รมว.ยุติธรรมยันเข้าหลักเกณฑ์
พักโทษ‘ทักษิณ’
ป่วยร้ายแรง-พิการ-อายุเกิน70ปี
นายกฯย้ำปฏิบัติตามข้อก.ม.
‘อุ๊งอิ๊ง’ดีใจเปิดบ้านรอพ่อ
รมว.ยุติธรรมยันมีชื่อ “ทักษิณ” ติด 945 นักโทษได้รับพักโทษ ตามที่กรมราชทัณฑ์เสนอ ชี้เข้าเกณฑ์ป่วยร้ายแรง-พิการ-อายุเกิน 70 ปี นายกฯย้ำเข้าเกณฑ์ตามกฎหมายทุกประการ ได้รับการพักโทษเป็นทางการชูเป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติประชาชน พร้อมขอคำปรึกษาบริหารประเทศ ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร” ลั่นเป็นข่าวดีของวัน ยันเตรียมทำความสะอาดบ้านจันทร์ส่องหล้าไว้รอรับแล้ว เตรียมหอบลูกไปดูแล หวังว่าพ่อไปไหนมีคนรอรับ ย้ำพ่อควรได้รับความยุติธรรมหลายอย่าง รองอธิบดีกรมคุมประพฤติเผยพักโทษมีผล 18 ก.พ. ไม่ต้องติดกำไลอีเอ็ม พ้นโทษสิงหา67
เมื่อวันที่ 13กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการพักโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์เสนอเรื่องการพักโทษมาที่กระทรวงยุติธรรม และมีคณะร่วมกันพิจารณา การพักโทษครั้งนี้มีทั้งหมด 945 คน ซึ่งคณะอนุกรรมการพักโทษอนุมัติทั้งสิ้น 930 คน อีกส่วนหนึ่งไม่อนุมัติ
ทวีคอนเฟิร์มมีชื่อทักษิณพักโทษ
ทั้งนี้ การพักโทษอยู่ในกฎหมายราชทัณฑ์ มาตรา52 ซึ่งการจะพิจารณาบุคคลที่ได้รับการพักโทษคือ ต้องเข้าเงื่อนไขติดคุกมาแล้ว 6 เดือนหรือ 1 ใน 3 แต่โทษต้องเหลือไม่เกิน 10 ปี ซึ่งการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย แต่ละเดือนการพักโทษเฉลี่ยเท่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การพักโทษครั้งนี้มีชื่อนายทักษิณด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.ทวียอมรับว่า ในรายงานการประชุมมีชื่อนายทักษิณด้วย โดยคณะอนุกรรมการพักโทษเห็นชอบตามที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์เสนอ เพราะเกณฑ์ของนายทักษิณ อยู่ในกลุ่มเจ็บป่วยร้ายแรงหรือพิการหรืออายุ 70 ปีขึ้นไป
เข้าเกณฑ์ป่วยร้ายแรง-อายุเกิน70
“นายทักษิณต้องโทษ 1 ปี ถ้า 1 ใน 3 คือ 4 เดือน แต่กรณีนายทักษิณ พอครบ 6 เดือนก็เป็นอัตโนมัติที่จะได้รับการพักโทษ ถ้าได้รับครบเกณฑ์ก็เป็นสิทธิ์ของผู้พักโทษ อยากเรียนว่าเป็นเรื่องปกติ ผมได้ตรวจสอบว่าโครงการการพักโทษ กรณีเจ็บป่วยร้ายแรง พิการ หรืออายุ 70ปี เริ่มมาตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบันมีอยู่ 2,240 คน ซึ่งนอกจากการพักโทษแล้ว ยังยกเลิกการพักโทษก็มี เพราะที่ผ่านมาต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ที่อนุกรรมการกำหนด”รมว.ยุติธรรมระบุ
นายกฯบอกเข้าเกณฑ์ตามกม.
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังกล่าวในประเด็นการพักโทษนายทักษิณว่า ตามที่มีการเสนอข่าว นายทักษิณมีชื่อเข้าข่ายได้รับการพักโทษ ถือเป็นทางการแล้วว่าอดีตนายกฯได้รับการพักโทษ เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว ยืนยันว่าว่าไปตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกลุ่มเคลื่อนไหวต่อเนื่องไม่เห็นด้วย จะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนคิดว่าเราทำตามกฎหมายทุกอย่าง ทั้งในส่วนกฎหมายของกรมราชทัณฑ์เอง อย่าลืมว่านายทักษิณก็กลับมารับโทษอย่างชัดเจน ทุกอย่างเข้าเกณฑ์หมดทุกอย่าง ก็ว่าไปตามกฎหมาย เราอยู่ด้วยกฎของการอยู่ร่วมกัน คือการมีกฎหมาย
ทำประโยชน์ให้ปท.-คะแนนนิยมสูง
นายกฯยังระบุด้วยว่า นายทักษิณเป็นอดีตนายกฯมาหลายปี เป็นคนที่มีประโยชน์ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมานาน เป็นนายกฯที่ได้รับความนิยมอย่างสูงที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อนายทักษิณออกมาแล้ว ก็เป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง เรื่องในอดีตถือเป็นเรื่องในอดีตไป ได้เข้ากระบวนการทางกฎหมายไปเรียบร้อยแล้ว
“นายทักษิณก็มีลูกมีหลาน ลูกสาวคนเล็กก็เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แล้วผมเชื่อว่าท่านจะมีคำแนะนำดีๆที่จะให้เป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ ผมเชื่อว่าลูกก็จะนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการบริหารประเทศได้ และปัจจุบันท่านก็มีหลาน 7 คน ในฐานะที่ผมเป็นพ่อคน ผมเข้าใจ ความรักคุณปู่หรือคุณตามีให้ลูกหลาน ก็ถือเป็นสิทธิ์ของท่าน” นายกฯ กล่าว และตอบคำถามนักข่าวถึงความเป็นไปได้ในการขอคำปรึกษาจากนายทักษิณว่า ตนพร้อมคุยกับคนที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติทุกคน ไม่ว่าอยู่ฝ่ายไหน
อิ๊งลั่นข่าวดี-พร้อมขนลูกไปดูแล
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ประเด็นนี้ว่า ทราบจากข่าวออนไลน์ว่ามีรายชื่อ ซึ่งครอบครัวก็ทราบในหลักการอยู่แล้วว่าเมื่อครบ 6 เดือนจะได้รับการพักโทษ แต่ยังไม่เคยได้รับการคอนเฟิร์ม นับว่าเป็นข่าวดีของเช้านี้ ส่วนการปรากฏตัวของนายทักษิณนั้น ตนไม่แน่ใจวันที่ออกมาจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่าเมื่อนายทักษิณกลับบ้านแล้วได้พัก และคุณหมอคิดว่าโอเคเมื่อไหร่ ตนคิดว่านายทักษิณคงออกมาด้านนอกแน่นอน เพราะอยู่ในห้องมา 6 เดือน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อยากให้ท่านพักผ่อนให้สบายใจ คุณหมอไม่ได้บอกว่าจะอย่างไรต่อ แต่ก่อนหน้านี้ที่เคยคุยกันว่าหากได้รับการพักโทษ จะนัดให้คุณหมอไปหาที่บ้านเพื่อไปเช็กอาการและคอนเฟิร์มเรื่องต่างๆ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มีการบอกว่าจะต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง ส่วนบ้านพักที่จะให้นายทักษิณอยู่นั้นคือบ้านใจส่องหล้า ที่เตรียมทำความสะอาดบ้านไว้รอรับแล้ว สำหรับวันที่จะได้รับการพักโทษออกมานั้น ต้องถามราชทัณฑ์
ลั่นพ่อควรได้รับความยุติธรรม
น.ส.แพทองธารกล่าวถึงกรณีมีหลายกลุ่มออกมาคัดค้านว่า นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีที่ทำเพื่อประเทศชาติมามากมาย ออกไปนอกประเทศ 17 ปี หลายคนอาจไม่รู้จักท่าน แต่หากได้ดูก็จะได้ทราบว่าท่านทำเพื่อประเทศมากมาย ได้รับความยุติธรรมและไม่ยุติธรรมปะปนกันไปตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฉะนั้น สำหรับครอบครัวก็ยืนหยัดให้ความมั่นใจกับท่านว่าการที่กลับมารับโทษ และอยู่ในที่จำกัดเป็นเวลา 6 เดือนขณะที่อายุ 75 ปี วันนี้ถึงเวลาได้พักโทษ ได้กลับบ้านก็ขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์เพื่อได้มาใช้ชีวิตในเมืองไทย หลังจากไปเกือบ 20 ปี ดังนั้น
หวังว่าพ่อไปไหนจะมีคนรอรับ
น.ส.แพทองธารกล่าวด้วยว่า คิดว่าคุณพ่อควรจะได้รับความยุติธรรมหลายอย่าง และได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขจากประโยชน์ที่ท่านได้ทำให้ประชาชน หวังว่าท่านไปที่ไหนก็จะมีแต่คนรอรับ อย่างที่ท่านเคยตั้งหวังว่าจะกลับมาเจอพี่น้องประชาชนคนไทยอีกครั้ง ซึ่งหากพ้นโทษแล้วก็หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นดี สำหรับตนแล้วเมื่อพ่อพักโทษออกมาจะพาลูกๆไปดูแลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
กรมคุมประพฤติยัน18ก.พ.พักโทษ
ขณะที่พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน รองอธิบดีกรมคุมประพฤติเผยขั้นตอนวิธีการรับตัวนายทักษิณจากกรมราชทัณฑ์ เพื่อเข้ากระบวนการพักโทษ ภายใต้การดูแลของกรมคุมประพฤติว่า หลังนายทักษิณได้พักโทษแล้ว หากนับตามวันที่และเวลาที่นายทักษิณเข้ากระบวนการรับโทษมาแล้วก่อนหน้านี้ คิดเป็น 1 ใน 3หรือ 6 เดือน (180วัน) จะทำให้ได้รับการพักโทษทันทีวันที่ 18 กุมภาพันธ์ และผู้ได้รับการพักโทษไม่ว่าเป็นการพักโทษแบบกรณีปกติหรือแบบกรณีมีเหตุพิเศษ ทุกรายมีเวลา 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับการพักโทษ ในการเข้าพบและรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ
ทั้งนี้ กรณีนายทักษิณ ซึ่งเป็นผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไปและมีอาการเจ็บป่วยนั้น ตามมาตรฐานการปฏิบัติ กรมคุมประพฤติ จะเดินทางเข้าพบด้วยตัวเองภายใน 3 วันคือ ตั้งแต่วันที่ 18- 21 กุมภาพันธ์ ณ สถานที่พักโทษของแต่ละราย หรือสถานที่นัดหมาย เพื่อชี้แจงกระบวนการพักโทษ เงื่อนไขการคุมความประพฤติ การปฐมนิเทศ โดยเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติต้องได้รับการประสานยินยอมจากเจ้าตัวและญาติก่อนว่าสะดวกช่วงเวลาใด
ไม่ติดกำไรEMเพราะป่วย-อายุเยอะ
พ.ต.ท.มนตรีเผยอีกว่า สำหรับการเข้าพบผู้ได้รับการพักโทษกรณีมีเหตุพิเศษฯ โดยเฉพาะบุคคลนั้น เป็นผู้เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูง หรือเป็นบุคคลสำคัญของประเทศ อธิบดีกรมคุมประพฤติจะมอบหมายให้มีผู้บริหารระดับสูงเข้าพบพร้อมกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติด้วย และกระบวนการแจ้งเงื่อนไขการพักโทษต่างๆ จะเป็นไปตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการคุมความประพฤติ พ.ศ. 2560 สำหรับการติดหรือไม่ติดกำไล EM นั้น เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการพักการลงโทษพิจารณา ซึ่งกรณีของนายทักษิณ ถือเป็นผู้ได้รับการพักโทษกรณีมีเหตุพิเศษฯ เพราะสูงอายุ และเจ็บป่วย ตามหลักเกณฑ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯมักไม่ให้ติดกำไล EM เพราะต้องคำนึงถึงปัญหาสุขภาพและความเสี่ยงน้อยที่จะไปก่อเหตุกระทำผิดซ้ำได้
ส่วนประเด็นการรายงานตัวของนายทักษิณหลังได้พักโทษนั้น พ.ต.ท.มนตรีชี้แจงว่า ปกติแล้วผู้ได้รับการพักโทษกรณีปกติหรือแบบพิเศษฯ ต้องรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกเดือน ไปจนถึง 4 เดือน แต่หลังจาก 4 เดือน ถ้ารายงานตัวตามปกติก็สามารถผ่อนปรนเป็นรายงานตัวทุก 2 เดือนได้ และถ้าผู้ได้รับการพักโทษยังมีอาการเจ็บป่วยไม่หายดี เจ้าหน้าที่คุมประพฤติจะเป็นฝ่ายเดินทางไปเข้าพบเช่นเดิม
กำหนดพ้นโทษเดือนสิงหาคม
ผู้สื่อข่าวถามเรื่องที่นายทักษิณมีคดีคงค้าง 1 คดีคือ คดีความผิดตามมาตรา 112 และพรบ.คอมพ์ ที่ตำรวจและอัยการเตรียมอายัดตัวนั้น ถือว่าต้องระงับสิทธิการพักโทษหรือไม่ พ.ต.ท.มนตรี ระบุว่า ไม่ผิดเงื่อนไข เพราะการจะถูกดำเนินคดีใหม่ไม่เป็นการผิดเงื่อนไขพักโทษ รายงานตัวได้เหมือนเดิมและเจ้าหน้าที่คุมประพฤติเข้าพบได้เหมือนเดิม การพักโทษยังดำเนินต่อไปแม้จะถูกดำเนินคดีอื่นก็ตาม การผิดเงื่อนไขพักโทษต้องถูกส่งตัวกลับไปยังสถานที่คุมขังเท่านั้น เพื่อรับโทษจำคุกที่เหลือต่อไป ทั้งนี้ เมื่อนายทักษิณได้พักโทษครบ 6 เดือนแล้ว จะพ้นโทษเดือนสิงหาคม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี