วันจันทร์ ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ศาลอาญายกคำร้องขอประกันตัว
‘ตะวัน-แฟรงค์’คุกยาว
ชี้อยู่ภายใต้การดูแลแพทย์ใกล้ชิด
ผู้ต้องหาขออดอาหารเอง
ไม่มีเหตุเปลี่ยนคำสั่งเดิม
“สนธิญา สวัสดี” ยื่นหนังสือคัดค้านให้ประกัน“ตะวัน-แฟรงค์”ขวางขบวนเสด็จฯ ซัดผิดก.ม.รัฐธรรมนูญ ฝากถึงพ่อตะวันเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วให้ยกคำร้องประกันตัวทั้งสอง
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้ายื่นหนังสือคัดค้านการให้ประกันตัว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ นักกิจกรรมทางการเมืองแนวร่วมกลุ่มทะลุวัง 2 ผู้ต้องหาคดีก่อความวุ่นวายรถขบวนเสด็จฯ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 41(1)และ (2) ประกอบมาตรา 50 ภายหลังเมื่อวันที่ 24กุมภาพันธ์ นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ บิดาของน.ส.ทานตะวัน ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอประกันตัว น.ส.ทานตะวัน และนายณัฐนนท์ ซึ่งศาลจะมีคำสั่งในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้
นายสนธิญา กล่าวว่า เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.ทานตะวัน และพวก ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยการกระทำของ น.ส.ทานตะวัน และพวก เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ และวันที่ 10 กุมภาพันธ์ คดีขวางขบวนเสด็จฯ โดยกรณีของ น.ส.ทานตะวัน และพวก เป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 50 ระบุว่าหน้าที่ของปวงชนชาวไทย คือพิทักษ์รักษาไว้เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หากผู้ใดแทรกแซงสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้
นายสนธิญา กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้เห็นภาพพ่อของ น.ส.ทานตะวัน เดินทางมายื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ปล่อยชั่วคราว น.ส.ทานตะวันซึ่งตนเห็นด้วยว่าคนเป็นพ่อย่อมรักลูก แต่ขณะเดียวกัน บ้านเมืองเรามีกฎหมาย การกระทำของ น.ส.ทานตะวัน เสี่ยงต่อความมั่นคงของรัฐ ตนก็มีลูกสาว แต่ก็รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยิ่งชีพ
“ที่ผ่านมา น.ส.ทานตะวันและพวก เคยกระทำการมาเป็นลำดับ ไม่ต่ำกว่า 7-8 ครั้ง จนครั้งล่าสุดได้มีการขัดขวางขบวนเสด็จฯ การที่ น.ส.ทานตะวัน อดข้าวประท้วง เพราะไม่เห็นด้วยที่ถูกดำเนินคดีนั้น ผมมองว่าก็กระทำได้ แต่ยังมีข้อเรียกร้องหลายข้อที่ไม่เป็นไปตามการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นายสนธิญากล่าว
ทั้งนี้ นายสนธิญา ฝากข้อความถึงนายสมหมาย พ่อของน.ส.ทานตะวัน ว่าตนก็มีลูกสาวอายุใกล้เคียงกับตะวัน ปัจจุบันเรียนจบปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ ได้สอนให้ลูกรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ตนเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ แต่ต้องยึดมั่นในชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เหนือชีวิต อย่างไรก็ตาม ขอให้พ่อยอมรับ ไม่ว่าศาลจะพิจารณาอย่างไร เชื่อว่าหลายคนไม่เห็นด้วยหากศาลอนุญาตให้ประกันตัวทั้งสอง
เวลา 11.00น.วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ บิดาของน.ส.ทานตะวัน พร้อมด้วยนายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ และคณะ เดินทางมาฟังคำสั่งการขอปล่อยชั่วคราว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ ผู้ต้องหาคดีความผิดตามมาตรา 116 กรณีบีบแตรขัดขวางขบวนเสด็จฯ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นายสมหมาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ศาลได้ขอเอกสารเพิ่มเติมเป็นใบรับรองทางการแพทย์ระบุรายละเอียดการรักษาและอาการของตะวันและแฟรงค์ โดยของตะวันจะเป็นใบรับรองแพทย์จากรพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ส่วนของแฟรงค์เป็นใบรับรองแพทย์จากรพ.ราชทัณฑ์ ตนจึงนำเอกสารทางการแพทย์มายื่นตามที่ศาลร้องขอ พร้อมขอความเมตตาจากศาลให้พิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวทั้งสองส่วนที่นายสนธิญา สวัสดี เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการประกันตัวตะวัน และแฟรงค์ นั้น ตนมองว่าก็เป็นสิทธิของนายสนธิญา ใครจะยื่นประกันตัว หรือยื่นคัดค้านก็เป็นสิทธิตามกฎหมาย แต่สุดท้ายต้องให้ศาลเป็นผู้พิจารณา
ด้านนายนภสินธุ์หรือสายน้ำ กล่าวว่า ตนและเพื่อนๆ เดินทางมาให้กำลังใจพ่อของตะวันและรอฟังคำสั่งศาล โดยหวังว่าศาลจะให้ความยุติธรรมกับเพื่อนของตน ด้วยการคืนสิทธิในการประกันตัว เพราะตามหลักแล้วผู้ต้องหาและจำเลยมีสิทธิที่จะได้รับการประกันตัวโดยศาลนัดฟังคำสั่งเวลา 13.30น.ว่าจะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทั้งสองหรือไม่
ต่อมาเวลา13.30 น.ศาลอาญาได้อ่านคำสั่งขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสอง โดยพิเคราะห์คำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง ประกอบความเห็นของแพทย์รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ซึ่งตรวจรักษาน.ส.ทานตะวัน ผู้ต้องหาที่ 1 พบว่าเข้ารับการรักษาในรพ.ธรรมศาสตร์ฯ ด้วยภาวะทุพโภชนาการและระดับเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ โดยผู้ป่วยปฏิเสธการให้สารน้ำและยาทางหลอดเลือดดำ จึงเห็นสมควรเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำและเกลือแร่อย่างเพียงพอและตรวจติดตามสังเกตอาการและตรวจติดตามผลเลือดเป็นระยะต่อไป
ส่วนแพทย์จากทัณฑสถานรพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งตรวจร่างกายของนายณัฐนนท์ หรือแฟรงค์ ผู้ต้องหาที่2 มีความเห็นว่า ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาตัวในหอผู้ป่วยอายุรกรรมชายชั้น6ของทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ด้วยอาการปวดท้อง อ่อนเพลีย 3วัน เนื่องจากอดอาหารจากความประสงค์ของผู้ป่วยเอง (สอบถามสาเหตุเป็นอุดมการณ์ทางการเมือง ไม่ใช่จากอาการทางจิต) แพทย์เห็นว่า ปัจจุบันยังนอนพักภายในทัณฑสถานรพ.ราชทัณฑ์ เพื่อสังเกตอาการใกล้ชิด ผู้ป่วยปฏิเสธการรับยา ปฏิเสธรับสารน้ำทางหลอดเลือด ปฏิเสธการรักษาทางการฉีดยาน้ำเกลือนั้นเห็นว่าศาลเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองโดยระบุเหตุผลไว้ชัดเจนแล้ว ส่วนกรณีอาการเจ็บป่วยของผู้ต้องหาทั้งสอง ขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์อย่างใกล้ชิดแล้ว กรณียังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง ยกคำร้อง
หลังศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตประกันตัวทานตะวันและแฟรงค์ ด้านสายน้ำ เปิดเผยว่า ตนเรียกร้องให้สิทธิการประกันตัวของผู้ต้องหาทั้งสองคงมีต่อไป ขอให้ศาลปล่อยให้ลูกได้ไปอยู่กับพ่อแม่ด้วย ส่วนจะยื่นประกันต่อไปหรือไม่ ขอไปพูดคุยกับพ่อแม่ของทานตะวันก่อนและวันนี้ศาลก็อนุญาตให้ฝากขังผัดที่ 2 ผู้ต้องหาอีก12วัน ส่วนที่ นายสนธิญา มายื่นหนังสือคัดค้าน ก็ขอให้มีความเป็นคนอยู่บ้าง
ขณะที่ นายสมหมาย พอทราบผลคำสั่งศาลไม่ให้ประกันตัวลูกสาว ก็มีอาการเศร้า ซึมและกล่าวสั้นๆกับผู้สื่อข่าว เรื่องการประกันตัวว่า ขอไปปรึกษากันก่อน ก่อนที่จะเดินทางกลับทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี