เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 นสพ.Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น เผยแพร่บทสัมภาษณ์ สุทิน คลังแสง (Sutin Klungsang) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบันของไทย ซึ่งถือเป็นพลเรือนคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ดำรงตำแหน่งนี้โดยที่ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อ พรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองต้นสังกัดของเขา ที่ไปจับมือกกับพรรคการเมืองซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ทั้งที่ก่อนหน้านั้น พรรคเพื่อไทยประกาศจุดยืนต่อต้านการแทรกแซงทางการเมืองของกองทัพมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม สุทิน ได้ให้ความเห็นในประเด็นนี้ว่า รัฐบาลไทยควร “ประนีประนอม (Compormise)” กับกองทัพท่ามกลางการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเสนอว่า การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งเกี่ยวกับบทบาทของกองทัพ จะเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับการบริหารงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน (Srettha Thavisin) ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงควรเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมความไว้วางใจกับกองทัพจากที่เคยขัดแย้งกันในอดีต
สุทิน เรียกร้องให้ทหารและประชาชน “พบกันครึ่งทาง (meet each other halfway)” ขณะที่กองทัพก็ควรได้รับความไว้วางใจจากประชาชน พร้อมกับยกตัวอย่าง เช่น ควรบริจาคที่ดินของกองทัพสำหรับใช้ประโยชน์สาธารณะ รวมถึงมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนเรื่องการเมืองไทยที่มักมีการรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุทิน กล่าวว่า การศึกษาเพื่อยึดหลักประชาธิปไตยในประเทศมีความสำคัญมากกว่าการสร้างสถาบันการควบคุมของพลเรือน
“การควบคุมกิจกรรมของกองทัพผ่านรัฐธรรมนูญและกฎหมายนั้นไม่มีประโยชน์” สุทิน กล่าว
ประเด็นต่อมาคือแนวคิดเรื่องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ซึ่งประแทศไทยมีปัญหาคนรุ่นใหม่หลบเลี่ยงการเป็นทหาร แต่ รมว. กลาโหม ระบุว่า แม้กฎหมายเกณฑ์ทหรจะยังคงมีอยู่เพื่อรักษาอัตรากำลังพลให้เพียงพอต่อการป้องกันประเทศ แต่ตนก็คาดหวังให้มีผู้สมัครใจรับใช้ชาติจนถึงวันหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องมีการเกณฑ์ทหารอีกต่อไป จึงพยายามผลักดันเรื่องปรับปรุงค่าตอบแทนกำลังพล และส่งเสริมให้กำลังพลได้รับการศึกษาสูงขึ้นระหว่างเป็นทหาร ขณะที่การปรับปรุงโครงสร้างกองทัพ โดยเฉพาะการมีนายทหารชั้นนายพลมากถึง 2,000 นาย ตนคาดว่าภายในปี 2570 น่าจะปรับลดลงได้อย่างน้อย 500 นาย
ส่วนเรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศ สุทิน ชี้ไปที่สถานการณ์ภายในของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา ซึ่งมีการสู้รบระหว่างกองทัพของรัฐบาลทหารที่เข้ายึดอำนาจในปี 2564 กับกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ สำหรับประเทศไทย เรื่องนี้มีข้อกังวลเกี่ยวกับปัญหาผู้ลี้ภัยทะลักข้ามชายแดนเข้ามา แต่เมื่อดูในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เทียบกับชาติอื่นๆ แล้วไทยค่อนข้างประนีประนอมกับเมียนมามากกว่า โดยไทยจะยังมีการเจรจากับรัฐบาลทหารเมียนมาต่อไป
“เรามุ่งหวังที่จะรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ภายในกรอบอาเซียน” สุทิน กล่าวในตอนท้าย
ขอบคุณเรื่องจาก : https://asia.nikkei.com/Editor-s-Picks/Interview/Thailand-s-civilian-defense-minister-seeks-gradual-military-reform
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี