รบ.เตือนฝ่ายค้าน
อย่าใช้ศึกซักฟอกเป็นเกมการเมือง
ชี้พูดไม่กี่ประเด็นขอ2-3วันมากไป
“ภูมิธรรม”แกนนำรัฐบาล เตือน“ฝ่ายค้าน”อย่าใช้อภิปราย ม.152เป็นเกมการเมืองเพื่อสร้างความนิยม เย้ยพูดแค่ไม่กี่ประเด็นขอเวลา 2-3 วันไปทำไม“เพื่อไทย”โว 6 เดือน “รัฐบาลเศรษฐา”โรดโชว์ไทยในเวทีโลก 16 ประเทศ ชี้ผลงานผลิดอกออกผลเม็ดเงินลงทุนทยอยไหลเข้าปท.แม้งบฯ2567 ยังไม่ผ่านสภาฯ“ธนกร”มั่นใจรบ.พร้อมแจงฝ่ายค้านยื่นซักฟอกไม่ลงมติ เชื่อใช้เวทีสภาอธิบายผลงานให้ปชช.เข้าใจ แนะอภิปรายสร้างสรรค์ ไม่หวังตีกินการเมือง‘จุรินทร์’ชี้อภิปรายม.152พูดเรื่องกรมราชทัณฑ์ได้‘นายกฯเศรษฐา’ถึงเยอรมนีแล้วเตรียมหารือ‘ผู้นำเยอรมนี-ฝรั่งเศส’พบเอกชน-นักธุรกิจทั้งสองประเทศ อุตสาหกรรมยานยนต์แฟชั่น ท่องเที่ยว7-14 มี.ค.นี้
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม2567 ที่รัฐสภา นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152ว่ารัฐบาลนี้เข้ามา 6 เดือนยังไม่มีงบประมาณ บางเรื่องที่ฝ่ายค้านไม่เข้าใจหรือเห็นต่างก็เสนอแนะได้ เพราะมาตรานี้ก็เปิดโอกาส ให้เสนอแนะรัฐบาลในเรื่องต่างๆ รัฐบาลมีหน้าที่ตอบ
เตือนฝ่ายค้านอย่าปั่นเกมการเมือง
“แต่ขออย่างเดียวให้เป็นการเสนอแนะให้รัฐบาลทำหน้าที่ต่อไป อย่าพยายามทำให้เป็นเกมการเมืองเพื่อสร้างความนิยม หรือคัดค้านทุกเรื่องจะได้ไม่เสียเวลา”นายภูมิธรรม ย้ำ
เมื่อถามถึงกรณีฝ่ายค้านมองว่าอาจมีการทุจริต นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริง ถ้าฝ่ายค้านมองอย่างนี้ ก็เท่ากับเห็นว่ารัฐบาลมีปัญหาทั้งระบบ บางเรื่องก็สามารถตั้งกระทู้ถามได้ อย่าเอาเพียงเรื่องๆเดียวใช้โอกาสในการอภิปราย มาใช้เป็นเวทีสร้างความนิยม ไม่จำเป็นต้องใช้เวทีสภามาพูด ถ้ามีแค่ไม่กี่ประเด็น หากมีข้อท้วงติงและหลักฐาน ก็นำมาให้รัฐบาลได้เลย
“เราบอกว่าจะทำการเมืองสมัยใหม่ซึ่งไม่ได้แปลว่าฝ่ายค้านกับรัฐบาลต้องเป็นศัตรูกันเสมอไป แต่ทั้งสองฝ่ายสามารถช่วยทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ รัฐบาลได้รับหน้าที่จากประชาชนมาทำงาน ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบในจุดที่มีประเด็นปัญหา”นายภูมิธรรมกล่าว
เย้ยพูดไม่กี่ประเด็นขอ2-3วันทำไม
นายภูมิธรรมย้ำว่าหากฝ่ายค้านจะอภิปรายแค่ไม่กี่ประเด็นจะขอเวลาทำไมตั้ง2-3วันขอให้ไปทบทวนอีกครั้ง รัฐบาลยังไม่ได้เริ่มทำงาน จะตั้งคำถามอะไรเยอะแยะ การทุจริตต่างๆก็ยังไม่เกิดจะใช้เวทีนี้ถึง 3วัน เพื่ออะไร ก็เอาตามความเป็นจริง ปัญหาอยู่ที่กระทรวงไหน มีความชัดเจนตรงไหนก็พูดแค่นั้น ไม่ต้องอธิบายอะไรเยิ่นเย้อ ถ้ารัฐบาลมีงบประมาณใช้แล้วและมีข้อบกพร่องจะอภิปราย 4-5 วัน ก็ได้เลย
เมื่อถามต่อว่าวันไหนที่เหมาะสมในการอภิปราย นายภูมิธรรมกล่าวว่าวันไหนก็ได้ แต่เอามาแค่ประเด็น กระทรวงไหน เรื่องอะไรทำให้ประชาชนเข้าใจ มีประเด็นแค่ไหน ก็ใช้เวลาแค่นั้น แต่ถ้ามีไม่มาก จะขอเวลาเยอะๆทำไม หรือจะใช้เวทีนี้เพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง
พท.โว6เดือน’รบ.เศรษฐา’ผลงานอื้อ
ด้านน.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลว่าไม่เป็นรูปธรรมว่า เป็นเรื่องปกติในสังคมที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย แต่ความเป็นจริง ภาพที่พี่น้องประชาชนเห็นตรงกัน คือ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลังเข้ามาบริหารประเทศเข้าสู่เดือนที่6 ถือเป็นช่วงเวลาไม่นาน แต่มีผลงานที่ทยอยผลิดอกออกผลเป็นรูปธรรมไม่น้อยเช่นนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ที่รัฐบาลเดินหน้าทำทันทีภายใน 3 เดือนแรกหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภาช่วยอำนวยความสะดวก ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ลดการกระจุกตัวของผู้ป่วยในโรงพยาบาลใหญ่ซึ่งคิกออฟใน 4 จังหวัดนำร่องไปแล้วและต่อยอดความสำเร็จเฟสสองในเดือนมีนาคมนี้ในอีก 8จังหวัด รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบหลายปี ทั้งอ้อย ราคาปรับขึ้นมาเป็นตันละ1,700-1,850 บาท จากเดิมตันละ 850-950 บาท ยางพารากิโลกรัมละ 75 บาท จากเดิม 3 กิโลกรัม 100 บาท รวมถึงมันสำปะหลัง ข้าวโพด ข้าว ราคาก็พุ่งสูงมาก
โรดโชว์ไทยในเวทีโลก16ประเทศ
ขณะที่การเดินทางไปราชการต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีนับตั้งแต่รับตำแหน่ง รวม 16 ประเทศ ได้พบปะหารือผู้นำนานาประเทศและภาคเอกชนจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายที่จะประกาศว่าประเทศไทยพร้อมเปิดรับการลงทุนเต็มที่ จนในที่สุดงานที่นายกรัฐมนตรีมุ่งมั่นตั้งใจทำตั้งแต่วันแรกก็ทยอยสร้างผลลัพธ์ เฉพาะช่วงต้นปีนี้มีตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งบอร์ดบีโอไอได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ 4 โครงการในประเทศไทย มูลค่ารวม 29,702 ล้านบาทรวมทั้งล่าสุด สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าเทสล่าได้เข้ามาสำรวจพื้นที่ตั้งโรงงานในไทยแล้วซึ่งเป็นผลมาจากการที่นายกรัฐมนตรี ได้พบหารือกับผู้บริหารเทสล่าในห้วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 30 ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ย. 2566
ดึงเงินเข้าไทยแม้งบฯ67ไม่ผ่านสภา
“นายกฯเศรษฐาบริหารประเทศเพียง 6 เดือน แต่สามารถสร้างความเชื่อมั่น และเชิญชวนบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างชาติมาลงทุนได้ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ ให้พี่น้องประชาชน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ โดยที่ยังไม่ต้องใช้งบก้อนใหญ่จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567ด้วยซ้ำ” น.ส.ชญาภา ย้ำ
‘ธนกร’มั่นใจรบ.พร้อมแจงฝ่ายค้าน
ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านมีมติยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา152ว่า ตนมั่นใจรัฐบาลพร้อมชี้แจงและตอบทุกคำถามของฝ่ายค้านถือเป็นโอกาสที่จะอธิบายการทำงานของรัฐบาลให้กับประชาชนได้เข้าใจ ส่วนระยะเวลา 6เดือนของการทำงานรัฐบาล มองว่าเร็วไปหรือไม่ที่ถูกอภิปรายนั้น ถือเป็นการใช้เวทีสภาซักถามการทำงานตามขั้นตอนและเป็นความชอบธรรมตามกลไกรัฐสภา
แนะอภิปรายสร้างสรรค์ไม่หวังตีกิน
“แม้รัฐบาลจะเพิ่งเริ่มเดินหน้าทำงานเข้าสู่เดือนที่6 ที่สำคัญร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2567ยังไม่ผ่านวาระ2-3 ยังไม่ได้ใช้งบและยังไม่มีข้อมูลการทุจริตเรื่องการใช้งบประมาณของรัฐบาลออกมา ซึ่งฝ่ายค้านสามารถยื่นอภิปรายรัฐบาลได้ทุกเมื่อ หากเห็นว่ามีความบกพร่อง แต่ตนมองว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯยังไม่ผ่านสภา รัฐบาลจึงยังไม่ได้ใช้งบฯ จึงคิดว่าฝ่ายค้านคงยังไม่มีข้อมูลหลักฐานเรื่องการทุจริตจึงขอให้ใช้เวทีสภาในการอภิปรายทั่วไปในครั้งนี้อย่างสร้างสรรค์ หวังว่าจะไม่ใช้โอกาสนี้ สร้างวาทกรรมเพื่อโจมตีทางการเมืองเช่นเดิม”นายธนกร ระบุ
‘จุรินทร์’ชี้ซักฟอกม.152พูดราชทัณฑ์ได้
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงฝ่ายค้านจะเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา152ว่ามั่นใจจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล อย่างน้อยเป็นการสะท้อนปัญหาและขันน็อตการทำงานของรัฐบาล ที่ทำหน้าที่บกพร่องในการบริหารราชการแผ่นดิน มั่นใจฝ่ายค้านยังสะท้อนปัญหาได้ดี ทั้งนี้ ฝ่ายค้านยังไม่ได้ลงรายละเอียดว่าจะอภิปรายหัวข้ออะไรบ้าง
เมื่อถามว่าจะอภิปรายถึงการทำหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์หรือไม่นายจุรินทร์ กล่าวว่า สามารถอภิปรายได้ ถ้ามีสส.หยิบยกขึ้นมาเพราะเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ความไม่ยุติธรรม สองมาตรฐานเกิดขึ้นจากรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่รู้เห็น ไม่ยอมให้เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้
เชิญ”เหลือง-แดง-กปปส.-สามนิ้ว”ร่วมแจง
ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม กล่าวภายหลังการประชุม กมธ.ฯ ว่า การประชุม กมธ.วันนี้มีมติว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการเชิญบุคคลที่ส่วนใหญ่มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ทางการเมือง เราจะจำเป็นต้องทราบว่าเขามีความจำเป็นอะไรที่ต้องเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นมีการกระทำอะไรและคดีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว
โดยในการประชุมวันที่ 14 มี.ค.นี้จะมีการเชิญบุคคลดังต่อไปนี้ 1.นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อดีตผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.),นายถาวร เสนเนียม อดีตผู้ชุมนุมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ,น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล อดีตผู้ชุมนุมกลุ่มเยาวชน , นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย , ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน , กลุ่มโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw)
เคาะเริ่มนับคดีตั้งแต่1ม.ค.48-ปัจจุบัน
นายชูศักดิ์กล่าวว่าเรื่องกระบวนการพิจารณาของกมธ.นั้น ได้ข้อยุติว่าจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2548 จนถึงปัจจุบัน เพื่อจำกัดขอบเขตหน้าที่ว่าจะพิจารณาเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงเวลาดังกล่าว รวมถึงจะต้องดูว่าการกระทำในช่วงเวลานั้น มีการกระทำอะไรบ้าง มีเหตุการณ์อะไรบ้างที่เกิดขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะจะเป็นตัวที่บ่งบอกว่า เกิดความขัดแย้งทางการเมืองอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งได้มอบให้ นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขาธิการ กมธ.เป็นผู้รวบรวมข้อมูล
ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งต่อไป วันที่ 14 มี.ค.จะเป็นการรับฟัง และในวันที่ 21 มี.ค.จะเป็นการพิจารณาข้อมูลในส่วนนี้ ส่วนกรณีความผิดตามกฏหมายอาญามาตรา 112 ยังไม่มีการพิจารณาในขณะนี้
ขอข้อมูลคดีทางการเมืองราว50,000คดี
ด้าน นายนิกร ในฐานะประธานคณะอนุกรรมมาธิการพิจารณาข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง กล่าวว่าขณะนี้ได้ทำหนังสือขอข้อมูลคดีทางการเมืองราว 50,000 คดี รวมถึงคดีที่เกิดขึ้นหลังปี2563 เป็นต้น มาจนถึงปัจจุบันได้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานศาลยุติธรรม และศาลทหารด้วย เพื่อนำข้อมูลมารวมกัน และจำแนกเหตุการณ์เพื่อตัดสินใจก่อนเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
วาง‘มูลเหตุจูงใจการเมือง’เป็นตัวตั้ง
นายนิกรกล่าวต่อว่าอนุกรรมาธิการฯจะรวบรวมคดีที่มีมูลเหตุจากแรงจูงใจทางการเมือง ซึ่งเป็นศัพท์ทางเทคนิคที่ใช้ในหลายกรรมาธิการและหลายประเทศซึ่งเป็นคำที่สำคัญพร้อมยกตัวอย่างว่า สมัย นปช.หรือ กลุ่มพันธมิตรฯมีแรงจูงใจที่ต่างกันแต่ก็จัดเป็นแรงจูงใจทางการเมืองเหมือนกัน จะนำมาพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปต่อไป
“ตอนนี้จะยังไม่พิจารณาว่าคดีใดที่จะไม่เข้าข่ายนิรโทษกรรม เพียงแต่ดูเหตุการณ์ทั้งหมด ในแต่ละช่วงเวลา แล้วนิยามว่ามีมูลเหตุจากแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่ โดยเอาเหตุการณ์เป็นตัวตั้งโดยไม่เอาตัวบุคคลผู้กระทำเป็นตัวตั้ง” นายนิกร กล่าว
‘เศรษฐา’ถึงเยอรมนีเยือนยุโรป2ปท.
เมื่อวันที่ 7 มี.ค.เวลา 05.30น.(ตามเวลาท้องถิ่นกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ช้ากว่าประเทศไทย 6ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมคณะเดินทางถึงท่าอากาศยาน เบอร์ลิน-บรันเดินบวร์ค สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เริ่มต้นการเยือนยุโรป 2 ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและสาธารณรัฐฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 7–14 มีนาคม 2567โดยนายกรัฐมนตรีและคณะใช้เวลาเดินทางกว่า 22 ชั่วโมง
โดยช่วงเที่ยงวันที่ 7 มี.ค.นายกฯจะเข้าร่วมงาน ITB Berlin 2024 งานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นทุกปีในเดือนมี.ค.ที่กรุงเบอร์ลินเริ่มต้นการเยือนยุโรป 2 ประเทศอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 7-14 มี.ค.2567
ปลื้มผ้าขาวม้าไทยช่วยให้อบอุ่น
โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังโพสต์ข้อความผ่าน Xหรือทวิตเตอร์ภายหลังเดินทางถึงสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีว่า“เดินทางถึงเยอรมันแล้วครับ ลงเครื่องมาอุณหภูมิอยู่ที่2 องศา ได้ผ้าขาวม้าสวย ๆ จากพี่น้องชาวร้อยเอ็ดนี่แหละครับช่วยให้อบอุ่นวันนี้ผมมีภารกิจที่กรุงเบอร์ลินช่วงสั้นๆคือการเข้าร่วมงาน ITB Berlin 2024 งานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจัดในเดือนมีนาคมของทุกปีพร้อมพบผู้บริหารบริษัทเอกชนของเยอรมนี ก่อนจะเดินทางต่อไปยังสาธารณรัฐฝรั่งเศสครับ”
นายกฯเยือนฝรั่งเศส-เยอรมนีเป็นทางการ
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะเดินทางถึงสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เริ่มต้นการเยือนยุโรป 2 ประเทศอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 7–14 มีนาคม 2567โดยนายกฯมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับผู้นำของสาธารณรัฐฝรั่งเศสและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี รวมทั้งเข้าร่วมงาน ITB Berlin 2024 งานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งจัดขึ้นทุกปีในเดือนมีนาคม ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและร่วมพิธีเปิดงาน MIPIM 2024ซึ่งเป็นงานมหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นายกฯจะเยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน ณ เมืองคานส์กล่าวปาฐกถาในงานเลี้ยงรับรอง ประจำปีของสมาคมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเยอรมนี(German Association for Small and Medium-Sized Businesses: BVMW)ซึ่งเป็นองค์กรอิสระทางการเมืองที่ปกป้องและผลักดันผลประโยชนของสมาชิกซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 55,000 บริษัท มีเครือข่ายกว่า30องค์กรโดยรวมแล้วมีสมาชิกกว่า 9แสนบริษัทและมีสำนักงานตัวแทนทั่วโลกกว่า 40 แห่ง
เตรียมหารือภาคเอกชน2ประเทศ
โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าวอีกว่าโดยนายกฯยังมีกำหนดพบหารือภาคเอกชนสำคัญๆของทั้งสองประเทศจากในหลากหลายอุตสาหกรรมอาทิอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมแฟชั่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมอากาศยานและดาวเทียมและอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น รวมทั้งนายกฯจะพบหารือกับผู้บริหารของห้างค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าชั้นนำของฝรั่งเศส เพื่อสำรวจตลาดและการจัดการกระจายสินค้าอาหารเอเชียในตลาดยุโรป อีกด้วย โดยนายกรัฐมนตรีจะเสร็จสิ้นภารกิจที่กรุงเบอร์ลินช่วงค่ำวันที่ 13มี.ค.ตามเวลาท้องถิ่นและเดินทางกลับถึงประเทศไทยวันที่ 14มี.ค.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี