกล ว่าไม่จริงจัง ไม่สมบทบาทการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างแท้จริง
ส่วนการที่คุณชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งกระทู้ถามในสภาเกี่ยวกับคุณทักษิณนั้น ก็ไม่ได้เป็นกระทู้ถามที่เกี่ยวกับคุณทักษิณโดยตรงจึงทำให้สังคม ตั้งข้อสังเกตและข้อสงสัยว่า ทำไมพรรคก้าวไกล จึงไม่กล้ายิงคำถามต่อคุณทักษิณ แบบตรงๆชัดๆ
เร่งสอบนช.เทวดาก่อนพักโทษ
นายเทพไทยังระบุอีกว่า ยิ่งมีกระแสข่าวว่าคุณทักษิณจะได้รับการพักโทษในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567ซึ่งยังเหลือเวลาเพียงไม่กี่วัน อยากให้พรรคก้าวไกลใช้เวลาที่เหลือ ตรวจสอบกรณีคุณทักษิณให้ความจริงปรากฏว่า คุณทักษิณป่วยจริงหรือไม่ และป่วยด้วยโรคอะไร ถ้าหากมีอาการทุเลาลงแล้ว ทำไมไม่ไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ จะรอเวลาอยู่โรงพยาบาลตำรวจจนถึงวันพักโทษ เพื่อสามารถอ้างได้ว่า ไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว
ส่วนประเด็นที่คุณพิธาเห็นว่า คุณทักษิณถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองนั้น ถ้าหากคุณพิธาได้อ่านพระบรมราชโองการอภัยลดโทษแก่คุณทักษิณ จะพบความจริงว่าคุณทักษิณได้ยอมรับว่าได้สำนึกในการกระทำผิด และยอมรับผลแห่งการกระทำ จึงไม่ใช่ถูกกันแกล้งต่างการเมืองแต่อย่างใด
‘ภูมิธรรม’พร้อมรับศึกซักฟอกเม.ย.
ที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) อาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก กรุงเทพฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงกรอบเวลาอภิปรายรัฐบาลช่วงเดือน เม.ย. รัฐบาลต้องวางแผนอะไรหรือไม่ว่าไม่ต้องวางแผน เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านอยู่แล้ว แค่ทำงานแบบการเมืองใหม่ มองว่าตรงไหนมีปัญหาก็เสนอติติงมารัฐบาลยินดีรับฟัง ขณะประชาชนเรายังถือเป็นอันดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองก็ทำหน้าที่ไปไม่มีปัญหา
“ขออย่างเดียวให้การเมืองใหม่จริงๆ เอาที่ข้อเท็จจริง ความเหมาะสม หากดำเนินการไปแล้วไม่มีความเหมาะสม รัฐบาลพร้อมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการตรวจสอบรัฐบาล แต่ต้องตรวจสอบนักการเมืองทุกคน ทั้งสส.ของรัฐบาลและของฝ่ายค้าน” นายภูมิธรรมกล่าว
ไร้กังวล-ขอให้ทำหน้าที่ให้เต็มที่
เมื่อถามว่ากรอบเวลาที่จะอภิปรายเร็วไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า แล้วแต่ฝ่ายค้าน แต่ความจริงรัฐบาลเพิ่งทำงานได้ 4 เดือน ทำงานบนพื้นฐานที่ไม่มีงบประมาณโดยตรง เราไม่มีเงินแต่เราก็ทำงาน ในการเตรียมโครงสร้างแก้ไขปัญหา เมื่อมีเงินเข้ามาก็จะเร่งดำเนินการ ขอฝ่ายค้านทำหน้าที่ให้เต็มที่และดำเนินการให้เหมาะสม อย่าทำการเมืองที่มุ่งผลประโยชน์ถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือประโยชน์ของพรรคตัวเอง เรายินดีรับฟัง ความเห็นที่แตกต่างและข้อวิจารณ์ทั้งหมด
เมื่อถามว่ารัฐบาลต้องระวังในประเด็นไหน ที่จะถูกนำใช้ไปอภิปรายหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องกังวล แต่เราทำงานอย่างเต็มที่ อย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย อย่างที่นายกฯเคยกล่าวไว้ เรากังวลแค่ว่าจะทำงานให้ดีขึ้นได้มากน้อยเพียงใด
มั่นใจเสียงพรรคร่วมฯแน่นปึ๊ก
เมื่อถามว่ายังมั่นใจเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะร่วมลงมติหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ดูโอเค ทุกอย่างเข้าใจกัน ความรู้สึกทุกคนมาด้วยความรู้สึกร่วมกันว่ามีปัญหาที่ต้องเข้ามาช่วยกันแก้ไขให้ประเทศชาติ วันนี้หน้าที่ของเรา คือร่วมกันทำงาน แล้วทำให้ประเทศหลุดพ้นจากวิกฤตที่เกิดขึ้น ดังนั้นตนอยากเชิญชวนทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลทำหน้าที่ตรวจสอบให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ แต่ไม่ใช่ทำให้สะดุด หรือชะงัก เพราะประเทศเสียหายมามากแล้ว ขอให้โอกาสรัฐบาลได้ทำ ถ้าเราทำงานไม่ดีอีก 4 ปี ท่านก็สามารถตัดสินเราได้
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย(พท.)กล่าวกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลง 6 เป้าหมายสำคัญ เพื่อตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล ว่า นายพิธาหายไป 6 เดือน กลับมาทำงานการเมืองหลังพ้นบ่วงคดีถือหุ้นไอทีวี จะแถลงเอาหล่อ 6 เป้าหมายสำคัญ เพื่อให้ล้อกับ 6 เดือนที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นสิทธิ แต่ต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำงาน อย่าไปมโนตัดต่อข่าว จับแพะชนแกะแล้ว เอามาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ขอเวลาทำงาน-ยังไม่ได้ทำผิดอะไร
“ขอเวลาให้รัฐบาลได้แก้ปัญหาให้ประเทศชาติและประชาชน คิดการเมืองให้น้อย คิดถึงบ้านเมืองให้มาก เรื่องใดที่ทำแล้วก่อให้เกิดปัญหาหรือความขัดแย้งรอบใหม่ ทุกภาคส่วนต้องระมัดระวัง รัฐบาลกำลังทำงาน เพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจเรื้อรังที่ปกคลุมประเทศไทยมานานนับ 10 ปีได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีสิ่งใดที่ฝ่ายค้านจะเสนอแนะและเป็นประโยชน์สาธารณะเชื่อว่ารัฐบาลยินดีรับฟัง รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรผิด งบประมาณ ก็ยังไม่ผ่านสภา ฝ่ายค้านจะเอาอะไรมาตรวจจับทุจริต ขอโอกาส ขอเวลาให้รัฐบาลได้ทำงานสักระยะค่อยอภิปรายไม่ไว้วางใจ คงไม่เสียหายอะไร” นายอนุสรณ์ กล่าว
อัด’พิธา’อย่ายัดคดี112ในร่างนิรโทษฯ
นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานพรรคก้าวไกลระบุว่าผู้ที่กระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ถือการเคลื่อนไหวทางการเมืองจึงจะรวมคดีนี้เข้าในร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมทางการเมืองของก้าวไกลว่าหลังจากที่ตนได้ฟังนายพิธาให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ จึงไม่แปลกใจว่าสส.พรรคก้าวไกลคิด เหมือนกับนายพิธา ซึ่งตนไม่เห็นด้วยและขอคัดค้าน เนื่องจากคดีหมิ่นประมาทล่วงละเมิด สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นคดีอาญา ไม่ใช่เรื่องการเมือง ขอย้ำว่าสถาบัน ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
“จึงขอเรียกร้องให้นายพิธาที่เพิ่งกลับมาทำหน้าที่สส.ในสภา ไปคิดทบทวนเรื่องนี้เสียใหม่ว่ามีความเข้าใจผิดอะไรหรือไม่ เพราะป.วิอาญาม.112นั้น มีไว้ปกป้องพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นประมุขแห่งรัฐและสถาบันฯ เป็นความมั่นคงของชาติ ใครจะล่วงละเมิดมิได้ การที่นายพิธา คิดและมองแบบนี้ถือเป็นเรื่องอันตรายมากกับประเทศ”
เชื่อทั้งสภาไม่มีพรรคไหนเอาด้วย
นายธนกร ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่านายพิธาและสส.ก้าวไกล นอกจากจะไม่ชี้แนะหรือห้ามปรามเยาวชนไม่ให้หลงผิดเป็นชอบแล้ว แต่ดูเหมือนเป็นการให้ท้าย สนับสนุนให้เยาวชนออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่องจนถูกดำเนินคดีหลายรายใช่หรือไม่ มากกว่านั้นนายพิธากลับยกคดี ม.112มาอ้างว่าเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความสมานฉันท์ ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้พรรคก้าวไกลต้องเสนอร่างกฎหมายเพื่อให้สภาร่วมกันหาทางออกนั้น ตนเชื่อว่าทั้งสภาไม่มีพรรคไหน นอกจากพรรคก้าวไกลที่เห็นว่าคดีผิดม.112เป็นเรื่องการเมือง มีก็แค่กลุ่มเดียวที่นายพิธายกขึ้นมาอ้างเท่านั้น
หยุดเอาคดีเยาวชนมาอ้าง
”การแสดงความเห็นทางการเมือง ถือเป็นสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิ์ทำได้ แต่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา112มีไว้ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเมืองเลย จึงขอเรียกร้องให้นายพิธา ถ้าคิดผิด ก็กลับไปคิดใหม่ และช่วยทำความเข้าใจกับสส.ของก้าวไกลรวมถึงผู้สนับสนุนด้วยให้เข้าใจเรื่องนี้อย่างถูกต้อง อย่าสร้างชุดข้อมูลแบบนี้ออกมาทำให้ประชาชนสับสน และคิดว่าเป็นเรื่องประชาธิปไตยใครจะพูดอะไรก็ได้ ไม่ใช่ เพราะทุกอย่างอยู่บนหลักของกฎหมาย หากใครมาด่าว่า ดูหมิ่นเหยียดหยามนายพิธา หรือบุพการีอย่างรุนแรง นายพิธา จะยอมรับได้หรือไม่ ขอหยุดเอาคดีเยาวชนมาอ้าง เพราะการเมือง กับ ม.112 คนละเรื่องกัน“ นายธนกร ย้ำ
‘วิโรจน์’ไม่หวั่นก.ก.ถูกยุบลั่นไปต่อ
ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความถึงมุมมองทางกฎหมาย หลังผลจากคำร้องที่พรรคก้าวไกลถูกร้อง กรณีหาเสียง แก้ไขมาตรา 112 ว่า “เรื่องยุบพรรค ผมไม่เคยกังวลเลย เรียกได้ว่าแบสองมือยักไหล่ด้วยซ้ำ เพราะใจของผม คำว่า “พรรค” มันกลายเป็นอุดมการณ์ไปแล้ว ยุบไม่ยุบ ยังไงก็ไปต่อ” พร้อมติดแฮชแท็ก #ก้าวไกล
อีกทั้ง พรรคก้าวไกลได้ปล่อยคลิปวิดีโอ ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดวินิจฉัยคดีหาเสียง ม.112 โดยย้ำจุดยืนแก้ไข ไม่เท่ากับล้มล้าง ผ่านเฟซบุ๊กโดยมีเนื้อหาระบุว่า“ปฏิรูป ต้องไม่เท่ากับล้มล้าง แก้ไข 112 ไม่เท่ากับล้มสถาบัน แต่คือหน้าที่ตามระบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา พรรคก้าวไกลขอยืนยันว่า การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นไปเพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์ธำรงอยู่คู่สังคมประชาธิปไตย โดยสร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองประมุข กับการคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน เพราะการวางสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ในที่สูง ไม่ได้ใช้กฎหมายที่รุนแรงและโทษสูง แต่คือการธำรงสถานะของพระมหากษัตริย์ไว้บนฐานของเหตุผล สติปัญญา และความยินยอมพร้อมใจของประชาชน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี