หวั่นซ้ำรอยเขาพระวิหาร!!! "ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง"ย้ำ"เกาะกูด"เป็นของไทย เตือนรัฐบาลอย่าติดกับดักการทูต
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี นักวิชาการด้านความมั่นคง กล่าวในรายการ “แนวหน้า Talk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นแนวคิดของรัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน ที่ต้องการเจรจากับรัฐบาลกัมพูชา ในพื้นที่พิพาททางทะเลบริเวณชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์ทรัพยากรร่วมกัน ว่า กรณีที่ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เดินทางมาเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ตนเชื่อว่าน่าจะมีการพูดคุยเรื่องเกาะกูด จ.ตราด ซึ่งเกาะนี้มีความสำคัญในแง่ทรัพยากร เช่น ประมง การท่องเที่ยว และมีบ่อน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติอยู่ใกล้เคียง
ซึ่งในสนธิสัญญาที่ไทย (สยาม) ทำกับฝรั่งเศสเพื่อแบ่งเส้นเขตแดน ในขณะที่กัมพูชายังเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ก็ชัดเจนว่าเกาะกูดเป็นของไทย และนอกจากทรัพยากรซึ่งเป็นเชิงนามธรรม แล้วยังมีเรื่องความมั่นคงซึ่งเป็นรูปธรรม นั่นคือ จ.ตราด เป็นประตูเข้าสู่ประเทศไทย จึงเป็นพื้นที่สำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ตนมีข้อสังเกตว่า กัมพูชาพยายามหาทางเข้ามาอ้างสิทธิ์เหนือเกาะกูดหรือไม่ คล้ายกับที่ทำมาแล้วกับพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร
“โมเดลคือการทำให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ทีนี้การเป็นมรดกโลกมันเป็นสากล แต่เขาขอเป็นผู้จัดการ อันนี้เป็นหลักการ ไม่ต้องพูดในรายละเอียด เอาเป็นว่ากัมพูชาต้องการพื้นที่ขัดแย้งเขาพระวิหารให้เป็นมรดกโลก แต่กัมพูชาจะเป็นผู้บริหารจัดการ ทีนี้มันโยงกันระหว่างเขาพระวิหาร เพราะมันเป็นเรื่องเดียวกัน ความขัดแย้งไทยกับฝรั่งเศสมันโยงกันตลอดแนวชายแดน แต่ว่าเราแพ้ศาลโลกกรณีเขาพระวิหาร ในปี 2505 แต่เราสูญเสียแค่ตัวปราสาท แต่พื้นที่โดยรอบไม่ใช่ แต่เขาอ้างว่าเป็นของเขา” พล.อ.ท.วัชระ กล่าว
พล.อ.ท.วัชระ กล่าวต่อไปว่า กัมพูชาสามารถเข้ามาได้หลายวิธี เช่น การเจรจา ซึ่งจะเหมือนกรณีเขาพระวิหาร เพราะหลังศาลโลกมีคำตัดสิน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น ได้นำรั้วมาขึงวางแนวโดยรอบพื้นที่ปราสาทและมีการชักธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสา แต่ก็หายไปในยุคของนายทักษิณ แต่กรณีเกาะกูดและพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา อาจใช้วิธีเจรจาแบบเดียวกับพื้นที่พัฒนาร่วม (JDA) ไทย-มาเลเซีย ที่ทั้ง 2 ชาติ ใช้ประโยชน์ร่วมกันเรื่องสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม เรื่องความมั่นคงนั้นร่วมกันไม่ได้ ต้องแยกออกมา
นอกจากนั้น ยังมีประเด็นว่าจะแบ่งผลประโยชน์กันอย่างไรในเชิงภูมิศาสตร์ทางกายภาพ ดังนั้นในความเห็นของตนคือไม่อยากให้เจรจา แต่ต้องยึดถือสนธิสัญญาเป็นหลัก ส่วนประเด็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้หากตกลงให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม ตนขอให้มองไปที่ ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชาคนปัจจุบัน และเป็นบุตรชายของ ฮุน เซน ว่า ฮุน มาเนต เรียนจบมาทางด้านเศรษฐศาสตร์ และเข้าใจเรื่อง JDA จึงยกเรื่องนี้มาเจรจา ซึ่งอย่างไรไทยก็เสียอยู่ดี เพราะนี่คือของของเรา ทำไมต้องไปหารด้วย ดังนั้นฝ่ายไทยไม่ต้องเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น
“สิ่งที่น่ากลัวคือการเจรจาในเชิงการทูต ในเชิงเอาเศรษฐศาสตร์นำ อันนี้คือสิ่งที่น่ากลัวว่าเราจะสูญเสีย สมมติว่ามาร่วมกัน แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาไปเจรจากับใคร เจรจากับคนโน้นคนนี้แล้วก็มาพัฒนาร่วม อันนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวเพราะใครๆ ก็อยากได้ เพราะมันมีทั้งทรัพยากรในเชิงรูปธรรมและเชิงนามธรรม ผมเป็นคนที่มองอะไรแล้วมองถึงที่สุด แบบกรณีที่เลวร้ายที่สุดไปเลย ว่าถ้าเป็นของเขา เหมือนเขาพระวิหาร เราไม่ได้ตัดสินเด็ดขาดตั้งแต่ตอนแรก มันเลยเกิดปัญหาทับซ้อนมาเรื่อย” พล.อ.ท.วัชระ ระบุ
พล.อ.ท.วัชระ ยังกล่าวอีกว่า หากวันใดกัมพูชาอ้างสิทธิ์เหนือเกาะกูดขึ้นมาเรื่องจะยิ่งซับซ้อนขึ้น ดังนั้นฝ่ายไทยต้องดักคอไว้ก่อน อย่ารอให้ถึงวันนั้น ซึ่งจริงๆ ไม่ควรมีประเด็นเกิดขึ้นด้วยซ้ำเรื่องคำถามว่าใครเป็นเจ้าของ วันนี้ต้องสร้างความตระหนักกับสาธารณชนว่าเกาะกูดเป็นของไทย และรัฐบาลก็ไม่ต้องไปเจรจา โดยสนธิสัญญาที่ฝรั่งเศสทำขึ้น รับรองให้บรรดาเกาะแก่งต่างๆ ตั้งแต่แหลมสิงห์ลงมาจนถึงเกาะกูดเป็นของไทย เพียงแต่ได้ใช้ยอดเขาบนเกาะกูดเป็นตำบลวัดเรขาคณิตสำหรับลากเส้นแบ่งเขตแดนทางบกระหว่างกัมพูชากับไทย เพราะไม่มีจุดอื่นให้วัดได้
แต่หากกัมพูชาจะอ้างความเป็นเจ้าของให้ได้ โดยกล่าวหาว่าเกาะกูดอยู่ใกล้ไทยทำให้ไทยอ้างสิทธิ์ จุดนี้ก็จะนำไปสู่การเจรจา ซึ่งความน่ากลัวคือเราจะติดกับเรื่องการเจรจาทางการทูตเพราะไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง โดยอ้างคำว่าพื้นที่ทับซ้อน แต่คำดังกล่าวหมายถึงพื้นที่ที่ยังไม่มีข้อยุติว่าเป็นของใคร ดังนั้นต้องพูดให้ชัดว่าเกาะกูดเป็นของไทย ขณะที่ตามกฎหมายทะเล พื้นที่รอบเกาะหรือรัศมีเรขาคณิตจากฐานของชายฝั่งห่างออกไปทุกทาง 24 ไมล์ทะเล ซึ่งจะไปชนกับอาณาเขตของกัมพูชา จุดนั้นต่างหากที่ต้องเจรจา
“เกาะกูดไม่ใช่ของที่จะเอามาให้เจรจา เกาะกูดเป็นสมบัติที่มีคุณค่ามหาศาลต่อประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องเจรจา เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องไปชี้แจงในรายละเอียดตรงนี้ว่าเกาะกูดเป็นของไทย จากสนธิสัญญาฝรั่งเศส แล้วก็ร่ายยาวมา ชี้แจงว่าพื้นที่นี้เป็นของใคร พื้นที่ทางทะเลนี้เป็นของใคร ตามกฎหมายทะเลก็ว่ากันไป” พล.อ.ท.วัชระ กล่าว
ชมคลิปเต็มได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=AxLTdVberpw
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี