“พริษฐ์”เผยยื่นญัตติซักฟอก ม.152 สัปดาห์หน้า ไม่ลดความเข้มข้นแม้แค่อภิปรายทั่วไป ย้ำให้ความสำคัญทุกเรื่อง ไม่ได้เจาะจงแค่เรื่องเดียว “วิโรจน์” ลั่นไม่กลัวหากถูกยุบพรรค ชี้ก้าวไกลเป็นแค่นามธรรม แซะชั้น14 ยก’ธนาธร’ถูกตัดสิทธิ์ยังอยู่บ้านชั้น1ชั้น2 ไม่ต้องดิ้นรนไปอยู่ชั้น14 พร้อมให้คนรุ่นใหม่เหยียบหลังสานงานต่อ ถาม ได้เป็นนายกฯ-รัฐมนตรี แล้วต้องตระบัดสัตย์ จะเป็นทำแมวอะไร แย้มอภิปราย152 เน้นทวงถามความคืบหน้านโยบาย-เสนอแนะปัญหา

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาล ตามมาตรา 152 ว่า มีเรื่องให้อภิปรายหลายประเด็น จะเป็นการทวงสัญญารัฐบาลว่าจะทำหรือไม่ทำ ตามที่ได้แถลงนโยบายไว้ มีความคืบหน้าไปถึงไหน รวมถึงสิ่งที่ทำมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน จะเป็นลักษณะของการเสนอแนะว่าสิ่งที่รัฐบาลควรทำ และไม่ทำคืออะไร นอกจากนี้ ยังมีปัญหาสังคมที่ส่งผลกระทบถึงคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งเรื่องมาเฟียข้ามชาติ อิทธิพลท้องถิ่น รวมถึงการเรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการบางกลุ่ม ทุนสีเทา คอลเซ็นเตอร์ ไปจนถึงปัญหายาเสพติด การใช้อำนาจรัฐที่ไม่มีหลักนิติธรรม ระบบสองมาตรฐาน

วิโรจน์ซัดทักษิณไม่ควรได้อภิสิทธิ์

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเตรียมเดินทางไปจ.เชียงใหม่อย่างไร นายวิโรจน์กล่าวว่า เป็นเรื่องของนายทักษิณ พวกเราไม่เคยสนใจประเด็นของนายทักษิณเลย แต่สนใจเนื้อหาสาระ และสิ่งที่นายทักษิณได้รับว่าเป็นสิทธิพิเศษหรือไม่ หรือคนอื่นที่มีเงื่อนไขคล้ายนายทักษิณพึงจะได้รับด้วย ถ้าเป็นเรื่องสิทธิมาตรฐานเราก็ไม่ได้ติดใจอะไร ส่วนจะเป็นโมเดลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาด้วยหรือไม่ คงต้องติดตามดู แต่ตนคิดว่าสังคมไทย บาดเจ็บจากการเอาบุคคลใดบุคคลหนึ่งมาเป็นเงื่อนไขขัดแย้งมากพอแล้ว ตนคิดว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่โครงสร้าง

“ขอให้สบายใจว่าพรรคก้าวไกลไม่เคยมีความคิดเลย ที่จะหยิบยกเอาบุคคลใดบุคคลหนึ่ง มาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งในหมู่ประชาชน และใช้วิธีการเช่นนั้น ทำให้สังคมกลับมาแตกแยกอีก แต่เราจะมุ่งแก้ไขที่โครงสร้าง วิพากษ์วิจารณ์และแก้ไขเนื้อหาสาระเป็นหลัก ดังนั้น ยังยืนยันว่าทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์และนายทักษิณ ไม่ได้อยู่ในสารบบคิดของพรรคก้าวไกล แต่เราให้ความสนใจ ใส่ใจ กับสิ่งที่คุณทักษิณได้รับ ถ้าเกิดได้รับบุคคลอื่นที่อยู่ในเงื่อนไขเดียวกันก็ควรได้รับด้วย” นายวิโรจน์กล่าว และย้ำว่า นายทักษิณ ควรได้รับความยุติธรรม ไม่ใช่ได้รับอภิสิทธิ์ ส่วนที่มีคนมองว่าเกี๊ยเซียะกันนั้น ถ้าดูบทบาทตนก็คิดว่า ไม่ได้เกี๊ยเซียะ ยังจัดหนัก จัดเต็ม

หนุนนักโทษคนอื่นใช้โมเดลทักษิณ

เมื่อถามว่า การไป จ.เชียงใหม่ ของนายทักษิณ มีกระแสข่าวว่า อาจไปตลาดพบประชาชนด้วย จะเหมาะสมหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องย้อนถามกรมราชทัณฑ์ว่า ทำได้หรือไม่ ก้าวไกลคงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่หากนำโมเดลของนายทักษิณ มาใช้กับนักโทษคนอื่น นายวิโรจน์ กล่าวว่าเห็นด้วย เพราะเป็นสิทธิตามมาตรฐาน นักโทษคนอื่นก็ควรได้รับสิทธินั้น ในยุคที่ นายทักษิณ ถูกขับไล่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จำได้หรือไม่ว่า คนเสื้อแดงต่อสู้ในบริบทไหน ดังนั้น เราไม่ควรเลือกปฏิบัติ ซึ่งตนคิดว่าทุกวันนี้การต่อสู้ยังอยู่ คำว่าสองมาตรฐานยังหลอนตนอยู่ ซึ่งประเทศไทยต้องการมาตรฐานเดียว

ลั่นไม่กลัวยุบพรรคชี้เป็นนามธรรม

นายวิโรจน์ยังกล่าวระหว่างการสัมมนาของ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎรหัวข้อ’การใช้พื้นที่ทหาร บทบาทหน้าที่ของทหารกับท้องถิ่นในการพัฒนาประเทศ’ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการใช้งบของกองทัพตอนหนึ่งถึงการยุบพรรคก้าวไกลว่า ตนไม่ได้กลัวอะไรเลย เนื่องจากพรรคเป็นนามธรรมมีภาระแค่งานธุรการเท่านั้น หากโดนยุบก็เหนื่อยกับงานธุรการแต่พรรคก็ไปต่อ ประชาชนก็ไปต่อ ส่วนเรื่องเพื่อน สส.44 คน ที่ร่วมลงชื่อแก้กฎหมายประมวลอาญามาตรา 112 นั้น เราก็ยืนยันว่าเราทำงานตามอำนาจหน้าที่ของนิติบัญญัติ รวมถึงการที่เรามีกิจกรรมร่วมกันกับประชาชนในกรณีดังกล่าว เราคิดว่าเสียงของประชาชนมีความหมาย ประชาชนมีสิทธิ์เข้าชื่อเพื่อแก้ไข ผลิต และยกเลิกกฎหมาย ซึ่งเป็นการร่วมกิจกรรมกับประชาชน ที่ใช้อำนาจปวงชนชาวไทยตามอำนาจรัฐธรรมนูญ

เหน็บชั้น14ธนาธรถูกตัดสิทธิ์อยู่บ้าน

“การสู้กับคนหน้าด้าน ก็ลำบากใจเพราะคนหน้าด้านจะทำอะไรก็ได้ หรือสู้กับคนบ้า คนบ้าก็พร้อมที่จะทำอะไรไม่สนใจเหตุไม่สนใจผล ผมคิดว่าเขาโง่มากที่คิดว่าการเดินทางของก้าวไกลขึ้นอยู่กับตัวบุคคล เพราะคุณธนาธรที่ถูกตัดสิทธิ ก็ใช้ชีวิตอยู่ ชั้น 1 ชั้น 2 ในบ้านมาตลอด ไม่เคยต้องดิ้นรนขึ้นไปอยู่บนชั้น 14 เหมือนใครบางคน วิโรจน์ก็มีบ้านสองชั้น ก็คงไม่ต้องดิ้นรนไปอยู่ที่ชั้น 14” นายวิโรจน์กล่าว และว่า ชีวิตของตนรวมถึงเพื่อน ส.ส. 44 คน ทุกคนมีเป้าหมายที่อยากเดินทางไป แต่ความสุขของพวกตนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการไปถึงเป้าหมาย แต่การเคลื่อนไหวสู่เป้าหมายทุกวัน และถ้าอะไรก็แล้วแต่ที่ดูไม่เป็นเหตุผล ทำให้ต้องหยุดเดิน ตนก็มีความสุขกับเส้นทางที่เดินมาแล้ว ให้คนรุ่นใหม่ได้เหยียบหลังเดินไปสู่เป้าหมายต่อไปเท่านั้น ไม่กังวล ไม่หวังเป็นรัฐมนตรีหรือนายกฯ “ถ้าเป็นแล้วต้องตระบัดสัตย์ ผมจะเป็นทำแมวอะไร”

ยาหอมก.ก.ทำงานกับกองทัพได้

นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า ตนในฐานะประธาน กมธ.การทหาร เราทำงานกับกองทัพได้ เช่น เรื่องการอนุมัติงบซื้อเรือฟริเกต ตอนแรกก็คิดว่าจะผ่าน เพราะตนเชื่อในน้ำงิ้วของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมแต่ปรากฏว่าพรรครัฐบาลกลับไม่ให้ผ่าน ตนเชื่อว่ากองทัพเข้าใจแล้วว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้อยู่ด้วยความปฏิปักษ์ นอกจากเรื่องกองทัพเรือเกี่ยวกับการจัดซื้อเรือฟริเกตแล้ว กองทัพอากาศก็ได้ทำสมุดปกขาวเปิดเผยการซื้อจัดจ้างแล้ว ประชาชนสามารถดาวน์โหลดได้ ส่วนกองทัพบก ตนคิดว่ายังมีปัญหาการคอร์รัปชั่น อย่างเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ควรจัดซื้อจากบริษัทในประเทศที่ส่งออกให้ต่างประเทศให้โปร่งใส

“อย่างบริษัทต่างๆ ที่ผลิตรถยานเกาะส่งออกไปต่างประเทศส่งออกให้กับ UN กองทัพไทยไม่ซื้อ แล้วตั้ง TOR แบบตลกๆ บอกว่าจะซื้อรถอย่างก่อนที่เคยประจำการหรือถูกขายในประเทศต้นกำเนิด ผมตั้งคำถาม …. คุณตั้ง TOR ล็อกสเปกแบบนี้ ก็คือคุณไม่ยอมจะซื้อจากผู้ผลิตภายในประเทศนั่นแหละ” นายวิโรจน์กล่าว

ลุยซักฟอกม.152วันที่3-5เมย.

ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา152 ว่า จะหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้งวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เราได้ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านและมีมติร่วมกัน จะยื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติอย่างเป็นทางการในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ และเวลาการอภิปรายจะอยู่ที่ 2-3 วัน ช่วงวันที่ 3-5 เมษายน พรรค ก.ก.พร้อมแน่นอนในการอภิปรายครั้งนี้ ซึ่งการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ก็อยู่ในแผนที่เราเตรียมไว้ในช่วงต้นปีอยู่แล้ว แม้เราจะเพิ่งยื่นญัตติขออภิปรายสัปดาห์นี้ แต่เราดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคม ตามที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก. ได้แถลงแผนการทำงานปี 2567 มั่นใจได้ว่าข้อมูลและประเด็นที่เราติดตามพร้อมในการอภิปรายแน่นอน

พร้อมซักฟอกทุกประเด็น

“ธีมหลักในการอภิปรายคือ การตรวจการบ้านรัฐบาลหลังทำงานมาแล้ว 6-7 เดือนว่าได้ผลักดันนโยบายสำเร็จตามที่แถลงต่อรัฐสภาหรือไม่ ซึ่งเราจะเห็นว่าหลายนโยบายเรือธงของรัฐบาลก็ไม่มีความคืบหน้ามากนัก เราให้ความสำคัญกับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาล ที่อาจยังบริหารไม่ตอบโจทย์หรือมีความบกพร่อง ซึ่งเราไม่ได้มุ่งเน้นที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งเฉพาะ เราพร้อมอภิปรายทุกประเด็นที่เราเห็นว่าสำคัญ ส่วนพรรคจะพูดในประเด็นใดบ้างและกรอบเวลาที่จะใช้อภิปราย ต้องรอความชัดเจนจากพรรคอีกครั้ง เพราะยังอยู่ในกระบวนการคัดเลือก ส.ส. ที่จะมาอภิปราย”นายพริษฐ์กล่าว

อภิปรายเข้มข้นตามมาตรฐานพรรค

และยืนยันว่า เรื่องกระบวนการยุติธรรมก็เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ เพราะมีการตั้งคำถามกับการดำเนินการของรัฐบาลอยู่ ตนคิดว่าเรื่องกระบวนการยุติธรรมก็เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่อยู่ในการอภิปราย และยืนยันว่าแม้ครั้งนี้จะเป็นการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ แต่พรรคก้าวไกลก็เต็มที่ในการอภิปรายแน่นอน ซึ่งความเข้มข้นในการอภิปรายทั่วไปแม้จะเป็นแบบลงมติและไม่ลงมติ แต่เราจะเห็นว่า ที่ผ่านมาเราก็อภิปรายเข้มข้นในระดับเท่ากัน ไม่ต้องกังวลใจ เราจะรักษามาตรฐานตามที่พรรคเคยทำไว้

โวยื่นกระทู้ทำรมต.มาตอบมากขึ้น

นายพริษฐ์กล่าวด้วยว่า นอกจากการอภิปรายทั่วไป ที่พรรคฝ่ายค้านใช้ตรวจสอบรัฐบาลแล้ว พรรคก้าวไกลยังใช้การตั้งกระทู้สด จะเห็นว่าช่วงหลังจากที่มีประเด็น รัฐมนตรีไม่มาตอบกระทู้สด เป็นที่สนใจต่อสาธารณะมากขึ้น หากเทียบสัปดาห์ล่าสุดและสัปดาห์ก่อนหน้าที่จะมีประเด็น เราจะเห็นอัตราของรัฐมนตรีที่มาตอบกระทู้สูงขึ้น และอีกกลไกหนึ่งที่ถือว่าเป็นมิติใหม่ของการทำงานสภาฯคือการที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน และพรรค ก.ก. เสนอกฎหมาย 50 กว่าฉบับ และยังมีเตรียมเสนออีกหลายฉบับ สิ่งที่เกิดขึ้นคือจะมีกฎหมายที่ถูกเสนอโดยพรรคร่วมฝ่ายค้านและพรรค ก.ก. เข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ แทบจะทุกสัปดาห์หมายความว่าทุกสัปดาห์ เมื่อมีกฎหมายฉบับพรรคร่วมฝ่ายค้านและพรรคก้าวไกลเข้า ก็เป็นการบีบให้รัฐบาลให้ความสำคัญ หรือแม้กระทั่ง รัฐบาลต้องมีร่างกฎหมายหรือมีคำตอบของตนเองต่อประเด็นที่ถูกตั้งโดยฝ่ายค้าน