"รมว.ยุติธรรม"สั่งจัดทัพเดินหน้าโครงการศึกษาทบทวนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ วาระครบรอบ 100 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคม
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีและโฆษกกระทรวงยุติธรรมฝ่ายการเมือง นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมประชุมผู้บริหารกระทรวง ครั้งที่ 2/2567
โดยมีวาระการศึกษาทบทวนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี โดยมีการระดมความเห็นแนวทางการจัดกิจกรรม 100 ปี การบังคับใชัประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) ผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ พล.ต.อ.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. , นางเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ , พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ , น.ส.มัชฌิมธร คัมภิรานนท์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันอนุญาโตตุลาการ , รศ.มุนินทร์ พงศาปาน ผู้อำนวยการศูนย์นิติศึกษาทางสังคม ประวัติศาสตร์ และปรัขญา , นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ , นายพิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (ทีไอเจ) รวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม หัวหน้ากลุ่มพัฒนากฎหมาย และนักวิชาการ ฯลฯ
พันตำรวจเอกทวี ให้ความเห็นในการผลักดันโครงการศึกษาทบทวนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามประวัติมีพระยามานวราชเสวี เป็นบุคคลสำคัญในการจัดทำในช่วงปี 2466-2468 และบังคับใช้มาจวบจนปัจจุบัน ซึ่งการบังคับใช้มาอย่างยาวนานทำให้พบปัญหาต่างๆ อาทิ การตีความ การใช้ภาษาที่เข้าใจยาก สร้างภาระค่าใช้จ่าย เกิดความล่าช้า ไม่ทันสมัย กลายเป็นอุปสรรคการเข้าถึงกระบวน การยุติธรรม
ดังนั้น มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อออกแบบกระบวนการ พร้อมประสานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมขับเคลื่อน สืบเนื่องจาก ป.พ.พ.เป็นกฎหมายสำคัญ มีเนื้อหาเกี่ยวกับหนี้สิน ทรัพย์สิน ครอบครัว มรดก และการทำสัญญาที่เป็นข้อพิพาทของเอกชน ซึ่งเกิดข้อพิพาทมากกว่า 2 เท่าของคดีอาญา แม้มีการแก้ไขบ้าง แต่ยังไม่เคยมีการปฏิรูปครั้งใหญ่ นอกจากนี้ การบังคับใช้บางส่วนไม่สอดคล้องเชิงระบบของกฎหมาย ไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคม เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตัวอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ ป.พ.พ.เช่น โทษปรับในทางแพ่งที่กำหนดดอกเบี้ยร้อยละ 7.6 ซึ่งคิดจากฐานอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมากกว่าร้อยละ 10 ในยุคนั้น แต่ปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับร้อยละ 1 หรือในการทำสัญญากู้ยืม ไม่มีกลไกเข้าเจรจาปรับสัญญาเมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ผู้กู้ไม่สามารถนำเงินมาชำระหนี้ได้ เช่น การเกิดโรคระบาดของโควิด-19 กลายเป็นความเดือดร้อนของประชาชน , การวางทรัพย์ที่ไม่รองรับทรัพย์รูปแบบดิจิทัล , การเช่าอสังหาริมทริพย์ของบุคคลที่กลายเป็นภาระ ไม่คุ้มค่าการลงทุน , การขายฝาก , การขายทอดตลาด เป็นต้น
รมว.ยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ทำความเข้าใจกับหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม ก่อนเริ่มกระบวนการดำเนินงานที่กำหนดไว้เป็นเบื้องต้น ตั้งแต่การตั้งคณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อศึกษาทบทวน ป.พ.พ.ที่อาจใช้เวลาประมาณ 6 - 7 เดือน แล้วนำข้อมูลมาประมวลก่อนเผยแพร่ และจัดเวทีรับฟังข้อเสนอต่อสังคมในช่วงสิ้นปี 2567 และในช่วงปี 2568 จะนำข้อเสนอทั้งหมดสู่การจัดกิจกรรมเพื่อรำลึกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) ครบ 100 ปี ก่อนนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี