เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 25567 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.ชญาภา สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงท่าทีของพรรคเพื่อไทย ต่อร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาในวาระหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 นี้
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้ศึกษาร่างกฎหมายดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว และเห็นด้วยในหลักการและแนวคิดดังกล่าว ควรถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเพื่อสิทธิและความเท่าเทียมของพี่น้องประชาชนทุกคน ตามที่พรรคเพื่อไทยพยายามผลักดันมาโดยตลอด แต่จากการศึกษารายละเอียดเนื้อหาเบื้องต้น พบว่า ในร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวนี้มีความเกี่ยวพันกับกฎหมายฉบับอื่นที่ร่างกฎหมายยังให้รายละเอียดไม่ชัดเจนเพียงพอ ทั้งประเด็นของคำนำหน้านาม ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งควรต้องมีร่าง พ.ร.บ.บัตรประชาชน (คำนำหน้านาม) , สิทธิทางการรักษาพยาบาลและในทางการแพทย์ เกี่ยวข้องกับกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต้องมีร่าง พ.ร.บ.รับรองอัตลักษณ์ หรือสิทธิของแรงงานในการลาคลอด,การลาบวช ฯลฯ เกี่ยวข้องกับกระทรวงแรงงาน ต้องมีร่างเฉพาะด้วยเช่นกัน รวมถึงประเด็นการแข่งขันกีฬา ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อาจต้องมีร่างที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ด้วยหรือไม่ รวมทั้งขณะนี้เป้าหมายใหญ่คือการปรับแก้กฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่ต้องเดินหน้าต่อ หากร่างกฎหมาย ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดก่อนอาจมีเนื้อหาที่ขัดกับกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่กำลังผลักดัน และอาจทำให้ต้องมีการรื้อร่างกฎหมายสมรสเทียม ที่ปัจจุบันกำลังอยู่ในการพิจารณาของสภา
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะรอดูกานพิจารณาในสภาพรุ่งนี้ รวมเฉพาะร่างของพรรคก้าวไกลที่เราให้เกียรติพรรคฝ่ายค้านเสนอเข้ามา ซึ่งพรรคเพืาอไทยได้นำกฏหมายนี้กลับไปพิจารณาอย่างรอบคอบ รอบด้านแล้วและควรให้ครอบคลุมกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอีกหลายกระทรวงจะดีที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่มีนโยบายส่งเสริมอัตลักษณ์ความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ ซึ่งได้ผลักดันให้มีร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม และได้มอบหมายให้กระทรวงต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับคำนำหน้าในการคุ้มครองสิทธิความเท่าเทียม
ด้าน น.ส.ชญาภา กล่าวว่า จากการศึกษาข้อมูลของบางประเทศที่เปิดกว้างทางด้านเสรีภาพและส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศว่ายังมีความคิดเห็นที่แตกต่างในบางประเด็น และยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ เช่น กรณีที่นักกีฬาว่ายน้ำข้ามเพศในสหรัฐอเมริกา ที่ชนะการแข่งขันในรายการว่ายน้ำประเภทหญิง โดยสามารถทุบสถิติเดิม ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมอย่างหนักว่ามีความได้เปรียบเชิงกายภาพหรืแไม่ จนต่อมานักกีฬาข้ามเพศท่านนี้กำลังฟ้องศาลกีฬาโลก ให้ได้รับสิทธิแข่งขันในรายการผู้หญิง ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากในการที่เราต้องการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ถี่ถ้วน และรอบคอบ และพรรคเพื่อไทยเห็นว่าประชาชนทุกคนควรได้รับความคุ้มครองทางกฏหมายตามหลักความเสมอภาค ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่าเท่าเทียมโดยที่ไม่ได้เลือกปฏิบัติหรือจำกันเฉพาะเพศภาพเพศใดเพศหนึ่ง แต่ทุกเพศภาพต้องได้รับความคุ้มครองอย่างเท่าเทียม
ขณะที่ นายจิรวัฒน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย และรัฐบาลที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมเป็นอย่างมาก ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรมองว่าร่างกฎหมายหลายเรื่องให้คุณค่ากับสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เห็นได้จากการผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... สภาผู้แทนราษฎร หรือร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ที่ให้ความสำคัญกับการใช้สิทธิของครอบครัว ในทางมรดก ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ สมรสเท่าเทียม ส่วนเรื่องของคำหน้านามจะเปลี่ยนเป็น นาย นาง หรือนางสาวเปลี่ยนเป็นนาย เป็นเรื่องงานทะเบียน ซึ่งในฐานะรัฐบาล โดยเฉพาะหน่วยงานทางปกครอง จะต้องสามารถนำกฎหมายนั้นไปปฏิบัติเป็นรูปธรรมได้
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี