ไร้ประสิทธิภาพเร่งรัดเบิกจ่ายงบฯ
ฝ่ายค้านถล่มรบ.
ซัด‘เศรษฐา’เพิ่งตื่นลดงบทัวร์นอก
ผลาญเช่ารถประจำตำแหน่ง
จี้ทำเนียบเลิกซื้อพรม10ล.
‘จุลพันธ์’ย้ำลุยแจกเงินดิจิทัล
ถกงบฯปี’67 วาระสองวันแรกเริ่มแล้ว “ภูมิธรรม” เผยปรับลดลง 9,204 ล้าน สภาฯไม่ปรับลดงบกลาง ให้ยึดตามกมธ.เสียงข้างมาก ด้าน“เรืองไกร” ปูดมีล็อบบี้งบนายกฯ
ขอมาพันล้าน ขู่ถ้ายังไม่ตัด เจอร้องปปช.แน่‘ศิริกัญญา’ฟาดรัฐบาลขาดประสิทธิภาพเบิกจ่ายงบฯไปพลางก่อน เหน็บนายกฯเพิ่งตื่น สั่งลดงบไป ตปท.ชี้งบฉุกเฉินควรฉุกเฉินจริงๆ ไม่ใช่ตั้งงบกลางขาดแล้วเอาเงินฉุกเฉินไปใช้ ด้าน’จุลพันธ์’ยันเดินหน้าแจกเงิน1หมื่น ถล่มนายกฯ ผลาญงบเช่ารถประจำตำแหน่งเดือนละกว่าแสนบาท ทั้งที่มีรถส่วนตัวรุ่นเดียวกัน เหน็บ อู้ฟู่เปลี่ยนพรมทอมือขนแกะ9ผืนในทำเนียบฯ ขณะที่คนไม่มีจะกิน
เมื่อเวลา 09.30น.วันที่ 20มีนาคม2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48ล้านล้านบาท วาระ2-3เรียงตามรายมาตรา ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
‘ภูมิธรรม’เผยปรับลดงบลง9,204ล้านบาท
โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะ กมธ.ฯ กล่าวสรุปรายงานของคณะ กมธ.ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้เริ่มพิจารณาร่าง พรบ.ฉบับนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ถึงวันที่ 13มี.ค.ถือว่าดำเนินการได้รวดเร็วกว่าที่กำหนดไว้2สัปดาห์ เป็นการพิจารณารายละเอียดงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ รวม 737หน่วย รับงบประมาณ โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณารายละเอียดงบประมาณรายจ่ายฯ จำนวน 8คณะ ได้ปรับลดงบประมาณลง 9,204 ล้านบาท นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯพิจารณาอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่าย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงงบประมาณ จากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข แผนงานบุคลากรภาครัฐ รายการบุคลากรภาครัฐ จำนวน 191ล้านบาท ไปเป็นงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นเงินอุดหนุน สำหรับสนับสนุนการถ่ายโอนบุคลากรสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินีและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด 43 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตาม พรบ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่าง พรบ.ฉบับดังกล่าว มี 41มาตรา โดยมีกรรมาธิการสงวนความเห็น 26คนและมี สส.สงวนคำแปรญัตติ 220คน
‘ก้าวไกล’ขอตัด3หมื่นล้านงบฯรวมปี67
เวลา09.45น.น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะกมธ.งบฯปี67 ขอสงวนความเห็นและอภิปรายว่า ตนขอปรับลดงบฯ 3 หมื่นล้านบาท เพราะงบประมาณเบิกจ่ายล่าช้า เนื่องจากงบฯปี67มีการอนุมัติงบไปพลางก่อนไปแล้วโดยผอ.สำนักงบประมาณ มูลค่า 1,8ล้านล้านบาท ส่วนที่เหลือที่สภาฯสามารถพิจารณาได้จริงๆ โดยที่ไม่ต้องไปโอนเปลี่ยนแปลงคืน ไม่ต้องถูกสำนักงบฯทักท้วงในห้องประชุม มีมูลค่าไม่ถึงครึ่งหนึ่งคือ1.68ล้านล้านบาท ดังนั้นถ้ามีใครบอกว่างบประมาณไม่ออก 2ไตรมาสแรก ไม่ได้เป็นปัญหาจากที่สภาฯ เนื่องจากสำนักงบฯได้มีการอนุมติงบไปพลางก่อนแล้ว แต่ที่เบิกจ่ายล่าช้าเป็นเพราะรัฐบาลขาดประสิทธิภาพในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ เพราะงบใช้ไปพลาง สำหรับงบประจำเบิกจ่ายไปแล้ว ณ วันที่ 15 มี.ค.เบิกได้แค่ 79เปอร์เซนต์ แต่ที่กังวลคือรายจ่ายลงทุน มีการอนุมัติไปแค่ 155,000 ล้านบาท ซึ่งปกติเราอนุมัติรายจ่ายลงทุนทั้งปี ประมาณ 6 แสนล้านบาท แต่ปรากฎว่าเบิกจ่ายไปได้เพียง 55เปอร์เซนต์ ใน6เดือน ดังนั้นดิฉันคิดว่าถ้ารัฐบาลขาดประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายงบฯขนาดนี้ ก็สมควรถูกตัดงบลง
เพิ่งตื่นลดงบเดินทางไปต่างประเทศ
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า ปัญหาที่ตามมาคือ หากรายได้พลาดเป้า รัฐบาลต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อชดเชยการขาดดุล 693,000 ล้านบาท เสี่ยงต่อการชนเพดานเงินกู้ซึ่งอยู่ที่ 790,656 ล้านบาท อีกเพียง 97,656 ล้านบาท จะชนเพดาน หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นจะทำอย่างไร แน่นอนว่าใครของบก่อนได้ก่อน จึงเห็นว่าควรต้องมาจัดสรรลำดับความสำคัญกันใหม่ ด้วยการปรับลดงบประมาณลงเล็กน้อย เพื่อให้สถานะทางการคลังของประเทศไม่สะดุดหยุดลงหรือมีปัญหา และในกมธ.ฯนายกรัฐมนตรี ได้เสนอตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นสำหรับปี 68 ได้แก่ งบประชาสัมพันธ์ ฝึกอบรมและดูงาน ค่าใช้จ่ายเดินทางต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายในการเช่ายานพาหนะ ลดการบรรจุอัตรากำลังใหม่ แต่ตอนนี้งบประมาณปี 68 หน่วยรับงบประมาณได้ส่งคำขอไปตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. 67
“ดิฉันยังงงอยู่ว่าทำไมนายกฯ เพิ่งทราบจาก กมธ.ว่าเราจำเป็นที่จะต้องลดงบที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ แล้วมาสั่งวันที่ 3มี.ค.67 ออกหนังสือวันที่ 6 มี.ค.67 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เราไม่มีนโยบายแบบนี้ตั้งแต่การมอบนโยบายงบ 68 ตั้งแต่วันที่ 12ม.ค.67 แต่เราจะติดตามอย่างใกล้ชิดสำหรับงบปี 68 ซึ่งจะเผยโฉมหน้าให้ประชาชนทราบ ที่จะเข้าครม.ในสัปดาห์หน้า” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
เดินหน้าแจกเงินดิจิทัล-ออกเป็นพรบ.
ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะรองประธานกมธ.งบฯปี67 ชี้แจงว่า ข้อเท็จจริงงบประมาณไปพลางก่อน ไม่ใช่อำนาจของสำนักงบฯฝ่ายเดียว แต่มีเรื่องของกลไกลตามข้อกฎหมายและรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการอนุมติเห็นชอบผ่านนายกฯ รวมกับสำนักงบฯ และเนื่องจากเวลาในการทำงบฯประจำปีไม่ทัน จึงมีความจำเป็นต้องใช้ แต่ในการใช้งบไปพลางก่อนจะมาตั้งโครงการใหม่ ซึ่งไม่ได้รับการบรรจุในงบประมาณปีก่อนหน้าทำไม่ได้ งบประมาณไปพลางก่อนข้อดีคือ ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาในปีก่อนหน้ามาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงเป็นโครงการที่ได้รับความเห็นชอบจากตัวแทนประชาชนในระดับหนึ่ง ซึ่งนายกฯและผอ.สำนักงบฯสามารถกำหนดได้เฉพาะหลักเกณฑ์เงื่อนไขเท่านั้น เช่นงบประจำ เงินเดือนข้าราชการ เป็นต้น
‘ยืนยันว่าโครงการของรัฐบาลทุกโครงการไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ต หรือโครงการใดก็ตามยังจะเดินหน้า แต่ด้วยกรอบการพิจารณาของชั้นคณะกรรมการผู้ดำเนินการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เรายังยืนยันว่าอาจจะต้องมีความจำเป็นจะต้องกู้ผ่านพรบ.แต่หากจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ก็คงจะมาผ่านการพิจารณาการให้ความเห็นของจากสมาชิกอีกครั้ง ยืนยันว่าเราจะเดินหน้าแน่นอน”รมช.คลัง กล่าว
จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นด้วย ไม่มีการแก้ไขตามเสียงข้างมากของ กมธ.
งบฉุกเฉินต้องใช้เวลามีเหตุฉุกเฉินจริง
เวลา11.00น.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการงบฯปี67 สงวนความเห็นขออภิปรายปรับลดงบกลางให้เหลือ 5.7แสนล้านบาท โดยระบุว่า อยากให้รัฐบาลจัดสรรงบตามวัตถุประสงค์ในการมีงบกลาง โดยทางปีนี้รัฐบาลไม่ได้จัดสรรเบี้ยหวัดบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลของบุคลากรภาครัฐไว้อย่างเพียงพอ เป็นการพลาดแล้ว พลาดอยู่ พลาดต่อ โดยปีนี้เป็นปีที่3แล้ว ที่ตั้งงบไว้ขาดเป็นจำนวนมาก เบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ ตั้งขาดไป 3หมื่นล้านบาท ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลบุคลากรภาครัฐตั้งขาดไป 2หมื่นล้านบาท
“เท่ากับว่าเราไม่ต้องใช้เงินสำรองรายจ่ายฉุกเฉินเพื่อไปทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการในการช่วยเหลือประชาชน ในกรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนแต่อย่างใด ใช่หรือไม่คะ วัตถุประสงค์ของงบกลางไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงแค่ไว้ใช้อุดช่องโหว่ในการทำนโยบายของรัฐบาล ดังนั้นงบประมาณฉุกเฉินควรจะต้องใช้เมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินและจำเป็นจริงๆ ไม่ใช่ตั้งใจตั้งงบขาดแล้วมาใช้เงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็น จึงเสนอให้ตัดลดงบกลางเงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็นลง 3หมื่นล้านบาท” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
‘เรืองไกร’จี้ตัดงบ1พันล้านที่นายกฯขอ
ด้าน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการฯ ขอสงวนความเห็น อภิปรายขอปรับลดงบกลาง 1.4พันล้านบาท โดยระบุว่า ในกรรมาธิการที่มีการหารือกันอยู่นั้น มีรองประธานกรรมาธิการฯ บอกว่าของบให้รัฐสภาไทย ตนคิดว่าไม่ถูกต้อง เพราะจะมีส่วนได้เสีย
“ในการพิจารณาปรับเพิ่ม 1พันล้านบาท วันนั้นมีการพูดคุยกันกลางห้องประชุม จับกลุ่มพูดคุยว่าจะเอาตรงไหนไปไหน มีการบอกว่าจะเอาไปประกันสังคม 500ล้านบาท ตัว1พันล้านบาท บอกว่าท่านนายกฯขอมา ผมฟังแล้วผมก็ตกใจ ถ้าบอกขอมา อย่างนี้วันนี้ผมต้องขอเสนอตัดออก เพราะให้ผ่านไปไม่ได้ ถ้าให้ผ่านไปในมาตรา 144 ก็ต้องถูกร้องแน่ การที่มาพูดแล้วในห้องกรรมาธิการ แม้ว่าจะไม่ได้ออกเสียง แต่ก็มีคณะกรรมาธิการที่เป็นคณะรัฐมนตรีนั่งอยู่ด้วย ศาลรัฐธรรมนูญบัญญัติคำวินิจฉัยไว้ว่าถ้ามีส่วนได้เสียในเรื่องนั้นก็ต้องไม่อยู่ในห้อง เฉกเช่นเดียวกันกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ท่านก็ทำเป็นตัวอย่าง ผมยังติดใจเรื่องนี้และเสนอให้ท่านตัด 1 พันล้านบาทออกไป เพราะอย่างไรงบกลางก็ยังมี 9 หมื่นกว่าล้าน อย่าไปเสี่ยงกับเงินเล็กน้อยและมีปัญหาทางข้อกฎหมาย เพราะอย่างไรเสียผมเป็นกรรมาธิการ แม้เสียงข้างน้อย ผมก็ใช้สิทธิ์ที่จะต้องยื่น ปปช.แน่นอน ถ้าตัวเลขนี้ไม่ตัดออก” นายเรืองไกร กล่าว
ภายหลังการอภิปรายของสมาชิก ที่ประชุมได้ลงมติให้ความเห็นชอบ 279เสียง ยึดตามการแก้ไขของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก โดยมีเสียงไม่เห็นด้วย 160เสียง งดออกเสียง1เสียง
ป้องนายกฯใช้งบโปร่งใส-ตรวจสอบได้
ขณะที่ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ชี้แจงกรณีสมาชิกท่านหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า ท่านนายกฯขอเงิน 1 พันล้านบาทนั้น ดิฉันยืนยันว่าท่านนายกฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และเราได้อภิปรายอย่างกว้างขวางถึงความจำเป็นที่หน่วยงานนั้นขอรับงบประมาณ ซึ่งโครงการต่างๆ ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และใน กมธ.ก็เป็นตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆอย่างไรก็ตาม ท่านนายกฯได้ใช้งบประมาณในรอบ 1 ปีท่านจะมีคำอธิบายต่อสภาฯ ให้มีการตรวจสอบ ย้ำว่างบประมาณทุกบาททุกสตางค์ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เราจะบริหารงบประมาณอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
ซัดนำรถชาร์ตไฟหลวงไม่เหมาะสม
ขณะที่ นายปรีติ เจริญศิลป์ สส.นนทบุรี พรรคก้าวไกล อภิปรายปรับลดงบประมาณรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า นายกฯมีทรัพย์สินกว่า 1,020ล้านบาท แต่เดิมนายกฯมีรถประจำตำแหน่งอยู่แล้ว แต่ยังขอให้รัฐจัดหารถประจำตำแหน่งเพิ่มอีก 1คัน ที่เป็นรุ่นเดียวกัน แต่คนละสี มีค่าเช่าเดือนละ 136,500 บาท หรือ124ล้านบาทต่อปีมากกว่าเงินเดือนประจำตำแหน่งที่ท่านได้รับ ท่านบอกว่าท่านบริจาคเงินเดือนให้มูลนิธิการกุศล แต่ท่านพูดไม่หมด แม้มีรถประจำตำแหน่งอยู่แล้ว รุ่นเดียวกันแต่คนละสี แต่ยังมาให้รัฐเสียเงินเช่ารถให้ท่านอีก ส่วนรถคันล่าสุดรถไฟฟ้า ยี่ห้อ Fiat &Abarthรุ่น 500 electric สีเขียว ราคา 2.38 ล้านบาท ที่ลูกสาวซื้อให้คันนี้ท่านนำมาชาร์จไฟที่ทำเนียบ อันนี้ต้องระวัง ตนดูถึงความเหมาะสมว่าหลายรายการดูจะไม่เหมาะสมกับการใช้งบฯของรัฐ
เลิกซื้อพรม10ล้าน-ชาวบ้านไม่มีจะกิน
นายปรีติ กล่าวว่า ยิ่งไปกว่านั้นตนเห็นรัฐจัดหารถให้แล้ว แต่ทำไมมีการตั้งงบฯค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งอีกปีละ 2.73ล้านบาท ตนอยากรู้ว่างบฯส่วนนี้เข้ากระเป๋าใคร ซ้ำซ้อนหรือไม่ ขอให้ยกเลิกรถประจำตำแหน่งและค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ข้าราชการระดับสูง รวมถึงยกเลิกงบฟุ่มเฟือยอย่างพรมทอมือขนแกะ 9ผืน มูลค่า 10,557,200บาท เพื่อปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล ขอให้นึกถึง เราเป็นประเทศกำลังพัฒนา อะไรที่อู้ฟู่หรูหราไม่จำเป็นควรตัดออก ขอให้นึกถึงคนไม่มีจะกินบ้าง เพราะเงินเหล่านี้คือภาษีประชาชนที่พวกท่านเอามาใช้
จำเป็นใช้ในราชพิธี-รับอาคันตุกะต่างแดน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพรบ.งบฯปี67 วาระ2 มาตรา7งบฯรายจ่ายของสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานในกำกับว่า ยืนยันว่า การทำงานของ กอ.รมน.ไม่มีความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานด้านความมั่นคงอื่นๆ เช่น สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ที่เป็นหน่วยงานด้านนโยบาย ต่างจากกอ.รมน.ที่เป็นฝ่ายอำนวยการไปสู่การปฏิบัติงานหน่วยงานอี่นๆ ส่วนการจ้างเหมาลำเครื่องบินจากภาคเอกชน 12เดือนมูลค่า 190ล้านบาท เป็นไปเพื่อใช้จ่ายในการขนส่งกำลังพลลงพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีการผลัดเปลี่ยนกำลังพลทหารจากกองทัพภาคต่างๆลงพื้นที่ จึงต้องจ้างเหมาลำเครื่องบินพาณิชย์เอกชนขนส่งทหารลงพื้นที่ ขณะที่ข้อสงสัยเรื่องนายกฯมีรถประจำตำแหน่งแล้ว เหตุใดยังมีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งอีก ค่าตอบแทนดังกล่าวไม่ใช่ของนายกรัฐมนตรี แต่เป็นของบุคลากรในสำนักนายกรัฐมนตรี 17ราย ส่วนงบพรมทอมือขนแกะ10ล้านบาท เป็นการใช้ในงานพระราชพิธีและงานสำคัญต่างๆที่ต้องเปิดห้องรองรับอาคันตุกะต่างแดนให้สมเกียรติ เป็นหน้าตาประเทศ ส่วนงบประมาณเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ใช้อย่างคุ้มค่า นายกฯไม่ได้เดินทางโดยใช้เฟิร์สคลาส มีการประหยัดงบประมาณในการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจเพื่อประโยชน์ของประเทศ จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบ มาตรา7 ตามที่กมธ.เสียงข้างมากแก้ไขมาด้วยคะแนน 292ต่อ 169
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี