"รทสช."จัดกิจกรรมอาสามาด้วยใจครั้งแรก เชิญอาสาสมัครใจเดียวกันจำนวนมาก ร่วมทำงานเดินหน้าตามอุดมการณ์พรรค ด้าน "พีระพันธุ์" ลั่นขอทำงานเพื่อสถาบันหลักของชาติ ค้ำจุนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้คงอยู่ต่อไป ย้ำรทสช.จะจัดกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่องอีกหลายครั้ง
วันที่ 17 ก.พ.67 ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้จัดกิจกรรมอาสามาด้วยใจ ครั้งที่ 1 หรือจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อให้อาสาสมัครในโครงการนี้ ได้ทำกิจกรรมร่วมกับแกนนำของพรรค ซึ่งนำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค และ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค ได้มาร่วมกิจกรรมกับสมาชิกพรรคที่มาร่วมงานจำนวนมาก อย่างไรก็ตามกิจกรรมดังกล่าวนี้ จะมีการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกหลายครั้ง
โดย นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การมาตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อลงเลือกตั้ง และถูกวิจารณ์มากว่าไม่เคยอยู่ในสายตา บางสำนักบอกว่าเลือกตั้งจะได้สส.ไม่เกิน 7 คน แต่ผลการเลือกตั้งออกมาได้ สส.ได้ถึง 36 คน ถือว่าเกินความคาดหมาย ด้วยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะนั้น โดยได้ทำพรรคตามแนวทางที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ใช้พละกำลังทั้งหมด เพื่อช่วยเหลือประชาชนและประเทศชาติ นี่คือ DNA ของพรรค ตามสโลแกนของพรรคที่ว่าเราจะแก้ไขให้ทุกปัญหา เราจะเป็นที่พึ่งพาได้ทุกเรื่อง ประชาชนที่เดือดร้อนถ้าเราแก้ปัญหาให้เขาได้ ประชาชนก็มีความสุข
ทั้งนี้ การทำโครงการอาสาสมัครด้วยใจ เพื่อต้องการแขนขาของพรรคมาช่วยเหลือประชาชนเป็นหูเป็นตา อะไรที่ช่วยเหลือกันได้ก็มาช่วยกัน วันนี้เรามีอาสาสมัครที่มาทำงานด้วยใจกว่า 400 คนแล้วจากทั่วประเทศ จากเดิมที่คิดว่า 100 คนก็ดีใจแล้ว โดยการทำงานจะแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ขอขอบคุณที่มาช่วยกัน หวังว่าจะมาช่วยกันสร้างชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า อุดมการณ์ที่สำคัญที่สุดคือ ทำงานเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ค้ำจุนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้คงอยู่ต่อไป
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การทำงานการเมืองไม่มีอะไรตอบแทน มีแต่ความเสียสละทำงานด้วยใจ พร้อมช่วยชาวบ้าน ความสุขอยู่ตรงนั้น นั่นคือคำตอบของอาสาสมัคร มีความเสียสละ ถ้ามีปัญหาเดือดร้อนขอให้แจ้งมาที่พรรค พรรคพยายามช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้มากที่สุด โดยสามารถแจ้งได้ที่สถานียุติธรรมของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งทำมาตั้งแต่ตนเป็นรมว.ยุติธรรม และได้เอามาสานต่อที่พรรครวมไทยสร้างชาติ
ด้านนายเอกนัฏ กล่าวด้วยว่า ตนมีความภาคภูมิใจมาก ที่ได้มาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ แม้เส้นทางไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ เป็นเส้นทางที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรค แต่ตนศรัทธาในจุดยืนของพรรค และจุดยืนของนายพีระพันธุ์ว่า จะเป็นผู้นำพรรคให้สามารถทำงานร่วมกันแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและประเทศชาติได้ ในที่สุดเราผ่านการเลือกตั้งมา และโชคดีที่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา มีผู้ใหญ่ที่เป็นที่รักเคารพของคนไทยทั้งประเทศมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรค รวมไทยสร้างชาติ คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ถือธงนำทัพพรรครวมไทยสร้างชาติครั้งแรก ถือเป็นประวัติศาสตร์ของพรรคหลังเลือกตั้งได้สส. 36 คนได้คะแนนกว่า 4,800,000 คะแนน ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้จึงเป็นงานสำคัญที่ นายพีระพันธุ์ และตนต้องระดมพลทั่วประเทศ จึงเป็นที่มาที่เราได้มาเจอกันในวันนี้ เพราะปรากฏการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เราไม่อยากปล่อยให้หายไป เราอยากรักษาพลังส่งต่อภารกิจไปยังรุ่นต่อๆ ไป
สำหรับ จุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อบ้านเมืองประสบปัญหาเราแสดงจุดยืนชัดเจน จึงเห็นภาพเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (14 ก.พ. ) ตนได้ขออนุญาตหัวหน้าพรรค คุยกับสส.ของพรรค และวิปรัฐบาลว่า ตนจะเสนอญัตติ เรื่อง การถวายความปลอดภัย ขบวนเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ นี่คือจุดยืนสำคัญของพรรคในการรักษาสถาบันเสาหลักของประเทศ ถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวด้านความรักความสามัคคีของประเทศ ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า
นายเอกนัฏ กล่าวว่า หลังจากวันนี้ไป จะมีการจัดเวทีลักษณะนี้อีกหลายครั้ง ขอขอบคุณด้วยใจจริงที่ทุกคนได้เอื้อมมือมาที่พรรค หวังว่าหลังจากนี้ไปพวกท่านจะไปเชิญชวนเพื่อนร่วมอุดมการณ์มาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายของกิจกรรมได้มีการเปิดโอกาสให้อาสาสมัครได้ซักถามปัญหา โดยมี นายพีระพันธุ์ เป็นผู้ตอบปัญหา เพื่อไขความกระจ่างด้วยตนเอง พร้อมทั้งถ่ายรูปหมู่ร่วมกันบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี