‘อุ๊งอิ๊ง’ยันกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า
ปล่อย‘แม้ว’18ก.พ.
‘เศรษฐา’ย้ำทำถูกต้องตามก.ม.
จ่อขอคำแนะนำบริหารชาติ
‘กรมคุก-รพ.ตำรวจ’งานเข้า
ปปช.ถกเอื้อประโยชน์นักโทษ
“ทักษิณ” นักโทษเทวดา ออกรพ.ตำรวจ 18 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนเข้าพักโทษบ้านจันทร์ส่องหล้า ลูกหลานเตรียมพร้อมต้อนรับ ด้านนายกฯเศรษฐา การันตีทุกอย่างทำตามกฎหมาย จ่อขอคำปรึกษาบริหารงานประเทศ ด้าน ป.ป.ช. รับคำร้อง สอบ “กรมราชทัณฑ์-รพ.ตำรวจ” เอื้อประโยชน์ทักษิณ
เมื่อเช้าวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครพนม สกลนครและอุดรธานี ระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ ถึงขั้นตอนการปล่อยตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการพักโทษว่า เข้าใจว่าจะมีการปล่อยตัว
ในวันที่ 18 ก.พ. เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม กรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ
เมื่อถามว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม มีการรายงานขั้นตอนอะไรที่เป็นพิเศษหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็เป็นไปตามที่พูดที่เป็นข่าว เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง
เมื่อถามว่า การปล่อยตัวจะเป็นในช่วงกลางคืนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่ทราบเลยครับ ผมไม่ทราบ แต่เป็นวันที่ 18 ก.พ. ผมไม่แน่ใจในข้อกฎหมาย เพราะวันที่ 18 ก.พ. วันรุ่งขึ้นก็คือวันที่ 18 ก.พ. ผมไม่แน่ใจ ไม่ได้มีการคุยกัน ไม่ได้ลงรายละเอียด ผมเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย”
พร้อมขอคำแนะนำทุกนายกฯ
เมื่อถามว่า นายกฯ จะมีโอกาสไปเยี่ยมนายทักษิณหรือไม่ หลังได้รับการปล่อยตัว นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องดูตามความเหมาะสม ส่วนที่จะไปขอคำแนะนำอะไรหรือไม่ เชื่อว่าในฐานะนายกฯ ตนให้เกียรติอดีตนายกฯ ทุกท่าน
“ถ้ามีโอกาสเจอกันตามงานหรือถ้ามีความจำเป็นที่นายกฯ ในอดีตมีความชำนาญเรื่องนั้นเป็นพิเศษ ผมไม่เขินอายที่จะไปขอคำปรึกษา ก่อนหน้านั้น เจอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ก็คุยกันเป็นชั่วโมง มีหลายเรื่องที่ท่านให้คำแนะนำมา” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่า จะแค่ขอคำปรึกษาหรือตั้งเป็นคณะทำงาน นายกฯ กล่าวว่า “ยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น ตนยังไม่ทราบว่านายทักษิณอยากทำแบบนั้นหรือเปล่า ไปพูดก้าวล่วงแบบนั้นก็ไม่ถูกต้อง ตนเชื่อว่านายทักษิณไปจากประเทศไทยหลายปีแล้ว ก็คงไม่อยากทำแบบนั้น ก็คงมีเรื่องที่อยากจะทำ นายทักษิณ ก็ไม่สบายอยู่ด้วย ก็ต้องดูความเหมาะสม”
เขียนป้ายต้อนรับคุณตา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยบุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ไพสต์สตอรี่อินสตาแกรม ที่หลานๆ กำลังวาดป้ายต้อนรับคุณตาโดยมีข้อความว่า “JUST DO TODAY AND IT WILL BE“ ”окау“
เปิดขั้นตอนการปล่อยตัว
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าตั้งแต่เวลา 00.00 น. เข้าวันที่ 18 ก.พ. เป็นวันครบกำหนดได้รับการพักโทษ ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยขั้นตอนการปล่อยตัว นายทักษิณ กรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อาจเป็น ผบ.เรือนจำฯ หรือเจ้าพนักงานเรือนจำที่ได้รับมอบหมาย จะเป็นผู้เดินทางไปพบผู้ได้รับการพักโทษ พร้อมกับนำเอาเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพักโทษให้เจ้าตัวเซ็นลายมือชื่อ ด้วย นายทักษิณ ถือว่าครบวันบริหารโทษและได้เข้าสู่กระบวนการพักโทษแล้ว อีกทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็อนุมัติรับทราบให้ปล่อยตัวพักโทษ เมื่อถึงวันพักโทษ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็ไม่สามารถคุมตัวไว้ได้อีกต่อไป ส่วนกระบวนการเกี่ยวกับการคุมประพฤติระหว่างพักโทษ เช่น ข้อกำหนด ข้อห้ามการกระทำ หรือเงื่อนไขการรายงานตัวต่างๆ หลังจากนี้ก็ค่อยดำเนินการในภายหลังได้ โดยเจ้าหน้าที่คุมประพฤติจะมีเวลา 3 วัน ในการเดินทางเข้าพบผู้ได้รับการพักโทษ นับแต่วันที่ได้พักโทษ
ให้เซ็นเอกสารที่รพ.ตำรวจ
สำหรับกรณีของนายทักษิณ หากวันพักโทษที่จะต้องปล่อยตัวไปตรงกับวันหยุด ตามหลักการแล้ว ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะมอบหมายให้พัศดีเวรทำหน้าที่เดินทางไปยังสถานที่คุมขัง ก็คือ รพ.ตำรวจ เพื่อดำเนินการในขั้นตอนปล่อยตัวผู้ได้รับการพักโทษ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า ผบ.เรือนจำฯ อาจจะเดินทางไปด้วยตัวเอง ส่วนกระบวนการปล่อยตัวนายทักษิณเมื่อได้รับการพักโทษตามกฎหมายแล้ว เวลาเที่ยงคืนที่กำลังเข้าสู่วันพักโทษ หรือ เวลา 00.00 น. วันที่ 18 ก.พ. ก็ถือว่าเจ้าตัวได้รับการพักโทษแล้ว แต่ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ไม่เคยมีการปล่อยตัวผู้ต้องขังยามวิกาล และการปล่อยตัวจะต้องมีขั้นตอนของเอกสารต่าง ๆ ระหว่างเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และผู้ต้องขัง และส่วนใหญ่จะทำในเวลาทำการปกติ เช่น เวลา 06.00 น. หรือเวลา 08.00 น. หรือบางเรือนจำอาจปล่อยตัวในช่วงเวลา 13.00 น. ซึ่งขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละเรือนจำ จึงมีความเป็นไปได้ว่า ภายในวันอาทิตย์ที่ 18 ก.พ. นายทักษิณจะได้รับการปล่อยตัวพักโทษ แต่ถึงอย่างไรก็มีความเป็นไปได้อีกว่า แม้ได้รับการพักโทษแล้ว แต่นายทักษิณอาจจะนอนพักรักษาตัวต่อที่ รพ.ตำรวจ ได้อีก หากสุขภาพยังไม่เอื้ออำนวยมากเพียงพอในการขยับหรือเคลื่อนย้าย จึงต้องดูในส่วนของรายละเอียดการพูดคุยระหว่างแพทย์และผู้ป่วยประกอบด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ครอบครัวหรือญาติก็จำเป็นต้องรับฟังเช่นเดียวกัน
รพ.ตำรวจไร้การเคลื่อนไหว
จากกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีชื่อในลิสต์ 930 นักโทษ ที่เข้าเกณฑ์ได้พักโทษ ซึ่งจะครบกำหนดได้พักโทษในวันที่ 18 ก.พ.นี้ หลังรับโทษครบกำหนด 180 วัน
เวลา10.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าอาคารมหาภูมิพล ราชานุสรณ์ 88 พรรษา หรือ มภร. ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทางกรมราชทัณฑ์ ได้นำตัวนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาอาการป่วย ที่ห้อง 1401 ชั้น 14 ซึ่งเป็นห้องสูท แบบ VVIP ในช่วงเช้านี้ เงียบเหงา ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งกลุ่มมวลชน กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) , ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และ กองทัพธรรม รวมถึงความเคลื่อนไหวของรถโรงพยาบาล
มีเพียงแต่สื่อมวลชนหลายสำนักที่คอยดูความเคลื่อนไหว และมีกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบตระเวนคอยสังเกตการณ์บริเวณรอบพื้นที่ นอกจากนี้บริเวณหน้านิติเวช มีการนำกรวยมาตั้งไว้เพื่อห้ามให้จอดรถ และมีรถบัสโรงพยาบาลจำนวน 3 คัน จอดเทียบอยู่บริเวณโรงอาหาร
จากการตรวจสอบ นางสาวพวงทิพย์ บุญสนอง หรือ ทนายมิ้นต์ ทนายความของกลุ่ม คปท. เปิดเผยผ่านโทรศัพท์มือถือ ว่าในวันนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มแกนนำ คปท ที่จะมาจัดกิจกรรม หน้าโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งยังต้องหารือเพื่อพิจารณาว่าจะมีการจัดกิจกรรมหรือไม่
สะพัดออกจากรพ.5.00-6.00น.
จากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีชื่อในลิสต์ 930 นักโทษ ที่เข้าเกณฑ์ได้พักโทษ ซึ่งจะครบกำหนดได้พักโทษ ในวันที่ 18 ก.พ.นี้
ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า นายทักษิณ จะได้รับการปล่อยตัวจากโรงพยาบาลตำรวจ ในวันที่ 18 ก.พ.นี้ โดยในการปล่อยตัวดังกล่าว นายทักษิณ จะขึ้นรถโรงพยาบาลพระราม 9 ออกจากโรงพยาบาลตำรวจในช่วงเวลาประมาณ 05.00-06.00 น. ก่อนจะเดินทางไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า บ้านเลขที่ 472-474 ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร.
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงยุติธรรมอธิบายถึงกระบวนการปล่อยตัวว่า ตามกฎหมายเวลา 00.00 น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ถือว่าได้รับการพักโทษแล้ว แต่ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ไม่เคยปล่อยตัวผู้ต้องขังยามวิกาล และต้องมีขั้นตอนเอกสารต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำในเวลาทำการปกติ ตั้งแต่ 06.00 น.เป็นต้นไป แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า นายทักษิณ อาจพักรักษาตัวต่อที่ รพ.ตำรวจ หากสุขภาพยังไม่เอื้อต่อการเคลื่อนย้าย จึงต้องดูรายละเอียดการพูดคุยระหว่างแพทย์และผู้ป่วยประกอบด้วย
จันทร์ส่องหล้ายังเงียบเหงา
. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เลขที่ 472 และเลขที่ 474 ตั้งอยู่ใน ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69 แขวงและเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ภายหลังจากมีรายงานข่าวว่า นายทักษิณจะเดินทางกลับไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้าในช่วงหลังเที่ยงคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันอาทิตย์ที่ 18 ก.พ. โดยใช้รถนำส่งผู้ป่วยของ รพ.ตร. มารอรับบริเวณช่องทางชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นสถานที่จอดรถของ รพ.ตร. และกลับเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าทันที เพื่อหลีกเลี่ยงกลุ่มสื่อมวลชนที่ติดตามความเคลื่อนไหวรอทำข่าว จากนั้นในช่วงสัปดาห์แรก นายทักษิณจะเก็บตัวเงียบอยู่กับครอบครัวเท่านั้น โดยบรรยากาศช่วงเช้า 1 วันก่อนถึงวันพักโทษ พบว่า พื้นที่เขตบางพลัดมีฝนตกหนักก่อนซาลงไป
สำหรับจุดแรก บ้านเลขที่ 472 ซึ่งล้อมรอบด้วยกำแพงสีขาวมุก มีประตูทางเข้า-ออกทั้งสิ้น 2 ทาง และเมื่อเดินอ้อมมายังหัวมุมบ้าน พบหน้าต่างบานเกล็ดปิดทึบ และเมื่อเวลา 09.15 น. ที่ผ่านมา พบรถเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.บางพลัด ขับวนเข้ามาภายในซอย จำนวน 2 ครั้งก่อนขับออกไป และยังมีเพียงผู้พักอาศัยในบริเวณดังกล่าวสัญจรไปมาด้วยรถยนต์และรถจักรยานยนต์ นอกจากนี้ เมื่อไปสำรวจบ้านพักอีกหลังหนึ่งของนายทักษิณ ซึ่งล้อมรอบด้วยกำแพงสีน้ำตาล มีป้ายข้อความติดระบุว่า “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกันกับบ้านพักจุดแรก มีความยาวตั้งแต่ ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69 แยก 12 จนถึง ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69 แยก 20 เมื่อสำรวจไปยังพื้นที่ภายในบ้านยังไม่พบความเคลื่อนไหวหรือการจัดเตรียมพื้นที่ใดๆ และทุกประตูล้อมบ้านพักแห่งนี้ยังคงปิดสนิท ทั้งนี้ ทั้งสองหลัง ยังคงปิดเงียบสนิท ไม่มีความเคลื่อนไหวจากคนภายในและภายนอก.
ร่ายกลอนต้อนรับแม่วกลับบ้าน
ขณะที่ นายอดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า
“กลับสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า มองท้องนภาดูแจ่มใส
ดอกไม้บานกลางดวงใจ รักกันไว้ตลอดกาล…
ยินดีต้อนรับ ท่าน ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย
“อนุสรณ์”ยันการเมืองไม่กระเพิ่อม
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร จะได้รับการพักโทษวันที่ 18 ก.พ.ว่า คิดว่าไม่ส่งผลอะไรกับการเมืองหรือรัฐบาล เพราะนายทักษิณ เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายปกติ ไม่ว่าจะเป็นการถูกควบคุมตัวในโรงพยาบาลตำรวจ หรือการพักโทษก็เป็นตามเงื่อนไขที่ได้รับการพักโทษที่มีอยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นกระบวนการยุติธรรมตามปกติ
“การที่มีบางฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์เพื่อให้กระทบรัฐบาลนั้นเป็นคนละเรื่องกัน รวมถึงบางส่วนที่พูดไปไกลถึงขนาดว่าจะเข้าสู่ภาวะการมีนายกฯสองคน ไม่ไปไกลขนาดนั้น อาจเป็นการจุดพลุแบบหวังลมๆแล้งๆ เพราะวันนี้ประเทศชาติบอบช้ำมามากพอแล้ว จากนี้ไปขอให้รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ได้ทำงานเต็มที่ ส่วนท่านทักษิณ ได้รับการพักโทษก็กลับบ้านไปตามระเบียบราชทัณฑ์ ไม่ได้มีสถานะนายกฯอีกคนแต่อย่างใด ผมจึงมั่นใจว่าไม่มีแรงกระเพื่อมใดๆกระทบรัฐบาล และมั่นใจว่าตลอดอายุรัฐบาล 4 ปีจะเดินหน้าประเทศในทุกมิติ และไม่ควรมีการเอาสถานการณ์การพักโทษของนายทักษิณ มาเกี่ยวข้องทุกกรณีกับรัฐบาล”
ปปช.รับคำร้องสอบกรมคุก
วันเดียวกัน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงคำร้องที่ยื่นให้ไต่สวนกรมราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ กับพวกและฝ่ายการเมืองที่เกี่ยวข้อง มีพฤติการณ์หรือการกระทำที่ผิดประมวลจริยธรรมของข้าราชการหรือนักการเมืองและกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อเอื้อประโยชน์กับ นช.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ ว่า ขณะนี้ป ป.ช. รับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลทั้งกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ เพราะตามขั้นตอน ต้องได้ข้อมูลมาก่อนว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มีกฎหมายและวิธีปฏิบัติอย่างไรในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งใช้เวลาพอสมควร หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและมีการกระทำผิดกฎหมาย มีมูลความผิดจริง ขั้นตอนต่อไปก็จะต้องมีการสั่งไต่สวน แล้วเชิญพูดถูกกล่าวหามาชี้แจง
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณได้พักรักษาตัวในโรงพยาบาล เป็นการปฏิบัติ 2 มาตรฐาน นายนิวัติไชย กล่าวว่า พฤติกรรมที่ช่วยเหลือ ต้องดูคนที่มีหน้าที่ ซึ่งคือกรมราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งต้องดูว่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ มีความเกี่ยวข้องหรือไม่ ดังนั้นก็ถือว่าเข้าอยู่ แต่จะเข้าความผิดหรือไม่ ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริง ถ้ามีกฎหมาย มีเรียบเปิดช่องก็ทำได้ แต่หากไม่มีกฎหมาย หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องทำไปโดยฝ่าฝืนก็มีประเด็นว่า จะมีมูลเป็นความผิดหรือไม่ จึงอยู่ที่การตรวจสอบ ซึ่งวันนี้ยังเร็วไปที่จะบอกว่าใครผิดใครถูก
ดูว่าเอื้อประโยชน์กันหรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า มีการมองพฤติกรรมของกรมราชทัณฑ์ กับโรงพยาบาลตำรวจมีกฎหมายรองรับ แต่ในทางพฤติกรรมการสามารรถตรวจสอบได้หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ถ้ามีกฎหมาย มีระเบียบรองรับ ส่วนพฤติกรรมดเหมาะสมหรือไม่ ก็ต้องแยกกัน เพราะป.ป.ช.ไม่สามารถตรวจสอบเรื่องความเหมาะสมได้ เพราะหากไม่ผิดกฎหมายแล้วเขาจะมีเจตนาอย่างไร แต่หากผิดกฎหมายถึงจะมีเจตตนาในทางอาญา แต่หากกฎหมายเปิดช่องให้ใช้ดุลพินิจ เขาก็ใช้ดุลพินิจ ซึ่งเขาอาจจะใช้ดุลพินิจกับคนอื่นด้วยก็ได้ อย่างไรก็ตามเรื่องการตรวจสอบว่ามีการใช้ดุลพินิจถูกต้องหรือไม่นั้นก็ต้องทำควบคู่กันไป แต่อย่างแรกก็ต้องดูข้อกฎหมาย ระเบียบ วิธีปฏิบัติ มติครม. เป็นหลักก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่วางเส้นไว้แล้วว่า อย่าฝ่าฝืน แล้วค่อยมาดูว่า มีการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ทั้งนี้หากกฎหมายให้ทำได้ การตรวจสอบดุลพินิจก็ลำบาก เหมือนกรณีศาลตัดสินคดีก็มีฝ่ายที่แพ้ฝ่ายชนะ ก็เป็นการใช้ดุลพินิจที่ทำได้โดยกฎหมาย ระเบียบวิธีปฏิบัติ แล้วจะไปชี้อย่างไร แต่หากมีการใช้ดุลพินิจเพราะได้รับผลประโยชน์ ป.ป.ช.ก็ตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตามส่วนนี้ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง ตนจึงพูดในหลักการเท่านั้น
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า กรมราชทัณฑ์มีการออกระเบียบมารองรับไว้ก่อนแล้ว และหลังจากนั้นก็ได้รับตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ต้องดูว่าสิ่งที่ทำนั้น ทำคนเดียวหรือไม่ เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ไม่สามารถไปวิจารณ์ก่อนหน้าว่าทำเพื่อเอื้อประโยชน์หรือไม่ ต้องดูที่ข้อเท็จจริงก่อน ยังไม่สามารถพูด หรือให้ความเห็นไปก่อนได้ เพราะเป็นเพียงปัญหาตุ๊กตายังไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่
ปชป.ตามตอก”เศรษฐา”
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ออกมาให้ความเห็นเรื่องการพักโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า บ้านเมืองจะอยู่ได้ทุกคนต้องยึดหลักความถูกต้อง ปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมืองอย่างเคร่งครัด ทุกคนเท่าเทียมกันในทางกฎหมายจะต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติ นายเศรษฐา จะบอกว่าไม่ทราบรายละเอียดคงไม่ได้ เป็นถึงผู้บริหารสูงสุด เรื่องสำคัญของคนสำคัญของนายกประชาชนดูออก ว่านายกรัฐมนตรีรู้ทุกเรื่อง ก็ต้องตั้งคำถามว่า ทั้งหมดเป็นไปตามหลักกฎหมายหรือเป็นไปตามหลักการเลือกปฏิบัติ
นายราเมศ กล่าวด้วยว่า ส่วนนายกฯจะตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษาหรือไม่ เป็นเรื่องของนายกฯ เพราะเชื่อว่าไม่ว่านายทักษิณจะอยู่ในสถานะใด เป็นผู้ต้องขังที่ได้รับการพักโทษ หรือ ผู้ที่เคยต้องคำพิพากษามาหลายคดี ก็ไม่มีผล เพราะที่มาของนายกรัฐมนตรีคนนี้ทุกคนทราบดีว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงสอดคล้องกันอย่างปฏิเสธไม่ได้นายกฯเป็นคนมีระเบียบวินัยยิ่งกว่าทหาร ซ้ายหันขวาหันทำได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
“เทพไท” ขอปลดกำไรอีเอ็ม
วันเดียวกัน นายเทพไท เสนพงศ์ โพสต์เฟซบุ๊คระบุข้อความว่า ขอความเป็นธรรม ปลดกำไล EM ด้วย ถ้าดูระเบียบของกรมราชทัณฑ์ เกี่ยวกับเงื่อนไขการพักโทษ 8 ข้อ ที่บังคับใช้ต่อคุณทักษิณ ชินวัตร นั้น เป็นเงื่อนไขพื้นฐานทั่วไป ที่ใช้กับนักโทษทุกคน เป้าหมายหลักของเงื่อนไขการพักโทษที่สำคัญ มีอยู่ 2 ข้อ คือไม่กระทำความผิดซ้ำ ในความผิดเดิม กับไปกระทำผิดกฎหมายอื่น เช่น ยาเสพติด อาวุธ ฯลฯ
ซึ่งถ้าพิจารณาถึงคดีการกระทำผิด ของคุณทักษิณ เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อหน้าที่ การทุจริตโกงชาติโกงบ้านเมืองนั้น คุณทักษิณไม่มีโอกาสไปกระทำความผิดซ้ำอย่างแน่นอน เพราะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งบริหารทางการเมืองโดยตรง แต่อาจจะใช้บทบาทบารมีอยู่เบื้องหลัง กำกับให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่อยู่ภายใต้อาณัติของตัวเอง กระทำการใดๆ ตามที่ตนต้องการได้ แต่ก็ไม่สามารถจะเอาผิด หรือเป็นการกระทำผิดเงื่อนไขการพักโทษของกรมราชทัณฑ์ได้
ซึ่งเงื่อนไขการพักโทษของคุณทักษิณนั้น เป็ยระเบียบเดียวกันที่ใช้กับการพักโทษของผม ซึ่งผมได้ปฏิบัติตามระเบียบการพักโทษมาเป็นเวลา 4 เดือนแล้ว ได้ไปรายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติตรงต่อเวลาทั้ง 4 ครั้ง และไม่มีโอกาสไปกระทำความผิดซ้ำอย่างแน่นอน เพราะความผิดของผมเกี่ยวกับพรบ.การเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งผมไม่มีโอกาสไปกระทำผิดซ้ำได้ เพราะยังไม่มีการเลือกตั้งใดๆในช่วงนี้
แต่เมื่อคุณทักษิณได้รับการพักโทษโดยไม่ต้องติดทำไรอีเอ็ม โดยมีข้อยกเว้นเกี่ยวกับอายุ และเชื่อว่าไม่กระทำความผิดซ้ำอีก ผมจะทวงถามเรื่องนี้ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพราะ เงื่อนไขของผมก็ไม่ต่างกับคุณทักษิณ เมื่อคุณทักษิณไม่ติดกำไลอีเอ็มได้ ผมก็มีสิทธิ์ที่จะขอยกเว้นการติดกำไลอีเอ็มได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะรอหลังจากวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ก่อน ถ้าคุณทักษิณได้รับการยกเว้นการติดกำไลอีเอ็มจริง ผมจะทำหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณายกเว้นการติดกำไลอีเอ็มให้กับผมด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี