‘เศรษฐา’ไขลานตำรวจทำงานเพื่อปชช.
ลำบากใจเชือด‘ต่อ-โจ๊ก’
พร้อมให้ความยุติธรรมทุกฝ่าย
กรรมการสอบไม่รับปาก60วันจบ
ย้ำใครทำดีได้ดี/ทำชั่วก็ต้องได้ชั่ว
‘บิ๊กต่อ-โจ๊ก’รายงานตัวทำเนียบฯ
นายกฯเศรษฐา มอบสารพัดนโยบาย ย้ำตำรวจต้องสามัคคี-ไม่แบ่งฝ่าย ทำงานเพื่อประชาชน หลังเชือด“บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก”เด้งเข้าทำเนียบฯขณะที่“วินัย ทองสอง”บอกกรรมการสอบไม่รับปากจะจบใน 60 วัน แต่ทำเต็มที่เปรใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วก็ต้องได้ชั่ว ด้าน”บิ๊กต่อ” บอกละครเลิกเก็บฉากหอบเสื่อกลับบ้านรายงานตัวทำเนียบได้ดูงานด้านจิตอาษา- ด้าน‘บิ๊กโจ๊ก’ ดูงานกม.-ข้อมูลข่าวสาร ปัดสายตรงจันทร์ส่องหล้า
เมื่อวันที่ 21มี.ค. 67 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม มอบนโยบายตั้งแต่ระดับผู้บัญชาการขึ้นไป โดยมีพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รอต้อนรับ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าวันนี้นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มือกฎหมายเข้าร่วมประชุมด้วย
การประชุมเริ่มขึ้นเวลา 08.10 น.โดยให้สื่อมวลชนได้เข้ารับฟัง โดยนายกรัฐรัฐมนตรี
กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าทุกท่านเข้าใจดีที่เรามาประชุมวันนี้เพราะอะไร ชัดเจน ว่าตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ขอพูดสั้นๆง่ายๆ และเชื่อว่าทุกคนเข้าใจ หากองค์กรตำรวจมีปัญหา นายกฯต้องเป็นที่พึ่งของตำรวจ และขอให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าเพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปข้างหน้าได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับนายตำรวจระดับสูงทั้งสองคนที่เป็นข่าวเมื่อวานนี้ และปัญหาที่เกิดขึ้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่าให้การดูแลพี่น้องประชาชนหย่อน จะต้องมีการบริหารจัดการ เกิดขึ้นมา เราต้องคำนึงถึงหน้าที่ที่เรามีอยู่ เราอยู่ตรงนี้เราอยู่เพื่ออะไร ผมขอสั่งให้ยุติการให้ข่าว เกี่ยวกับเรื่องทั้งสองท่าน เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปข้างหน้า เพื่อให้เกิดความถูกต้องและความเป็นธรรมกันทั้งสองฝ่าย ใครที่เคยเทคไซส์เคยให้ข่าว ขอให้หยุดเนื่องจากกระบวนการยุติธรรมได้ดำเนินการขึ้นแล้ว ส่วนเรื่องการแทรกแซงผมเคยได้พูดไปแล้วว่า ตนไม่เห็นด้วย และไม่อยากให้ทุกท่านที่อยู่ในที่นี้เป็นตัวละครของเรื่องเหล่านี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ให้กระบวนการเป็นตัวพิสูจน์เอง อย่าไปแทรกแซงผู้ใต้บังคับบัญชา จึงได้มีการให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ผมมองว่าถ้าการที่คนในเครื่องแบบทะเลาะกันประชาชนก็เดือดร้อน
ให้เร่งปราบสิ่งผิดกฎหมาย
จากนั้นนายกฯมอบโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติ หนี้นอกระบบ ผู้มีอิทธิพลสินค้าหนีภาษี บ่อนการพนัน การเผาทำลายป่าฯประมาณ 10 ประเด็น
ทั้งเรียกร้องให้ตำรวจมีความสามัคคี เชื่อว่าทุกคนก็เป็นคน มีการรักชอบใครต่างๆกันไป ไม่เชื่อว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เข้าใจถึงปัญหา ที่เกิดขึ้นทั้งหลายเรื่องความสว่างสมานสามัคคีการเทคไซส์ แบ่งพรรคพวก แบ่วลูกน้องอะไรยังไงทั้งหลาย เราเชื่อว่าเก็บรักความรักไว้ในใจของตัวเองดีกว่าวันนี้เอาประชาชนเป็นที่ตั้งและดูแลประชาชนให้ดีที่สุด เรื่องของคดีต่างๆที่เกิดขึ้นมา เหตุการณ์เมื่อวานนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมซึ่งเราก็มีคณะกรรมการแล้ว 3 ท่าน ซึ่งหลังจากที่มีบทสรุปแล้วก็จะเข้ากตรเพื่อจะให้ทำอีกครั้งหนึ่ง ขออย่าห่วงนะผมให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายเพราะไม่ฝักใฝ่กับใครคนใดคนหนึ่ง เราอยู่ตรงนี้ดูแลประชาชน ขอยืนยันตรงนี้ก็แล้วกัน ตนเชื่อว่าทำงานด้วยกันได้ และองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะเดินได้อย่างสมศักดิ์ศรี“ นายกรัฐมนตรีกล่าว
ด้านพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ กล่าวว่า จะเดินหน้าและปฏิบัติตามนโยบาย ข้อสั่งการทุกเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้มอบให้อย่างจริงจัง ตนเองก็จะทำหน้าที่รักษาการเพื่อนำไปสู่ ความสงบสุขและความอยู่ดีกินดีของพี่น้องประชาชน
ลำบากใจเชือด”ต่อ-โจ๊ก”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแล้วเสร็จการประชุมนายเศรษฐา นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์
ยอมรับว่าลำบากใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทุกฝ่ายต้องมีความสามัคคีทำงานให้ประชาชน เรื่องที่เกี่ยวข้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และทุกอย่างต้องจบ
เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
เมื่อถามว่า หลายคนมองว่าการเซ็นคำสั่งย้ายครั้งนี้เป็นการกลบปัญหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกัน ก็เข้าใจในแง่ของคนที่มอง และยังมองว่าเป็นห่วง ไม่เป็นไรให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ และการกระทำเป็นตัวบ่งบอกแล้วกันว่าการทำอย่างนี้ทุกอย่างมันดีขึ้นหรือเปล่า และให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายหรือเปล่า
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีการเด้งตำรวจใหญ่ทั้ง2คนพร้อมกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ได้มองอย่างไร แต่ละเหตุการณ์ก็มีตัวแปรที่แตกต่างกันไป แต่ละคนก็มีหน้าที่ แต่ละผู้นำก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป บริบทต่างๆก็ต่างกันไปเช่นกัน รวมทั้งปัญหา เพราะแต่ละยุคแต่ละสมัยปัญหาก็เปลี่ยนไป อย่างเช่นการพนันออนไลน์เมื่อก่อนก็ไม่มี เดี๋ยวนี้ก็แพร่หลายอย่างมาก บุหรี่ไฟฟ้าสมัยก่อนก็ไม่มี ยาบ้าสมัยก่อนมีน้อยตอนนี้ก็มีเยอะ ตอนนี้ก็แตกต่างกันไปหลายอย่าง วันนี้เราเอาเรื่องของประชาชนเป็นหลักดีกว่า และให้กำลังใจกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ปฎิบัติหน้าที่ของเขาอย่างสมเกียรติก็แล้วกัน ส่วนเรื่องคดีความเมื่อจบไปแล้ว เดี๋ยวท่านก็กลับมาใหม่ อย่าเพิ่งไปทำให้เกิดความแตกแยกเลย อย่าให้เกิดรอยร้าวทางจิตใจดีกว่า วันนี้เรามาทำงานกันดีกว่า เพราะส่วนตัวเชื่อว่าทุกท่านอยากให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า และประชาชนมีความสุข
ยืนยันอะไรไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันใช่หรือไม่ว่านายตำรวจทั้ง2 ท่านจะกลับมาภายใน 60 วันถ้าผลสอบเสร็จ นายกรัฐมนตรี กล่าวสวนทันทีว่า “ผมยืนยันอะไรไม่ได้ ถ้ายืนยันได้คงไม่ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ก็ต้องรอให้คณะกรรมการท่านได้ดูก่อน สืบหาความจริงทั้ง 2 ท่านก่อน แต่ถ้าเดินหน้าไปแล้ว 30 วัน 60 วัน ถ้าเกิดพิสูจน์แล้วไม่มีปัญหาก็กลับมาใหม่ อย่างที่ผมได้พูดไปแล้วชัดเจน พูดไป 3 หนแล้วว่าถ้าเกิดไม่มีปัญหาก็กลับมาใหม่ เพราะท่านเองท่านไม่ได้ถูกลงโทษ“
เมื่อถามว่า แต่จะไม่ถึงขั้นเลวร้าย ถึงขั้นต้องเกษียณกันไปข้างหนึ่งใช่หรือไม่ นายเศรษฐาย้ำว่า ตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับการที่คณะกรรมการจะได้พิสูจน์ทราบว่าผลของการพิสูจน์เป็นอย่างไร ตนถึงได้บอกและย้ำว่าขอทุกท่านอย่าไปคิดล่วงหน้าว่าถ้าเกิดเป็นอย่างนั้น แล้วจะต้องเป็นอย่างนี้ ขอให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปได้ ด้วยความยุติธรรมดีกว่า และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายดีกว่า
บิ๊กต่อ-โจ๊กรายงานตัว
วันเดียวกัน ท้งพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.มารายงานตัวกับนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หลัวงโดนคำสั่งนายกฯให้มาปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 60 วัน โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้ดูแลงานด้านจิตรอาสา ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ดูแลงานด้านข่าวสาร-กฎหมาย
ต่อมาพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้เครียดอะไรทุกอย่างโอเคในระดับหนึ่งและต้องรับสภาพให้ได้
“วันนี้พี่ถอดหัวโขน อยู่แค่ตำแหน่ง ผบ.ตร. หัวโขนในการปฏิบัติหน้าที่ เราก็ถอดออก พี่มานั่งที่นี่ ก็ใส่หัวโขนที่นี่ โรงละครของเราเลิกแล้วก็เก็บฉาก เก็บเครื่องแต่งตัว ปิดไฟ หอบเสื่อกลับบ้านเรา ก็เท่านั่น ชีวิตเรามีเท่านี้ คุณจะมาเครียดอะไร มาเร็วก็ต้องจากกัน ผมไม่เครียดหรอก ยืนยันไม่ช็อคเพราะรู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว รู้ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเรียกเข้าพบด้วย รู้ส่วนตัวอยู่แล้ว”
“โจ๊ก”บอกเหมือนกลับบ้านเก่า
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ว่า ตนคุ้นเคยกับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รู้ห้องทั้งหมด เหมือนกลับบ้านเก่า เพราะเคยอยู่ที่นี่มาสองปีก่อนหน้านี้ การมาครั้งนี้ไม่กดดัน ทราบว่าเขาเตรียมห้องทำงานไว้ให้แล้ว มีงานอะไรเราก็ทำ
ไม่ใช่สายจันทร์ส่องหล้า
. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังรายงานกับปลัดสำนักนายกฯ ถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่ไปใกล้ชิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้เหตุการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้ ว่า ไม่เกี่ยว ที่ตนไป จ.เชียงใหม่ คือไปทำหน้าที่ รักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ เพราะนายทักษิณเป็นอดีตนายกฯ ไม่มีเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้น และการโยกย้ายครั้งนี้เป็นการแก้ปัญหาของนายกฯ เพื่อให้เกิดความสามัคคีในหน่วยงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายคนมองว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เป็นสายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีสายไหน เป็นรอง ผบ.ตร. ตอนนี้เขาให้มาช่วยราชการที่สำนักปลัดสำนักนายกฯ ก็มา
ไม่ยืนยัน60วันสอบสวนเสร็จ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ในฐานะกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ชี้แจงกรณีการแต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า จะเดินหน้าทำความจริงให้ปรากฎใครทำผิดต้องได้รับผิดใครทำถูกก็ต้องได้รับความบริสุทธิ์ใครทำกรรมดีก็ต้องได้รับกรรมดีใครทำชั่วก็ต้องได้รับความชั่วจะไม่มีการกลั่นแกล้งใส่ร้ายรังแก หรือช่วยเหลือผู้ใด รวมไปถึงถ้าประชาชนท่านใดมีเบาะแสหรือข้อมูลหลักฐาน เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังตรวจสอบขอให้นำข้อมูลข่าวสารมาพบคณะกรรมการได้
ไม่ยืนยัน60วันสอบเสร็จ
เมื่อถามว่า คณะกรรมการชุดนี้จะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบมากเท่าใด พล.ต.อ.วินัย ตอบว่าตามคำสั่งให้ระยะเวลาในการตรวจสอบ 60 วัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และยาว คณะกรรมการจึงต้องพยายามทำงานให้รวดเร็วและรายงานการตรวจสอบให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะพร้อมเก็บข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นนำเสนอ
ส่วนเรื่องนี้จะตรวจสอบประเด็นใดบ้างนั้น พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า เรื่องที่มีการแถลงโต้ตอบกัน เรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ของเว็บพนัน ซึ่งการทำความจริงให้ปรากฏต้องได้รายละเอียดว่าใคร ทำสิ่งใด อย่างไร ตนเชื่อว่าทางคณะกรรมการจะสามารถทำความจริงให้ปรากฏได้แม้จะไม่ได้ดูสำนวนการสอบสวนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แต่ ยืนยันว่า สามารถทำความจริงให้ปรากฏได้ โดยทางคณะกรรมมีวิธีการอื่นที่จะให้ได้มาถึงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง
เบื้องต้นและคณะกรรมการจะต้องพยายามทำให้ทันภายใน 60 วัน แต่ถ้าไม่ทันก็ต้องขยายระยะเวลา ซึ่ง ณ วันนี้เริ่มทำแล้ว แต่จะตรวจสอบทันก่อนที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกษียณหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี