ฝ่ายค้านถก 6 มี.ค.
ชี้ขาดยื่น-ไม่ยื่นซักฟอกรบ.
พรรคฝ่ายค้านนัดประชุมวันที่ 6 มีนาคม สรุปเปิดอภิปรายซักฟอกรัฐบาลหรือไม่ “ธนาธร” เข้าใจ “ก้าวไกล” หากยังไม่ซักฟอกรบ.ชี้ครม.“เศรษฐา”ทำงาน 7 เดือน ข้อมูลยังไม่แน่น แนะเป็นอาวุธสำคัญ ไม่อยากให้ใช้พร่ำเพรื่อ ปัดเกี๊ยะเซี๊ยะ‘ปธ.วิปฝ่ายค้าน’ชี้หากซักฟอกรัฐบาล ข้อมูลต้องชัดจับต้องได้ ถ้าพูดเรื่องไร้สาระขุดเรื่องส่วนตัวก็เหมือน‘เกี๊ยะเซี๊ยะ’รัฐบาล ย้ำยังมีโอกาส ยื่นอภิปรายแบบไม่ลงมติภารกิจ‘เศรษฐา’หารือทวิภาคีนายกฯมาเลย์จับมือพัฒนาท่องเที่ยว-โครงการเชื่อมโยงชายแดน พร้อมหารือทวิภาคี นายกฯออสเตรเลียสานต่อความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ผลักดันการค้าการลงทุนแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและนวัตกรรม ขอพิจารณาจ้างงานชั่วคราวเกษตรกรไทยและหารือ5บริษัทเอกชนรายใหญ่ออสซี่ ดึงลงทุนแบตเตอรี่อีวี-พลังงานสะอาด-ขยายขนส่งโลจิสติกส์
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 นายอภิชาติศิริสุนทร สส.บัญชีรายชื่อเลขาธิการพรรคก้าวไกล(ก.ก.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายรัฐบาลให้ทันก่อนปิดสมัยประชุมนี้หรือไม่ว่า ในวันพรุ่งนี้(6มี.ค.)พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการประชุมหารือกันใน เวลา 10.00 น.ว่าเพื่อสรุปว่าจะมีการอภิปรายหรือไม่ และหากอภิปรายจะอภิปรายในกรอบประเด็นไหน ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีจะมีการแถลงผลงาน 6เดือน หลังจากที่เดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศและมีกระแสวิจารณ์ว่าไม่มีผลงานอะไรเป็นรูปธรรม มองเรื่องนี้ยังไงบ้าง นายอภิชาติ กล่าวว่า“ยังไม่เห็นอะไร ที่เป็นรูปธรรม”
‘ธนาธร’เข้าใจก.ก.ไม่ซักฟอกรบ.
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้ากล่าวถึงแนวโน้มที่พรรคก้าวไกลจะไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอาจถูกมองว่าเป็นการเกี๊ยะเซียะกันหรือไม่ว่าเรื่องนี้ตนเข้าใจพรรคก้าวไกลเพราะในสมัยที่ทำงานอยู่พรรคอนาคตใหม่ ตนทำข้อมูลเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยตัวเอง ถ้าเราอยากจะยกมาตรฐานการเมืองให้สูง ข้อมูลการอภิปรายต้องมีเนื้อหา รัฐบาลทำงานมาได้7เดือนซึ่งการจัดทำงบประมาณภายใต้รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลังยังไม่เห็นชัดเจนดังนั้นต้องให้ความเป็นธรรม
ชี้ข้อมูลยังไม่แน่น ปัดเกี๊ยะเซี๊ยะ
“และต้องเข้าใจพรรคก้าวไกลว่าข้อมูลที่ไม่หนักแน่นเอามาอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่สง่างาม การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นอาวุธสำคัญของฝ่ายค้าน ถ้าเอามาใช้พร้ำเพรื่อใช้อย่างไม่มีเรื่องราว จะให้การทำงานของพรรคก้าวไกลไม่สง่างาม คงไม่ใช่เรื่องเกี๊ยะเซี๊ยะอะไรและเป็นการพรรคก้าวไกลต้องการธำรงไว้ซึ่งมาตรฐานการทำงานในสภาอย่างมีคุณภาพ”นายธนาธร ย้ำ
‘ก้าวไกล’ชี้เปิดซักฟอกข้อมูลต้องชัด
ด้านนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงความคืบหน้าของการเตรียมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่ายังไม่ได้พูดคุยกันอย่างเป็นทางการ แต่ฝ่ายค้านโทรศัพท์คุยกันบ้างหลังจากที่ตนให้สัมภาษณ์ไปแล้ว มีการโต้ตอบจากหลายฝ่าย ต้องชี้แจงว่าเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้มีแบบเดียวแต่มีทั้งแบบลงมติและไม่ลงมติ สัปดาห์ที่แล้ว ตนก็ยอมรับว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ค่อนข้างหนักใจเพราะไม่อยากทำเนื้อหาสาระเหมือนกันเมืองยุคก่อนๆที่ต้องเปิดทุกปี
ถ้าพูดเรื่องไร้สาระเหมือนเกี๊ยะเซี๊ยะ
“ผมเห็นนักการเมืองสมัยเก่าหลายๆท่านออกมาวิจารณ์ผมว่าทำตัวเกี๊ยะเซี๊ยะกับรัฐบาล ไม่ยอมอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือถ้าเปิดมาแล้วพูดเรื่องส่วนตัวของรัฐมนตรี ผมไม่ทำมันต้องมีเนื้อหาสาระที่จับต้องได้ ที่ประชาชนมองเห็นว่าบุคคลนี้ รัฐมนตรีท่านนี้ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอีกต่อไป ไม่ใช่แค่เปิดอภิปรายตามสิทธิ์ ผมว่าถ้าเปิดมาตามสิทธิแล้วอภิปรายอะไรที่ไร้สาระ ผมว่านั่นแหละเกี๊ยะเซี๊ยะของจริงเป็นการทำให้รัฐบาลดูดีขึ้นมาทันที ถ้าเราพูดอะไรที่ไม่มีเนื้อหาสาระ”นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
ย้ำยังมีโอกาสเปิดซักฟอกไม่ลงมติ
นายปกรณ์วุฒิ ระบุว่าขณะที่การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมตินั้นจะกว้างกว่า สามารถให้ข้อเสนอแนะ ทวงถามหลายๆ เรื่อง ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ได้ทวงถามหลายๆเรื่องต่อรัฐบาลมาตลอดแทบจะรายสัปดาห์ อภิปราย4วันก็คงไม่จบ แต่ถ้าจะอภิปรายจริงก็ต้องเป็นเรื่องที่สำคัญก็ยังเปิดกว้างและสามารถเปิดอภิปรายแบบไม่ลงมติได้และมีโอกาสมากกว่าการเปิดอภิปรายแบบลงมติแน่นอน
และยืนยันว่ามีข้อมูลใหม่ๆที่ไม่เคยเปิดมาก่อนเยอะมีการไล่เรียงและเก็บข้อมูลแต่ละหัวข้อกันอยู่ตลอด เพียงแต่อาจยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่สามารถหยิบมาได้ มองว่าต้องมีสัก40-50 เรื่องที่เก็บเอาไว้ พร้อมขอให้ติดตามภายในสัปดาห์นี้ ควรต้องเห็นความชัดเจนแล้วเพราะการยื่นญัตติจำเป็นต้องใช้เวลา
ปัดคำเชิญ’บิ๊กป้อม’เป็นสส.เจอที่สภา
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ. ประวิตร วงศ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บอกว่าหาก ส.ส.พรรคก้าวไกล อยากพบก็ให้มาหาที่บ้านว่าตนเป็นส.ส.ที่ทำงานอยู่ที่สภา ไม่อยากไปหาใครที่บ้านและหากมองย้อนกลับไปพล.อ.ประวิตรระบุว่าลงสมัครส.ส.เพื่อความสง่างามขอถามกลับว่านี่หรือคือความสง่างาม ส่วนที่พล.อ. ประวิตรระบุไม่มาสภาแล้วผิดตรงไหน ทุกอย่างเป็นคำตอบในตัวอยู่แล้ว ประชาชนคงพิจารณาได้ว่าวิธีคิดของพล.อ.ประวิตรเป็นอย่างไร ยืนยันว่าเป็นส.ส.ด้วยกัน ก็อยากเจอที่สภาฯไม่อยากเจอที่อื่น
เมื่อถามว่า มองการตอบโต้ของ พล.อ. ประวิตร ครั้งนี้อย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้มอง และไม่คิดว่าจะต้องตอบโต้อะไรด้วยซ้ำ เพราะคำพูดของ พล.อ. ประวิตร ก็โต้ในตัวเองอยู่แล้ว
โชว์ผ้าขาวม้าไทยอวดความสวยงาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความทางพลิเคชั่นX ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ว่า มีเวลาพักเบรกช่วงสั้นๆ ก่อนพบผู้นำหลายประเทศ ผมเดินยืดเส้นยืดสายกันนิดหน่อย อากาศที่เมลเบิร์นประมาณ 15องศา เลยหยิบเอาผ้าขาวม้าที่ได้มาจากพี่น้อง จ.กาฬสินธุ์ ตอนไปลงพื้นที่มาเป็นผ้าพันคอ สีสวยเข้ากับสูทตัวนี้พอดีเลยใช่ไหม ส่วนถุงเท้า น่ารักมาก ลายโคอาล่า พล.อ.เดวิด เฮอร์ลีย์ ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลียมอบให้ตอนที่ท่านไปเยือนเมืองไทยเมื่อเดือนที่แล้ว ผมตั้งใจเอามาใส่ในวันที่ผมมาเยือนออสเตรเลียเลย”
นายกฯไทย-มาเลย์หารือทวิภาคี
สำหรับภารกิจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังในการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลียสมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ50ปี ความสัมพันธ์ เวลา09.10น.วันที่ 5มีนาคม(ตามเวลาท้องถิ่น นครเมลเบิร์น ออสเตรเลีย เร็วกว่าไทย 4 ชั่วโมง)ที่โรงแรมThe Langhamซึ่งเป็นที่รร.ที่พักนครเมลเบิร์น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พบหารือกับดาโต๊ะ เซอรี อันวาร์อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียนายกฯระบุว่าบรรยากาศการหารือเป็นไปดีมาก ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แนวคิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยง 6 ประเทศ (Six Countries, One Destination) โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือและฝ่ายมาเลเซีย ก็ยินดีรับนโยบายนี้ ในส่วนของการท่องเที่ยวได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับค่าราคาบัตรโดยสารเครื่องบินที่มีราคาสูง รวมทั้งช่วงเวลาTake offซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวบางกลุ่มนอกจากนั้นไทยและมาเลเซียพร้อมอำนวยความสะดวกด้านการผ่านแดน ทำให้เกิดเป็นผลรูปธรรมชัดเจน ขณะที่ฝ่ายมาเลเซีย พร้อมให้การสนับสนุนการลงทุนด้านความปลอดภัยทางอาหาร (food security ) และอาหารฮาลาลของไทย ที่ถือเป็นโอกาสทองของไทย
นายกฯกล่าวว่าได้หารือเรื่องที่เกี่ยวกับ3จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทั้งสองฝ่ายแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์และพร้อมที่จะร่วมมือกันเพื่อความสงบสุข ส่วนมาเลเซียได้หยิบยกประเด็นหารือเรื่องยางพารา ที่ตนได้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ ไปหารือการพิจารณาสนับสนุนการขายยางพารา ให้แก่มาเลเซียช่วงท้ายการหารือยังนำเสนอ โครงการแลนด์บริดจ์
ถก2บริษัทดึงลงทุนแบตเตอรี่อีวี
เวลา 10.00น.นายกฯพบหารือกับ Dr.Andrew Forrest AO, Executive Chairman and Founder ผู้บริหาร Fortescueซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่ขนาดใหญ่ของออสเตรเลีย เป็นธุรกิจสีเขียวผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำและแบตเตอรี่อีวีมียอดขายในปี2023สูงที่สุด หรือเกือบ400ล้านบาท โดยผู้บริหารFortescueได้แสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอร์รี่ไฮโดรเจนและไฮโดรเจนสีเขียวในประเทศไทย พร้อมชื่นชมนโยบายการผลิตพลังงานสีเขียวและเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน(Carbon Neutrality)ในปี ค.ศ.2050ของไทยด้วย โดยนายกฯกล่าวว่าตั้งใจจะชวนมาลงทุนในไทยเพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ในส่วนของแบตเตอรี่ และพลังงานสะอาด(Green Hydrogen)ที่ใช้ทั้งในอุตสาหกรรมอีวีและระบบกักเก็บพลังงาน(Energy Storage) เสริมศักยภาพด้านพลังงานสะอาด
ขยายขนส่งโลจิสติกส์ในภูมิภาค
จากนั้นเวลา10.40 น.นายกฯพบหารือกับMr. Peter Fox AM, Executive Chairman ผู้บริหาร Linfox ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์อัจฉริยะของออสเตรเลีย มีสำนักงานใหญ่ที่ Melbourne ส่วนในประเทศไทย เป็นสำนักงานและศูนย์ควบคุมสำหรับภูมิภาค มีการลงทุนมาตั้งแต่ปี 1993 จำนวน 12 แห่ง เพื่อให้บริการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าปลีกและร้านอาหารมากกว่า 4,000ร้าน มีพนักงานในประเทศกว่า 6,000คน และบริษัทผู้รับเหมา กว่า 3,000แห่ง นายกฯกล่าวว่าบริษัทมีความตั้งใจที่จะขยายศักยภาพในการขนส่งในไทยและปัจจุบันมีการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันไทยมีรถบรรทุกขนส่งสินค้าต่อวันกว่า2,000คัน มี มีแผนที่จะตั้งศูนย์ ควบคุมการจราจรระดับภูมิภาค (regional traffic control fleet )ในไทยจะนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาพร้อมการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น
นายกฯหารือนายกฯออสเตรเลีย
เวลา 11.50 น. ณ Melbourne Convention and Exhibition Center (MCEC) นครเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย นายกฯได้หารือทวิภาคีกับนายแอนโทนีแอลบาเนซี (The Honourable Anthony Albanese MP) นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ระหว่างการเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ โดยนายกฯยินดีที่ได้พบนายกฯออสเตรเลียอีกครั้งนับตั้งแต่การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคครั้งที่30 เมื่อปี 2566รวมถึงยังเป็นโอกาสในการต่อยอดจาการเยือนประเทศไทยของพลเอกเดวิด เฮอร์ลีย์ ผู้สำเร็จราชการแห่งออสเตรเลียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาโดยไทยพร้อมสานต่อความร่วมมือตามแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน ตลอดจนสาขาที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพร่วมกันอาทิการส่งเสริมการค้าการลงทุน การท่องเที่ยวและความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
สานต่อความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์
โดยนายกฯได้กล่าวเชิญนายกฯออสเตรเลียเยือนไทยอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ด้วย เชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้านนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศเป็นมิตรประเทศที่ดีร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง ไทยถือเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของออสเตรเลีย
โดยเน้นย้ำว่าไทยมีจุดเด่นในการเป็นศูนย์กลางความมั่นคงด้านอาหารและผลิตภัณฑ์ การแพทย์และการส่งเสริมสุขภาพ (medical and wellness)รวมทั้งมีโครงการแลนด์บริดจ์ ที่สำคัญต่อการเชื่อมโยงเส้นทางการค้าและโลจิสติกส์ระหว่างเอเชียตะวันออกและมหาสมุทรอินเดีย ขณะที่ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ไทยให้ความสนใจที่จะส่งเสริมการลงทุนและเรียนรู้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดจากออสเตรเลียในด้านเกษตรกรรม พลังงานสีเขียว ยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอัจฉริยะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี