ไม่ลดดอกเบี้ยช่วยประชาชน
‘เศรษฐา’แซะธปท.
ชี้หนี้สารตั้งต้นหายนะปท.
แฉขรก.เป็นหนี้2.8ล้านคน
มูลหนี้พุ่งลิ่ว3ล้านล้านบาท
ทหารเงินเดือนเหลือแค่3พัน
รัฐบาลเผย ขรก.เป็นลูกหนี้เงินกู้ 2.8 ล้านคน รวมมูลหนี้ 3 ล้านล้านบาท “เศรษฐา” แซะ “ธปท.” ไม่ลดดอกเบี้ย ขอบคุณเหล่าทัพ-หน่วยงานรัฐ ยอมเฉือนเนื้อตัวเอง ชี้มีจิตสำนึก ขอบคุณเห็นความลำบากประชาชน ย้ำหนี้เป็นสารตั้งต้นหายนะประเทศ ขอบคุณหลายห้างดังเปิดบูธสนับสนุน
ผ้าขาวม้า
อวดสายตาชาวโลก ไม่ได้สร้างกระแส เพราะของดีอยู่แล้ว แต่ขาดการสนับสนุนประกาศปีหน้าเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของการท่องเที่ยว มีเวลาระดมสมอง6เดือน ขอให้คิดนอกกรอบ
เมื่อเวลา 100.30น.วันที่ 15มีนาคม2567 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ร่วมรับฟังการแถลงข่าวความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินเงินกู้แก่บุคลากรภาครัฐ ซึ่งมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ดำเนินการแถลง ขณะที่มีรัฐมนตรีบางส่วนมาร่วมรับฟังการแถลงข่าวด้วย อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย
ขรก.มีหนี้2.8ล้านคน-มูลหนี้3ล้านล้าน
โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะรองประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย กล่าวรายงานว่า ภาพรวมปัญหาหนี้สินของประชาชนรายย่อย มีมูลหนี้เป็นจำนวนรวมประมาณ 16ล้านล้านบาท ซึ่งมีทั้งหนี้สินบ้าน เช่าซื้อรถยนต์ หนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ สินเชื่อการเกษตร สินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี (โอดี) ขณะที่หนี้สินเงินกู้สวัสดิการบุคลากรภาครัฐเป็นก้อนหนี้ขนาดใหญ่ และมีความสำคัญ แต่ส่วนใหญ่ไม่ปรากฏอยู่ในรายงานยอดหนี้ของศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ทั้งนี้ จากจำนวนบุคลากรภาครัฐทั้งหมดประมาณ 3.1 ล้านคนนั้น มี 2.8 ล้านคนเป็นลูกหนี้เงินกู้ในสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ 1,378 แห่ง และมีธนาคารที่ให้สินเชื่อในลักษณะสวัสดิการอย่างน้อย 3 แห่ง คิดเป็นมูลหนี้รวมกว่า 3ล้านล้านบาทและพบว่ามีบุคลากรภาครัฐจำนวนมากที่มีรายได้สุทธิหลังการหักชำระหนี้และเงินค่างวดรายเดือนแล้ว มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ อีกทั้งกรณีของบุคลากรภาครัฐที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีหนี้สินกำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นปัญหารุนแรงต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน
ทหารเหลือเงินเดือนไม่ถึง3พันบาท
ด้าน พล.อ.อนุสรรค์ คุ้มอักษร รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (รองผบ.ทสส.) กล่าวว่า ในฐานะผู้บัญชาการเหล่าทัพ ขอสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างเต็มที่ ทั้งนี้หนี้สินของข้าราชการทั้งหมดมีมากถึง 3ล้านล้านบาทและเป็นสินเชื่อสวัสดิการ หักเป็นเงินเดือนเกือบถึง 90เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นเป้าหมายสำคัญคือการช่วยเหลือกำลังพลที่กำลังเดือดร้อน โดยเฉพาะผู้ที่ยังเหลือเงินดำรงชีพไม่ถึง30 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน จากการถูกหักชำระหนี้ ทั้งจากสหกรณ์ และสถาบันการเงิน โดยภาระหนี้สินอยู่ภายใต้เงื่อนไขการชำระที่เกินศักยภาพ พล.อ.อนุสรรค์ กล่าวว่า กองทัพตระหนักดีว่าปัญหาหนี้สินเป็นเรื่องเร่งด่วนของชาติ บทบาทที่เปลี่ยนไป คือ มิติในฐานะนายจ้างและผู้บังคับบัญชา ที่จะลุกขึ้นมายืนหยัดเพื่อผู้ใต้บังคับบัญชา โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ถือเป็นเกมเชนเจอร์ส เพราะนายจ้างจะเป็นผู้กำหนดทิศทางสินเชื่อสวัสดิการ เป็นการสร้างกระบวนการวงเงินเครดิตที่มีประสิทธิภาพ เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เป็นธรรม และยั่งยืน นอกจากนี้ เราจำเป็นต้องมีระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์ในการหักเงินเดือน ให้มีคงเหลือในการดำรงชีพไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30เปอร์เซ็นต์ ตามแนวทางเดียวกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ปี 51 อย่างไรก็ตามจากสถิติพบว่า มีกำลังพลจำนวนมากที่มีเงินเหลือต่ำกว่า 3พันบาทต่อเดือน ดังนั้นกองทัพจะดำเนินการโดยด่วน ซึ่งทางสภากลาโหมจะนำเข้าที่ประชุมต่อไป และหากสัมฤทธิ์ผล จะทำให้กำลังพลหลุดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าว เกิน 1แสนราย
นายกฯแซะแบงค์ชาติไม่ลดดอกเบี้ย
เวลา 11.30น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับทราบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินเงินกู้แก่บุคลากรส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานของรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่อยากให้มีการลดดอกเบี้ย ว่าตนคิดว่าทุกคนรับฟังอยู่ ตามที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลพูดถึงเรื่องลดดอกเบี้ยทั้งหมด เพราะถ้าลดดอกเบี้ย มันจะช่วยลดรายจ่ายส่วนหนึ่ง
“อย่างที่บอก ถ้าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ไม่ลด อย่างน้อยหน่วยงานเหล่านี้ก็มีจิตใต้สำนึกที่ดีที่มีการลดดอกเบี้ย ผมขอขอบคุณ เพราะการทำงานเหล่านี้ต้องทำด้วยใจจริงๆเชื่อว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเจ้าหน้าที่ระดับสูง ก็เห็นความลำบากของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเรื่องภาระหนี้สินหรืออะไรต่างๆ เหมือนที่ผมแถลงในที่ประชุมว่ามันเป็นสารตั้งต้นของหายนะของประเทศด้วย ต้องช่วยกันไปก่อนตอนนี้”นายเศรษฐา กล่าว
ช่วยดูแลหนี้ กยศ.ร้อยละ0.5เท่าเดิม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของหนี้ กยศ.ที่มีปัญหาผิดนัดชำระ ดอกเบี้ยจึงเพิ่มเป็นร้อยละ18 ซึ่งมีการอยากให้ลดในส่วนนี้เป็นร้อยละ0.5เท่าเดิม นายเศรษฐา กล่าวว่า เดี๋ยวจะลองช่วยดู เพราะเราตระหนักดีถึงความเดือดร้อนของประชาชน ยืนยันจะช่วยดูให้อย่างเต็มที่เท่าที่เราสามารถทำได้ ซึ่งตามที่ตนได้พูดในที่ประชุมถ้าเกิดช่วยกันได้แล้วก็ช่วยกันได้อีก ขยายวงเงินหรืออะไรต่างๆ ก็สามารถทำได้ ตนได้บอกรองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ไปด้วยว่าควรเร่งให้สหกรณ์เข้ามาอยู่ในโปรแกรมเร็วๆ ซึ่งการที่เราทำมาได้ 2 เดือนนี้ก็ได้ผลส่วนหนึ่งแล้ว นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานคณะที่ปรึกษาของนายกฯ ก็มีความมุ่งมั่นกับเรื่องนี้มาก ลงไปพูดคุยกับหลายหน่วยงาน พยายามทำให้ทุกคนทำให้เยอะขึ้นได้อีก พยายามทำให้ทุกคนมีความทะเยอทะยานในการจะช่วยเหลือ ตนว่าก็ประสบความสำเร็จแล้ว ดูจากแววตาของผู้บริหารทั้งหลาย ผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหลาย ดูท่านเองก็ซาบซึ้งถึงความลำบากของพี่น้องประชาชน
จ่อคุย‘จุลพันธ์’ใกล้เดดไลน์1หมื่น
นายเศรษฐา ยังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต1 หมื่นบาท หลังครบกำหนด 30 วัน ที่ให้คณะกรรมการไปรวบรวมข้อเท็จจริง รวมถึงได้มีการเชิญผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาพูดคุยแล้วหรือไม่ ว่า เดี๋ยวจะมีการพูดคุยกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง อยู่แล้ว รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบ
ไม่ได้สร้างกระแสห้างหนุนผ้าขาวม้า
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีห้างสรรพสินค้าในไทยเปิดบูธจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ้าขาวม้า ว่า ต้องขอบคุณห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์สยามพิวรรธน์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและคิงเพาเวอร์ จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค.นี้ ส่วนรายละเอียดจะเป็นสาขาอะไรบ้างค่อยว่ากัน นอกจากผ้าขาวม้าแล้ว อาจจะมีผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องด้วย แล้วแต่เขาจะเห็นว่าสมควร อย่างกระเป๋าที่สานจากกระจูดน่าจะมาด้วย แต่ตนยังไม่ทราบรายละเอียดสักเท่าไหร่ เขากำลังทำงานกันอยู่ เพราะเป็นที่ต้องการ มีคนถามหากันมาเยอะมาก เป็นเรื่องที่น่ายินดี จะได้ช่วยสนับสนุน ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการนำร่องในประเทศไทย เพื่อให้เกิดเป็นกระแสใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่อยากเรียกว่าเป็นกระแส จริงๆ ของเขาดีอยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะยังไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควรในอดีต เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องพยายามทำให้ของดีในประเทศไทยหลายอย่างซึ่งไม่ใช่ผ้าขาวม้าอย่างเดียวถูกนำสู่สายตาชาวโลกและคนไทยด้วยกันเอง
ปีหน้าเป็นปีที่ยิ่งใหญ่การท่องเที่ยว
ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธาน กล่าวเปิดประชุมระดมความคิดเห็น IGNITE THAILAND’S TOURISM ตอนหนึ่ง ว่า เป็นนิมิตหมายอันดีที่เราจะได้มาพูดคุยกันอย่างบูรณาการ ซึ่งการเดินทางไปต่างประเทศของตนที่ผ่านมา ได้ประกาศว่า ปีหน้าจะเป็นปีการท่องเที่ยวไทยที่ใหญ่ที่สุด เชื่อว่าการระดมการระดมสมองในวันนี้ ไม่ใช่การจุดพลุ การที่ตนเดินทางไปต่างประเทศ หรือสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องที่เราสามารถจุดประกายเรื่องการท่องเที่ยวได้ ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาอีกมากมาย ควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งปีหน้าเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ แต่เราจะเริ่มตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป ให้มีเวลาอีก 6เดือน ใครทำอะไรได้คิดอะไรได้ วันนี้การระดมสมองของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีจิตใจรักชาติ และช่วยกันมาพัฒนาประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี