อดีตสส.-กองเชียร์แห่เยี่ยม‘ทักษิณ’

‘จันทร์ส่องหล้า’คึกคัก

ชู‘แม้ว’เก่ง-ทำให้อยู่ดีกินดี

พท.ชี้คนไปเยี่ยมเรื่องปกติ

ขอร้องฝ่ายค้านหยุดจับผิด

อย่ากลัวคนป่วยอายุเกิน70

บ้านจันทร์ส่องหล้าคึกคัก ลิ่วล้อลูกสมุนรุดเยี่ยม“เทวดาทักษิณ”ด้าน“จ่าประสิทธิ์”อดีตสส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ได้แค่เกาะประตูรั้ว บอกสำนึกบุญคุณนายใหญ่ ยกเป็นคนมีความรู้ความสามารถ หลายชาติต้องการตัว เชื่อจากนี้จะทำให้คนไทยอยู่ดีกินดีขึ้น ขณะที่‘เพื่อไทย’ขอฝ่ายค้านอย่ากลัวคนแก่อายุเกิน70ปี ขณะที่’นิด้าโพล’เผยม็อบเขย่าแม้วจุดไม่ติด เชื่อนั่งหลังม่าน’เพื่อไทย’

เมื่อเวลา 11.10น.วันที่ 25ก.พ.ที่บัานจันทร์ส่องหล้า จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีตสส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางมาจาก จ.ศรีสะเกษ เพื่อมาขอเข้าเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ป่วยวิกฤตและได้รับการพักโทษ โดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งใจมาพบกับ นายทักษิณ เพื่อให้กำลังใจ เพราะคือว่า นายทักษิณ เป็นคนที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทยและคนไทยมากมาย และที่ผ่านมานายทักษิณก็ได้ให้ความเมตตากับตนเองมาตลอด แม้จะเคยถูกตัดสิทธิทางการเมืองไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ที่ผ่านมามีโอกาสได้เข้าไปพบหลายครั้งตั้งแต่อยู่ที่ดูไบ สิงคโปร์และวันนี้ นายทักษิณกลับมาที่ประเทศไทยแล้วตนจึงถือโอกาสเข้ามาเยี่ยมเพื่อแสดงความสำนึกบุญคุณ

เชื่อมั่นในนายทักษิณ

ส่วนตัวเชื่อว่าคนไทยหลายคนดีใจที่นายทักษิณกลับมา และเชื่อมั่นในตัวของนายทักษิณ อยากให้รักษาสุขภาพให้ดี และการกลับมาครั้งนี้เชื่อว่าจะทำให้คนไทยอยู่ดีกินดี โดยไม่ว่าจะกลับมารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในอนาคตก็ดี หรือเป็นที่ปรึกษาหรือจะดำรงตำแหน่งอะไรก็เชื่อว่าจะทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศ มองว่าหากประเทศไทยมีทั้งนายทักษิณและนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็จะทำให้คนไทยอยู่ดีกินดี และประเทศจะดีขึ้น

เมื่อถามว่าจะไม่ถูกมองว่าประเทศไทยมีนายกฯ 2 คนหรือไม่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ กล่าวว่า นั่นเป็นเพียงความคิดของคนที่ไม่เห็นด้วย ตนอยากให้ความขัดแย้งจบลง อยากให้นายทักษิณกลับมาบริหารประเทศเพราะประเทศบอบช้ำมามากแล้ว มีสภาพเหมือนเมืองร้าง ตนไม่อยากให้ประเทศแย่ไปกว่านี้ จึงต้องถามกลับว่า การที่เราจะได้คนที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยพัฒนาประเทศมันไม่ดีอย่างนั้นหรือ หลายประเทศอยากได้นายทักษิณไปช่วย อย่างไรก็ตาม การที่นายเศรษฐาเข้าพบกับนายทักษิณ ก็ไม่ได้เข้ามาพบนายทักษิณเพียงคนเดียว แต่ที่ผ่านมาก็มีการเดินสายพบทุกอดีตนายกฯ หลายคน จึงอยากให้ทุกคนเปิดใจกว้าง และมองเรื่องการพัฒนาประเทศ

กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์

เมื่อถามว่า มีคนมองว่านายทักษิณเป็นต้นตอของความขัดแย้ง เนื่องจากมีการใช้อภิสิทธิ์ในการได้รับการพักโทษ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ ทำไมไม่มองย้อนกลับไปเมื่อ 17 ปีที่แล้ว การที่นายทักษิณถูกยึดอำนาจ และยังมีการตั้งองค์กรต่างๆ ขึ้นมาทำร้ายนายทักษิณ มีการยุบพรรคอยู่ฝ่ายเดียว อีกฝั่งทำผิดกลับไม่เคยโดนอะไรเลย เพราะฉะนั้นนายทักษิณได้รับความยุติธรรมตั้งแต่แรก วันนี้พอกลับมาแล้วก็ถูกมาหาเรื่องต่อ เพราะฉะนั้นคนที่มาหาเรื่องก็คือคนที่ไม่ชอบนายทักษิณแบบเข้าสมอง เข้าจิตใจ แต่กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า อะไรจริงหรือไม่จริง มีหลายคนที่เปลี่ยนใจมารักทักษิณก็เยอะ จากที่เคยเกลียด

เมื่อถามว่าหลายคนไม่เชื่อว่านายทักษิณมีอาการป่วยจริง จ.ส.ต.ประสิทธิ์ กล่าวว่า คนที่พูดแบบนี้คือคนที่ไม่เปิดใจและไม่ชอบอยู่เบื้องลึก ยืนยันว่านายทักษิณมีอาการป่วยจริงเพราะตั้งแต่ที่ตนไปพบที่ดูไบก็ป่วยเป็นโควิด ใครจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่หลักฐานทางการแพทย์ มีทั้งใบรับรองแพทย์ และเชื่อว่าบุคลากรทางการแพทย์มีจรรยาบรรณ ไม่มีใครเอาศักดิ์ศรีมาแลกกับเรื่องแบบนี้ หากเป็นเรื่องที่ไม่จริง และคนอายุ 70 ปีอะไรก็เสื่อมลง

เห็นด้วยการนิรโทษกรรม

จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ตนเห็นด้วยกับการแก้กฎหมายนิรโทษกรรม อยากให้ผู้มีอำนาจโดยเฉพาะสภาพิจารณา โดยไม่อยากให้การนิรโทษกรรมเป็นการเลือกปฏิบัติ อยากให้นิรโทษกรรมทุกฝ่าย โดยเฉพาะคดีทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นคดีอะไรก็ช่าง รวมถึงผู้ต้องคดี ม.112 ถ้าเราไม่ให้โอกาสลูกหลานเรา คนที่มีความคิดต่างทางการเมือง บางทีอาจจะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนา จะถูกกล่าวหาอย่างไรก็ช่าง ตนคิดว่าการให้โอกาส การให้อภัยเป็นเรื่องที่ดี ต่อให้คนนั้นผิดก็ช่าง ตนคิดว่าหากคนมีจิตสำนึกก็จะไม่ไปทำอีก เขาจะภูมิใจ และร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองของเรา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม สุดท้ายนายทักษิณไม่ได้อนุญาตให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์เข้าพบ เนื่องจากไม่ได้มีการนัดหมายล่วงหน้า ทำให้เจ้าตัวนั่งแท็กซี่กลับไปโดยยืนยันว่าจะมีการประสานมาเรื่อยๆ เพื่อขอเข้าพบให้ได้

เสื้อแดงแห่ให้กำลังใจนายใหญ่

เวลา 15.10น.บ้านจันทร์ส่องหล้าย่านจรัญสนิทวงศ์ 69 ตัวแทนแฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ และ นิยม นพรัตน์ หรือ ‘เค สามถุยส์’ ทำกิจกรรมให้กำลังใจอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า โดย นายเค สามถุย ถือป้ายข้อความให้กำลังใจ “Welcome Home ยินดีต้อนรับนายกขวัญใจมหาชนคนเสื้อแดงกลับบ้าน พร้อมกับกล่าวโจมตีด้อมส้ม ว่า ‘เป็นฝูงซอมบี้ที่อ้างว่าถูกคนเสื้อแดงและนายทักษิณ หักหลัง โดยระบุว่าคนพวกนี้ไปกินส้มจนสมองเพี้ยน ผมไม่เข้าใจคนพวกนี้เชียร์พรรคส้ม แต่ไม่ภูมิใจกับการเชียร์พรรคส้ม ด้อมส้มไปที่ไหนก็ชอบอ้างว่าตัวเองเป็นเสื้อแดงตลอด

นายนิยม กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีมีการระบุว่านายทักษิณมีอิทธิพลทางการเมืองนั้น เป็นการตัดสินใจของนายทักษิณเองเราไม่ก้าวล่วง แต่ใจจริงของคนเสื้อแดงอยากให้ท่านกลับมาช่วยหรือเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาล ให้ความเห็นเกี่ยวกับการบริหารประเทศ เพราะนายทักษิณเป็นคนมีความรู้ความสามารถเห็นได้จากผลงานที่ผ่านมา “วันนี้ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบนายกรัฐมนตรีทักษิน เราต้องการให้ท่านพักผ่อน แต่ตั้งใจมาให้กำลังใจ ส่งกำลังใจ เชื่อว่าท่านก็ดูข่าวอยู่ อย่างที่ตนได้โพสต์เฟสบุ๊ค เสื้อแดงทั้งในประเทศและต่างประเทศฝากส่งกำลังใจให้นายกทักษิณ” นายนิยม กล่าว เมื่อถามว่า มีการมองว่านายทักษิณกลับมา จะทำให้ไทยมีนายกรัฐมนตรี 2 คน นายนิยม กล่าวว่า คงไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรี 2 คนแต่เป็นการใส่ความของพรรคการเมืองตรงกันข้าม ซึ่งต้องบอกว่าเป็นกระแสไอโอของพรรคส้ม และอยากย้อนถามพรรคก้าวไกลว่า ตอนนี้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ก.ก. ก็ไม่ใช่หัวหน้าตัวจริงแน่นอน แต่พรรค ก.ก.มีหัวหน้าพรรคถึง 3คน

นายนิยม กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ เจตนาของคนเสื้อแดงต่อสู้มาตั้งแต่ต้นเพื่อเรียกร้องให้นายทักษิณกลับบ้าน เพราะถูกรัฐประหาร ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่พอกลับมาแล้วกลับมาบอกว่านายทักษิณหักหลังประชาชน คนพวกกินส้มจนสมองเพี้ยน สติปัญญาไม่มี ตอนนี้กลายเป็นฝูงซอมบี้ไปแล้ว ตอนนี้หันไปเชียร์ส้มแล้ว แต่กลับไม่ภูมิใจในพรรคของตัวเอง กลับมาอ้างว่าเป็นคน พท.แต่ถูกทักษิณหักหลัง ต้องเผาเสื้อสีแดงทิ้ง ก่อนจะติดสติกเกอร์รูปหัวใจหน้าบ้านจันทร์ฯและเดินทางกลับไป

ดีใจนายใหญ่ได้กลับบ้าน

ด้าน นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงนายกฯเศรษฐาไปพบนายทักษิณว่า เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าไม่ไปเยี่ยมถือเป็นเรื่องแปลก หรือการที่สมเด็จฯฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา มาเยี่ยมนายทักษิณก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะรู้จักคุ้นเคยกัน ส่วน ส.ส.ยังไม่ได้หารือกันถึงการไปเยี่ยม แค่กลับมาอยู่บ้าน ส.ส.ก็ดีใจแล้ว จึงไม่อยากให้ตั้งแง่วิจารณ์กัน อีกทั้งศาลไม่มีคำสั่งห้ามเยี่ยมหรือห้ามแสดงความคิดเห็นอะไร

“อะไรที่เป็นประโยชน์ ผมเชื่อว่ารัฐบาลก็พร้อมจะขอความคิดเห็นในฐานะผู้มีประสบการณ์ ส่วนคนที่ออกมาวิจารณ์เป็นคนหน้าเดิมๆ คนที่เคยพูดให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก้าวข้ามคุณทักษิณ แต่ทุกวันนี้คนเหล่านี้ยังหมกมุ่น ไม่ก้าวข้ามคุณทักษิณ แค่มีคนไปเยี่ยมจะกลัวอะไรกันนักหนา กลัวอะไรกับคนอายุ 70 กว่าปี คุณทักษิณไม่ใช่อาชญากร” นายวิสุทธิ์กล่าว

เมื่อถามถึง ข้อครหาเรื่องกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐานในการปฏิบัติต่อนายทักษิณนั้น จะกระทบต่อพรรค พท.หรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าไม่ส่งผลกระทบถึงพรรค พท. เพราะไม่ได้ 2 มาตรฐาน เพราะไม่ได้ปล่อยตัวนายทักษิณคนเดียว แต่เป็นการพักโทษ 930 คน ซึ่งนายทักษิณเป็นหนึ่งในนั้น เป็นหลักสากลที่ทั่วโลกทำกัน ไม่ได้ทำเพื่อนายทักษิณคนเดียว คดีที่นายทักษิณต้องโทษเป็นคดีที่ตั้งฝ่ายตรงข้ามในขณะนั้นมาตัดสิน ใครจะยอมรับได้ที่เอาฝ่ายตรงข้ามมาตรวจสอบ ถามว่านายทักษิณได้รับความยุติธรรมหรือไม่

โพลสำรวจไม่เห็นด้วยการพักโทษ

วันเดียวกันสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เจ้าของ’นิด้าโพล’ เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “อำนาจราชทัณฑ์กับการเมืองหลังพักโทษ” เกี่ยวกับอำนาจของกรมราชทัณฑ์ในการพิจารณาลดโทษหรือพักโทษให้กับนักโทษ หลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว พบว่า ร้อยละ 40.00 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 19.47 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 19.16 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 18.01 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย

ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการพิจารณาลดโทษ หรือพักโทษของกรมราชทัณฑ์ ควรมีผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกร่วมเป็นกรรมการ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.69 ระบุว่า เห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 24.58 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 24.27 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 8.70 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย

เชื่อแม้วอยู่หลังม่านเพื่อไทย

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองหลัง “ทักษิณ ชินวัตร” ได้รับการพักโทษ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 50.38 ระบุว่า “ทักษิณ ชินวัตร” จะมีบทบาทในการให้คำปรึกษากับพรรคเพื่อไทย รองลงมา ร้อยละ 28.93 ระบุว่าการชุมนุมต่อต้าน “ทักษิณ ชินวัตร” จะไม่สามารถจุดติดเป็นการชุมนุมใหญ่ร้อยละ 26.72 ระบุว่า คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยจะลดลงจากบทบาทที่มากขึ้นของ “ทักษิณ ชินวัตร” ร้อยละ 21.68 ระบุว่า การชุมนุมต่อต้าน “ทักษิณ ชินวัตร” จะสามารถจุดติดเป็นการชุมนุมใหญ่ร้อยละ 19.69 ระบุว่า การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะเข้มข้นขึ้น

จันทร์ส่องหล้าศูนย์กลางอำนาจ

ร้อยละ 19.24 ระบุว่า เร็ว ๆ นี้จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ร้อยละ 17.63 ระบุว่า “ทักษิณ ชินวัตร” จะไม่ยุ่งกับการเมืองอีกแล้ว ร้อยละ 17.02 ระบุว่า นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จะอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ ร้อยละ 14.43 ระบุว่า ประเทศไทยจะดูเหมือนมี “นายกรัฐมนตรี” สองคน ร้อยละ 12.21 ระบุว่า ศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองยังคงอยู่ที่ “ทำเนียบรัฐบาล” ร้อยละ 11.15 ระบุว่า ศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองจะย้ายไปอยู่ที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า”

ร้อยละ 11.07 ระบุว่า จะมีการเปลี่ยนตัว “นายกรัฐมนตรี” จากนายเศรษฐา ทวีสิน เป็น “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 9.54 ระบุว่า คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยจะสูงขึ้นจากบทบาทที่มากขึ้นของ “ทักษิณ ชินวัตร” ร้อยละ 6.11 ระบุว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะเป็นมิตรกันมากขึ้น